บทที่ 45
“ผมมีรถ” ไป๋ยี่เฟยตอบเสียงเรียบ
หลิ่วจาวเฟิงทำเสียงดูถูก “จักรยานหรือจักรยานยนต์ไฟฟ้า? ยี่ห้ออะไร?”
“BMW”
“เชอะ……BMWยี่ห้ออะไร ผมไม่เคยได้ยิน……” หลิ่วจาวเฟิงไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าไป๋ยี่เฟยจะซื้อรถเก๋ง ดูถูกด้วยความเคยชิน พอพูดจบถึงคิดได้ว่าไป๋ยี่เฟยพูดอะไรไป
“นายพูดอะไรนะ? BMW?” หลิ่วจาวเฟิงสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป
หลิวจื่อหยุนและหลี่เฉียงตงก็อึ้งไป
มีแต่หลี่เสว่ที่รู้ดี เห็นสีหน้าของหลิ่วจาวเฟิง ยิ้มอย่างรู้สึกตลก
ไป๋ยี่เฟยเหล่ตาดู “ที่แท้คุณชายหลิ่วของหลิ่วซื่อกรุ๊ปไม่เคยได้ยินBMWเหรอเนี่ย? ช่างน่าแปลกใจจังครับ”
หลิ่วจาวเฟิงสายตาหดหู่ไป จ้องหน้าไป๋ยี่เฟย พูดอย่างไม่ยอม “BMW? ผมไม่รู้ว่าBMWออกรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ออ งั้นBMW M8ล่ะ? รุ่นนี้คุณก็ไม่รู้จัก?”
หลิ่วจาวเฟิงอึ้งไป สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ “BMW M8? นายพูดตลกใช่ไหม?”
ในBMWก็รุ่นนี้ที่ราคาสูงที่สุด ล้วนราคาหลักล้านขึ้นไป
หลิวจื่อหยุนกับหลี่เฉียงตงต่างก็อึ้งตามกัน นึกถึงรถออดี้รุ่นพิเศษที่ไป๋ยี่เฟยซื้อให้พวกเขาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ซื้อรถหรูให้ตัวเองอีกคัน ก็ไม่ถือว่าแปลก
“ได้ รถอยู่ไหน? นายให้พวกเราดูหน่อยซิ” หลิ่วจาวเฟิงยังไม่ตายใจ
“ไป๋ยี่เฟย รถของคุณอยู่ไหน?” หลิวจื่อหยุนก็รู้สึกอยากรู้ อยากไปดูให้เห็นกับตา
ไป๋ยี่เฟยทำไมจะไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ ยกมือชี้ “อยู่ข้างนอก”
ทันใดนั้นทุกคนก็ออกไปด้วยที่สวนนอกบ้าน
ในสวนหน้าบ้านไม่ไกลนัก มีBMW M8สีบรอนซ์จอดอยู่ สีใหม่สีสดสะท้อนจากแสงไฟที่ส่องอยู่
หลิ่วจาวเฟิงจ้องตาโต มันคือความจริง
ไป๋ยี่เฟยมองหน้าหลิ่วจาวเฟิง จากนั้นก็พูดกับหลิวจื่อหยุน “แม่ครับ สองวันก่อนผมซื้อออดี้ให้พวกแม่คันหนึ่งไม่ใช่เหรอครับ? เป็นไงบ้าง? ขับสบายไหม?”
หลิวจื่อหยุนได้ยินก็เรียกสติกลับจากอาการอึ้ง คิดถึงออดี้คันนั้น ก็ยิ้มพูด “ก็ใช้ได้ ขับสบายดี”
“อะไรนะ? ออดี้……”
หลิ่วจาวเฟิงเริ่มรู้สึกคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่
ไป๋ยี่เฟยเหล่ตามอง “ใช่ครับ อย่าบอกนะครับว่าคุณชายหลิ่วไม่เคยได้ยินยี่ห้อออดี้เหมือนกัน?”
คำพูดนี้ออกมา หลี่เสว่ทั้งครอบครัวมองตามกัน มองด้วยสายตาสงสัย ออดี้ยังไม่เคยได้ยินคงไม่ใช่มั้ง?
หลิ่วจาวเฟิงดูสถานการณ์แล้วสีหน้าเคร่งเครียดจนเห็นได้ชัด กัดฟันพูด “ผมรู้”
เขาเองก็ขับออดี้เหมือนกัน แปดแสน ไม่รู้ว่าที่ไป๋ยี่เฟยซื้อมันเท่าไหร่?
“ออดี้ก็มีรุ่นถูก สองสามแสนก็ไม่แพง” หลิ่วจาวเฟิงพูดอย่างดูถูก
ไป๋ยี่เฟยตอบเสียงอืม เห็นด้วย “ก็ไม่แพง เมื่อเทียบกับสองล้าน ก็แค่เรื่องจิ๊บจ้อย แต่ว่าไปตอนนี้ก็แค่ซื้อเล่น ๆ ไปก่อน รอพ่อแม่ขับเบื่อแล้ว ค่อยเปลี่ยนคันใหม่”
ทุกคนต่างอึ้งไป
ต่อมาหลิวจื่อหยุนก็พูดด้วยเสียงตื่นเต้น “เปลี่ยนคันใหม่ได้เหรอ?”
หลิ่วจาวเฟิงเบิกตากว้าง “สองล้าน? แค่เล่น ๆ ?”
เขานึกว่าอย่างไป๋ยี่เฟยอย่างมากก็คงซื้อแค่สองสามแสน นึกไม่ถึงว่าจะซื้อถึงสองล้าน
ยังบอกซื้อเล่น ๆ ? ถ้าซื้อจริงจังคงจะซื้อถึงสิบล้านใช่ไหม?
“ใช่ เพราะรีบใช้ ก็เลยซื้อเล่นๆไปก่อน” ไป๋ยี่เฟยน้ำเสียงใจเย็น
ตอนนี้ หลิ่วจาวเฟิงคิดไม่ตกเลยว่า ไป๋ยี่เฟยไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อรถเยอะแยะขนาดนี้?
ครั้งก่อนวันเกิดหลี่เสว่ทั้งซื้อรถซื้อบ้าน ตอนนี้ซื้อรถเพิ่มอีก?
“ไป๋ยี่เฟย พูดตามตรง เงินนายมาจากไหน? อย่าบอกนะว่าไปทำอะไรที่ผิดกฎหมายมา?” ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้ไป๋ยี่เฟยเป็นผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีเงินมากมายขนาดนี้ในระยะเวลาสั้น ๆ ของพวกนี้รวมกันแล้ว ก็เป็นสิบล้าน
เวลานี้หลิวจื่อหยุนก็เริ่มสงสัย “ไป๋ยี่เฟยคุณไปขโมยเงินมาจากไหน? หรือไปปล้น? ฉันขอบอกนะ ถ้าคุณไปทำเรื่องพวกนี้จริง ให้หย่ากับเสว่เอ๋อเดี๋ยวนี้ อย่าทำเสว่เอ๋อเดือดร้อนไปด้วย
หลี่เฉียงตงก็เริ่มสงสัย แต่ก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไร
หลี่เสว่ดึงแขนหลิวจื่อหยุน “แม่ เขาไม่ได้ไปขโมยหรือปล้น ทั้งหมดนี้เขาหามาด้วยตัวเอง”
ความจริงแล้วหลี่เสว่พูดออกจากก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะว่าใครจะไปเชื่อว่าคนที่เพิ่งได้ขึ้นเป็นผู้จัดการใหญ่ ถึงแม้จะมีความสามารถขนาดไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่มีเงินเยอะขนาดนี้
ไป๋ยี่เฟยก็รู้ดี แต่เขาพูดความจริงไม่ได้ “แม่ครับ เสว่เอ๋อยังไม่ได้บอกแม่ใช่ไหม ว่าผมเป็นผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป ส่วนหนึ่งเป็นเงินที่ผมหามาได้เอง อีกส่วนหนึ่งเป็นโบนัสจากบริษัท”
“ผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป?”
“จริงเหรอ?” หลิวจื่อหยุนมองไปที่หลี่เสว่
หลี่เสว่พยักหน้า “ใช่ค่ะ”
หลิ่วจาวเฟิงที่อยู่อีกฝั่งเห็นสถานการณ์แล้วก็กำหมัดแน่น ให้ตายซิไป๋ยี่เฟย ตอนนี้ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ที่ใคร ๆ ก็หัวเราะเยาะแล้ว ถ้าเขาอยากได้เสว่เอ๋อก็ยิ่งยากแล้ว แล้วดูสายตาหลิวจื่อหยุน ยิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“โอ้โห ตอนนี้ไม่ใช่คนไร้ค่าแล้ว” หลิวจื่อหยุนดูใจจนออกนอกหน้า ผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป นี่ถ้าพูดออกไป คงได้หน้าน่าดู
“แม่ แม่พูดอะไรเนี่ย? ไม่เคยเป็นคนแบบนั้น” หลี่เสว่พูดอย่างปกป้อง
เมื่อคิดแบบนี้ หลิวจื่อหยุนหมุนลูกตา หัวเราะพูดขึ้น “คุณเป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป น่าจะเคยเห็นประธานบริษัทใช่ไหม? เขาหน้าตายังไง? อายุเท่าไหร่? แต่งงานรึยัง?”
หลี่เสว่ที่ยืนอยู่ก็รู้สึกเอือมระอา “แม่ แม่พูดอะไรเนี่ย?”
ความหมายในคำพูดของหลิวจื่อหยุน ทุกคนล้วนเข้าใจ
“แม่ ประธานบริษัทเขาแต่งงานแล้ว เขากับภรรยารักกันดี”
“เป็นไปได้ยังไง?”
ครั้งนั้นในงานเลี้ยง สิ่งที่ประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปทำยังจำใส่ใจเลย กล้าพูดว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับหลี่เสว่? ไม่อย่างนั้นอยู่ดี ๆ จะใช้เงินเยอะแยะมากมาย ซื้อหุ้นส่วนบริษัทให้เป็นของขวัญกับหลี่เสว่ทำไม?
อีกอย่าง พ่อของประธานบริษัทยังให้คนส่งไข่มุกราตรีของขวัญมีค่าขนาดนี้มาให้? ความหมายยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?
หลิวจื่อหยุนกลอกตาใส่ไป๋ยี่เฟย “คุณรู้ได้ยังไง? แน่ใจเหรอว่าคือความจริง?”
“ผมมั่นใจ ผมเห็นกับตาตัวเอง” ตอนไป๋ยี่เฟยพูดประโยชน์นี้ตามองไปที่หลี่เสว่
หลี่เสว่เห็นแล้วนึกว่าไป๋ยี่เฟยเข้าใจอะไรผิด อยากอธิบาย
แต่หลิ่วจาวเฟิงพูดขึ้นมาก่อน “เสว่เอ๋อ ประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปมีภรรยาแล้ว พิจารณาผมได้นะครับ? ถึงแม้จะสู้โหวจวี๋กรุ๊ปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังมีหลิ่วซื่อกรุ๊ป?
คำพูดนี้พูดอย่างไม่ละอายใจ แน่นอน เขาตั้งใจจะพูดให้หลิวจื่อหยุนฟัง
ประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปมีภรรยาแล้ว ถ้าอย่างนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดก็กลายเป็นเขาแล้วไม่ใช่เหรอ?
หลิวจื่อหยุนฟังออกแล้ว แล้วยิ้มขึ้นพูดกับหลิ่วจาวเฟิง “มันก็ใช่ คุณชายหลิ่วทั้งหล่อทั้งมีความสามารถ ไม่แพ้คนอื่น”
ไป๋ยี่เฟยโมโหขึ้นมา “หลิ่วจาวเฟิง ผมเคยเตือนคุณหลายครั้งแล้ว คุณก็ยังไม่ฟังใช่ไหม?”