บทที่ 453
ไป๋ยี่เฟยติดต่อหลงหลิงหลิงไม่ได้ ตอนแรกนึกว่าเกิดเรื่องแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้
ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่ออฟฟิศคนเดียว มองอารมณ์ไม่ออก เพียงแค่เงียบสงบ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หลิวเสี่ยวอิงโทรมา
“ฮัลโหล ฉันยังติดต่อหลิงหลิงไม่ได้ ทำยังไงดี?” น้ำเสียงเป็นห่วง เพราะว่าหลงหลิงหลิงเป็นเพื่อนรักของเธอ
ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเรียบ “ไม่ต้องแล้ว”
“อะไรคะ?” หลิวเสี่ยวอิงตอบอย่างสงสัย “หลิงหลิงกลับมาแล้ว?”
“ไม่ใช่ เพียงแค่เธอเอาเงินจากโหวจวี๋กรุ๊ปไปหมื่นล้านแค่นั้น”
“หา?” หลิวเสี่ยวอิงอึ้ง นี่มันสถานการณ์อะไร?
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากพูดมาก จึงตัดสายไป
ความจริงในครึ่งชั่วโมงนี้ ไป๋ยี่เฟยคิดอะไรหลายอย่าง เป็นไปไม่ได้ที่หลงหลิงหลิงจะหักหลังเขา ต้องเป็นเพราะเหตุผลยางอย่างถึงทำให้เธอตัดสินใจทำแบบนี้
แล้วคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไป๋ยี่เฟยไม่ได้กังวลเรื่องนี้นัก กลับไปเพราะเหลียงหมิงเยว่ตาย ตระกูลฉุงกับตระกูลเย่มาแก้แค้นเขาในเวลากระชั้นชิด
สำหรับเรื่องของโหวจวี๋กรุ๊ป หลงหลิงหลิงจากไป ยังมีจางหรง
“จางหรงอยู่ไหน?” ไป๋ยี่เฟยโทรสายภายในไปที่ออฟฟิศจางหรง คนรับสายเป็นผู้หญิง
“ท่านประธาน ดิฉันเป็นผู้ช่วยประธานจาง ตอนนี้ประธานจางอยู่ที่ฝูรุ่ยจิวเวลรี่” หญิงสาวพูดอย่างมารยาท
ไป๋ยี่เฟยอึ้งเล็กน้อย แล้วนึกขึ้นได้ เรื่องราวมากมาย จนทำให้เขาลืม เขาให้จางหรงไปช่วยหลี่เสว่ดูแลบริษัท แล้วตอนนี้หลี่เสว่ก็ถูกรับไปแล้ว บริษัทยิ่งต้องการคนมาดูแล
“ผมรู้แล้ว”
วางสายแล้ว ไป๋ยี่เฟยขยี้คิ้ว กำลังจะลุกขึ้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ท่านประธาน แย่แล้ว ข้างล่างมีคนมาก่อความวุ่นวาย”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว “ต่อภาพกล้องวงจรปิดให้ผมหน่อย”
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นภาพกล้องวงจรปิด ยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
ในภาพเป็นหน้าประตูทางเข้าตึกสำนักงานของโหวจวี๋กรุ๊ป หน้าประตูมีคนยืนอยู่เป็นกลุ่ม บางส่วนเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย และยังมีชายหญิงบางส่วนที่ใส่ชุดสูทและชุดทำงาน
คนกลุ่มนี้ไป๋ยี่เฟยเคยเห็น พวกเขาเป็นกลุ่มที่ไปเจอที่KTV หลังโรงงานรีไซเคิลกระดาษระเบิดเมื่อวาน
นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้สีหน้าไป๋ยี่เฟยไม่ดี เพราะเขาเห็นคนนำทีมคนนั้น
คือหลิ่วจาวเฟิง
วินาทีนี้ ไป๋ยี่เฟยคิดถึงอะไรมากมาย เรื่องระเบิดเมื่อวานวางแผนโดยหลิ่วจาวเฟิง คนที่ติดตามอยู่หลังเขาเป็นลูกน้องของเขา เพราะฉะนั้นถึงเรียกเขาว่าเถ้าแก่
แต่หลิวจาวเฟิงรู้ได้ยังไงว่าเมื่อคืนเขากับสู้กับฉางเชี่ยว และถังระเบิดไว้รอบโรงงานรีไซเคิลกระดาษไว้ล่วงหน้า?
ใครที่คอยส่งข่าวให้เขาอยู่ข้างหลัง?
อีกอย่าง เขากล้ามาที่โหวจวี๋กรุ๊ปแบบนี้ต้องการอะไร?
ไป๋ยี่เฟยคิดไม่ตก จึงลุกขึ้นเพื่อลงไปชั้นล่าง
ชั้นล่าง หลิ่วจาวเฟิงพากลุ่มของตัวเองมา พูดกับพนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างตรงไปตรงมา “โหวจวี๋กรุ๊ปของพวกแกเปลี่ยนคนแล้ว และคนนั้นก็คือฉัน”
“พวกแกกล้าขัดขวางประธานบริษัทปัจจุบันของโหวจวี๋กรุ๊ปเหรอ รอฉันเข้าไปแล้ว เรื่องแรกที่ฉันจะทำก็คือไล่พวกแกออก”
“ให้โอกาสพวกแกครั้งสุดท้าย ให้ฉันเข้าไปเดี๋ยวนี้”
พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่เชื่อคำพูดพวกนี้ ประธานบริษัทบอกเปลี่ยนก็เปลี่ยนเหรอ? อีกอย่าง ก่อนหน้านี้มีคนมากมายอยากทำร้ายประธาน แต่ก็โดนประธานไล่กลับหมดแล้ว?
ตอนนี้ทุกคนในโหวจวี๋กรุ๊ปล้วนมีความมั่นใจเชื่อมั่นและชื่นชมในตัวประธานบริษัทของพวกเขามาก ขอแค่มีประธานบริษัทอยู่ ไม่มีอะไรที่ประธานบริษัททำไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยเดินมาถึงข้างล่างได้ยินพอดี สายตาหยุดที่ใบหน้าของหลิ่วจาวเฟิง “คุณคือประธานของโหวจวี๋กรุ๊ป? ทำไมผมไม่รู้เลย?”
ทุกคนได้ยินเสียงต่างก็หันมา ถึงพบว่าเป็นไป๋ยี่เฟย พนักงานรักษาความปลอดภัยเรียก “ท่านประธาน”
หลิ่วจาวเฟิงไม่ยอม “ฉันต่างหากที่เป็นประธานโหวจวี๋กรุ๊ป”
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไป พูดเสียงเย็นชา “ละเมออยู่เหรอ?”
หลิ่วจาวเฟิงอึ้ง จากนั้นก็พูดว่า “ไป๋ยี่เฟย คนที่ละเมออยู่คือนาย ฉันขอบอกนายนะว่า ฉันต่างหากที่เป็นประธานโหวจวี๋กรุ๊ป”
“ออ ใช่แล้ว นายคงยังไม่รู้ใช่ไหม? ก็ใช่ เพราะว่าเรื่องมันกะทันหัน นายไม่รู้ก็ปกติ”
ไป๋ยี่เฟยมองเขาสายตาเย็นชา “ถ้าพวกแกยังก่อเรื่องวุ่นวายที่นี่ ผมแจ้งความแน่”
“แจ้งความ?” หลิ่วจาวเฟิงเหมือนได้ยินเรื่องตลก “นายแจ้งความ แล้วแต่ เพราะสุดท้ายคนที่โดนจับก็ไม่ใช่ฉันอยู่แล้ว”
เวลานี้ มีพนักงานชายคนหนึ่งที่อยากประจบเดินเข้ามา “ท่านประธาน ผมว่าแจ้งความเลยครับ ท่านต่างหากที่เป็นประธานโหวจวี๋กรุ๊ป และจะได้จับตัวปลอมคนนี้ส่งตำรวจ”
จากนั้น ก็มีคนพูดอีก “ใช่ครับ ท่านประธาน นี่กำลังเสียเวลาท่านชัดๆเลยครับ”
หลิ่วจาวเฟิงได้ยินแล้วก็ยิ่งดีใจ มองไป๋ยี่เฟยอย่างโอ้อวด “ได้ยินรึยัง ยังไม่รีบไปอีก? ไม่อย่างนั้นแจ้งความแล้วนะ”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว หลิ่วจาวเฟิงมั่นใจขนาดนี้ หรือจะมีใครคอยหนุนหลัง? หรือว่าเกิดอะไรขึ้นที่เขาไม่รู้?
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยคิดถึงหลงหลิงหลิง ยังจะได้ว่าครั้งที่แล้วหลงหลิงหลิงเกือบโดนหลิ่วอู๋ฉงควบคุม หรือว่าหลงหลิงหลิงยังไม่ได้หายเต็มที่ และหลิ่วจาวเฟิงรู้แล้ว เพราะฉะนั้นปกติหลงหลิงหลิงดูไม่เป็นอะไร แต่พอหลิ่วจาวเฟิงออกคำสั่ง เธอก็จะคัดค้าน?
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้า ถามหลิ่วจาวเฟิง “หลงหลิงหลิงอยู่ไหน?”
“หา?” หลิ่วจาวเฟิงทำหน้างง จากนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้น จึงถาม “นายต้องการทำอะไร? จะพาผู้ช่วยนายไปด้วย?”
“ยังไงก็ไม่คนกันเอง แล้วแต่ ก็แค่เสียดายสาวสวยคนหนึ่ง” เวลาหลิ่วจาวเฟิงพูดก็เหมือนตัวเองเสียสละให้ไป๋ยี่เฟยอย่างนั้น ทำให้ตัวเองดูสูงส่ง
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดของเขาก็รู้สึกแปลกใจ ไม่ใช่เขา? แล้วจะเป็นใคร? นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
“นายบอกว่านายเป็นประธานโหวจวี๋กรุ๊ป มีหลักฐานไหม?”
หลิ่วจาวเฟิงหัวเราะ “แน่นอน”
พูดจบ หลิ่วาจาวเฟิงก็หยิบเอกสารออกมา เป็นเอกสารการโอนบริษัทโหวจวี๋กรุ๊ป
ไป๋ยี่เฟยยื่นมือไปรับ ด้านหน้าไม่มีอะไรน่าดู เป็นเอกสารการโอนจริง ข้อเสนอก็เขียนอย่างชัดเจน แต่พอไป๋ยี่เฟยเห็นลายเซ็นหน้าสุดท้าย ต้องตะลึง
คนที่เซ็นชื่อคือไป๋หยุนเผิง
เกิดอะไรขึ้น?
เป็นไป๋หยุนเผิงจริงหรือ?
สายตาไป๋ยี่เฟยเต็มไปด้วยความสงสัย
หลิ่วจาวเฟิงเห็นแล้วก็รีบพูด พร้อมกับท่าทางได้ใจ “คนนี้คือทนายของฉัน ให้เธออธิบายให้นาย”
พูดจบ ผู้หญิงในชุดทำงานก็เดินเข้ามา “เอกสารฉบับนี้คุณไป๋หยุนเผิงเป็นคนเซ็นด้วยตัวเอง ดิฉันเห็นคุณไป๋หยุนเผิงเซ็นกับตา”
“ถ้าหากคุณมีข้อสงสัยอะไร สามารถสอบถามคุณไป๋หยุนเผิงเองได้”
ไปยี่เฟยตะลึงไปอย่างสุดขีด
เป็นลายเซ็นของไป๋หยุนเผิงจริง
นี่มันหมายความว่ายังไง?
ทำไมเขาต้องเอาโหวจวี๋กรุ๊ปให้หลิ่วจาวเฟิง?
ไม่ ไม่ใช่ ระหว่างนี้ต้องมีปัญหาอะไรแน่นอน
ไป๋ยี่เฟยหยิบมือถือขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ เตรียมตัวจะโทรหาอู๋กุ้ยเซียง แต่พอโทรไป โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง ติดต่อไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกใจหาย รู้สึกมีรังสังหรณ์ไม่ค่อยดี
เวลาเดียวกัน ในกลุ่มคนนั้นก็มีคนเดินออกมาคนหนึ่ง
“เย่ฮวน?” ไป๋ยี่เฟยมองเธออย่างขมวดคิ้ว “คุณมาที่นี่ทำไม?”
“ก็ต้องมารับช่วงโหวจวี๋กรุ๊ปต่อไง” เย่ฮวนพูดอย่างมั่นใจ
ไป๋ยี่เฟยตะลึง แล้วมองไปที่หลิ่วจาวเฟิง พูดอย่างเย็นชา “พวกคุณจะรับช่วงโหวจวี๋กรุ๊ปต่อ?”