บทที่ 457
เฝิงหย่งก้างสีหน้าดูไม่ได้เหมือนคนท้องอืด วันนี้เขามาเพื่อเอาคืน ปรากฏว่าไม่ได้อะไรคืนเลย แล้วยังทำให้ขายหน้าอีก
ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
เซียวหรงเทาเข้าใจในจุดนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อเห็นสีหน้าของเฝิงหย่งก้างแล้วก็รีบพูดขึ้น “โรงงานเครื่องประดับนี้เป็นของแกแล้วไง? หรือยังอยากจะเป็นคู่แข่งกับประธานเย่แห่งเย่ซื่อกรุ๊ป?”
“ขอแค่ประธานเย่พูดคำเดียว ก็สามารถซื้อโรงงานเครื่องประดับนี้มาให้พ่อตาของตัวเอง ไอ้น้ำหน้าอย่างนายจะมีปัญหาอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว สายตาที่มองเซียวหรงเทายิ่งโมโห
สำหรับเฝิงหย่งก้างนั้นก็ถูกคำพูดของเซียวหรงเทาเตือนขึ้น เย่ฮวนเป็นลูกเขยของเขา และยังเป็นประธานบริษัทเย่ซื่อ บริษัทระดับต้นๆในเมืองนี้ ยังจะกลัวคนอย่างไป๋ยี่เฟยเหรอ?
“ไป๋ยี่เฟย ฉันก็ไม่พูดอะไรมากแล้ว ตอนนี้เป็นของแก แต่ไม่ได้หมายความว่าอีกหน่อยจะเป็นของแก เดี๋ยวฉันจะโทรหาลูกเขยทันที ให้เขาเอาโรงงานเครื่องประดับให้ฉัน”
ไป๋ยี่เฟยทำเสียงดูถูก “โทรเลย”
เฝิงหย่งก้างรีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรให้เย่ฮวน แต่เปิดลำโพง เขาจะให้ไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างชัดเจน โรงงานเครื่องประดับนี้อีกหน่อยจะเป็นของใคร
โทรศัพท์ดังไปสักครู่ก็มีคนรับ
“ฮัลโหล?”
“ลูกเขย โรงงานที่ถูกไป๋ยี่เฟยเอาไปก่อนหน้านี้ ถูกไป๋ยี่เฟยมันซื้อไปแล้ว ดูซิว่าซื้อกลับมาให้พ่อได้ไหม? เพื่อเป็นโรงงานเก่าแล้ว ไม่อยากเปลี่ยนที่ใหม่แล้ว”
ในโทรศัพท์เย่ฮวนทำเสียงต่ำ แล้วพูดว่า “พ่อ หรือไม่ผมหาที่ใหม่ให้พ่อ โรงงานนี้โดนเขาทำลายไปแล้ว เอากลับมาก็ไม่มีประโยชน์ แล้วยังต้องลงทุนเงินก้อนใหญ่อีก ไม่คุ้ม”
คำพูดของเย่ฮวนฟังแล้วเหมือนดีต่อเฝิงหย่งก้าง และยังมีสถานการณ์ในแง่มุมนักธุรกิจ แต่ความเป็นจริง ไป๋ยี่เฟยกับจางหรงฟังออก เย่ฮวนไม่อยากมีปัญหากับไป๋ยี่เฟย
จางหรงรู้สึกตะลึงอยู่บ้าง ไม่ว่ายังไงตอนนี้เย่ฮวนก็เป็นคนดูแลโหวจวี๋กรุ๊ป ตามหลักแล้วไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวไป๋ยี่เฟย และยังทำให้ไป๋ยี่เฟยตกต่ำกว่านี้ได้อีก
สำหรับไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้แปลกใจเลย เย่ฮวนก็เคยเห็นฝีมือเขามาแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อยากเป็นเหมือนฉุงโยวเวย ยิ่งเป็นเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
เฝิงหย่งก้างได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกไม่พอใจ “ลูกเขย พูดแบบนี้ก็ถูก แต่พ่อคุ้นเคยกับโรงงานนี้แล้ว ที่เก่าก็ย่อมดีกว่า”
“ลูกเขยเป็นประธานบริษัทเย่ซื่อไม่ใช่เหรอ? โรงงานเล็กๆแบบนี้คงไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ?”
คำพูดเดียวทำให้เย่ฮวนไม่รู้จะพูดยังไง เขาเป็นประธานเย่ซื่อกรุ๊ปจริง โรงงานเล็กๆโรงเดียวก็ไม่ใช่ปัญหา แต่สำหรับความโหดเหี้ยมของไป๋ยี่เฟยค่อนข้างใส่ใจ
คนอย่างไป๋ยี่เฟย สำหรับของตัวเองแล้วจะปกป้องอย่างดี ที่สำคัญ เท่าที่เขาสืบหา โรงงานนี้เขาให้เป็นของขวัญกับหลี่เสว่
หากเกี่ยวข้องกับหลี่เสว่ ไป๋ยี่เฟยก็ควบคุมสติไม่ได้แน่ เขาไม่อยากเสียเวลากับคนควบคุมสติไม่ได้
เย่ฮวนลังเลอยู่สักพักแล้วพูดว่า “พ่อ โรงงานนั้นไม่มีผลกำไรอะไรเลย เดี๋ยวผมหาที่ใหม่ที่ดีกว่าให้นะครับ”
พูดจบ เย่ฮวนไม่ให้โอกาสเฝิงหย่งก้างพูดต่อ แต่พูดเตือนขึ้นว่า “ใช่แล้วพ่อ พรุ่งนี้เป็นวันจัดงานแต่งแล้ว พ่อต้องมาเช้าหน่อยนะครับ เซียนเซียนก็คิดถึงพ่อแล้ว”
“อา ออ ได้” คำพูดที่เฝิงหย่งก้างจะพูดถูกเรื่องนี้ขวางไว้ จึงตอบรับด้วยสัญชาตญาณ จึงพูดเรื่องแต่งงานกับเย่ฮวนขึ้นมา
เมื่อวางสายไป เฝิงหย่งก้างถึงนึกขึ้นได้ เย่ฮวนไม่ได้ตอบรับที่จะซื้อโรงงานเครื่องประดับให้เขา
เซียวหรงเทาฟังอยู่ข้างๆ สายตาและสีหน้าเปลี่ยนทันที
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ “ตอนนี้ พวกแกไปได้หรือยัง”
“แก” เฝิงหย่งก้างหน้าเขียวทันที เขาคิดว่าก็แค่โรงงานเล็กๆโรงเดียว และตอนนี้ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ใช่ประธานโหวจวี๋กรุ๊ปแล้ว เพราะฉะนั้นเย่ฮวนต้องยืนข้างเขาแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงคิดไม่ถึง ไป๋ยี่เฟยเป็นแบบนี้แล้ว เย่ฮวนก็ยังเลือกที่จะหลบไป๋ยี่เฟย
เพราะอะไร?
คนที่ไม่มีอะไรเลย ออไม่ยังมีเพียงโรงงานเล็กๆโรงเดียวอย่างไป๋ยี่เฟยมีอะไรน่ากลัว?
เซียวหรงเทาคิดไม่ตก แต่เขาก็ไม่กล้าพูด ถ้าพูดอะไรตอนนี้ จะทำให้เฝิงหย่งก้างโมโหเปล่าๆ
เฝิงหย่งก้างเห็นสถานการณ์แล้วก็พูดว่า “ลูกเขยฉันใจกว้าง ไม่อยากติดใจกับอย่างแก เชอะ”
พูดจบ เฝิงหย่งก้างก็หันหลังเดินจากไป
รอจนคนของเฝิงหย่งก้างจากไปหมดแล้ว จางหรงก็เดินเข้าไป ยิ้มพูด “ท่านประธาน……”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว “ไม่ต้องเรียกผมประธานแล้ว ตอนนี้ผมไม่ใช่ประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปแล้ว”
จางหรงพูดประจบ “ในใจผมท่านเป็นประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปเสมอ”
ไป๋ยี่เฟยมองจางหรง พูดเสียงเรียบ “ผมดีใจที่คุณยังยืนข้างผม แต่ว่า ครั้งนี้ คุณสามารถเลือกจากที่คุณคิดได้ เพราะว่าอนาคตเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ของคนอื่น”
พูดประโยชน์นี้จบ ไป๋ยี่เฟยก็เดินจากไป
จางหรงยืนอยู่ที่เดิม
คำพูดนี้หมายความว่าอะไร?
หรือว่าครั้งนี้ไป๋ยี่เฟยก็ไม่มีวิธีแล้ว? ถูกปลดแล้วจริงหรือ?
แต่เมื่อกี้เย่ฮวนก็ไม่ได้ติดใจเรื่องพวกนี้กับไป๋ยี่เฟย หมายความว่าเย่ฮวนก็ยังเกรงกลัวไป๋ยี่เฟยอยู่ จากเท่าที่สังเกตไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้ล้ม
จางหรงไม่รู้เลย เย่ฮวนกลัวไป๋ยี่เฟยไม่ได้เป็นเพราะว่าอำนาจของเขา แต่เพราะความโหดของไป๋ยี่เฟย
คนแบบนี้ดูผิวเผินแล้วเหมือนจะรังแกง่าย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ถ้าโหดขึ้นมา ก็ต้องตายไปข้างหนึ่ง
……
ไป๋ยี่เฟยจากไปแล้ว ก็ใกล้มืดแล้ว จึงได้หาร้านอาหารแห่งหนึ่งเข้าไป
หลี่เสว่ไม่อยู่ กลับไปแล้วก็รู้สึกอ้างว้าง เพราะฉะนั้นไป๋ยี่เฟยจึงเลือกร้ายบะหมี่แห่งหนึ่งเพื่อกินอาหารเย็น
ไป๋ยี่เฟยเพิ่งนั่งลงจะสั่งอาหาร ก็เห็นสวีลั่งเดินเข้ามา นั่งตรงข้างเขา แล้วสั่งบะหมี่ถ้วยหนึ่ง
“มาได้ยังไง?” ไป๋ยี่เฟยถามอย่างแปลกใจ
สวีลั่งตอบเสียงเรียบ “มาส่งข่าว พรุ่งนี้เป็นงานแต่งเย่ฮวน”
ไป๋ยี่เฟยเงียบไปครู่หนึ่ง “ฉันรู้แล้ว”
หลายนาทีผ่านไป บะหมี่สองถ้วยก็มาเสิร์ฟ
ไป๋ยี่เฟยกับสวีลั่งก้มหน้ากินหมี่ ไม่มีคนพูด
กินหมี่เสร็จแล้ว สวีลั่งเช็ดปาก แล้วพูดว่า “เฝิงหย่งก้างหาคนกลุ่มหนึ่ง เตรียมจะลงมือคืนนี้”
“มากระทืบฉัน?” ไป๋ยี่เฟยหัวเรา
สวีลั่งส่ายหัว “ไม่ หัวล้านหลิว”
ไป๋ยี่เฟยชะงัด สายตาเย็นชา “มาเสียหน้าที่นี่ ก็เลยจะไปล้างแค้นเรื่องครั้งที่แล้ว ไปหาหัวล้านหลิว?”
“คงอย่างนั้น เขานึกว่าหัวล้านหลิวเป็นคนของคุณ”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเย็นชา “สายตาการหาพ่อตาของเย่ฮวนก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก”
สวีลั่งไม่ตอบ มองไป๋ยี่เฟยสักพัก รู้ความหมายของเขา จากนั้นจึงลุกขึ้น แล้วจากไป
ไปยี่เฟยมองสวีลั่งที่เดินไป พูดขึ้น “นายนี่มาขอข้าวกินใช่ไหม? ฉันตกอับขนาดนี้แล้ว ยังจะมาให้เลี้ยงข้าวอีก”
สวีลั่งไม่สนใจ เดินออกจากร้านบะหมี่ไปเลย
ไป๋ยี่เฟยก็เลยลุกขึ้น จ่ายเงินค่าบะหมี่สองถ้วย แล้วเดินออกไปจากร้าน
แต่วันนี้ไป๋ยี่เฟยโชคไม่ค่อยดีนัก เพิ่งเดินออกจากร้าน ก็เจอหลี่ฝานที่เข็นรถเข็นพอดี
ว่าไปแล้วก็ไม่ได้เจอหลี่ฝานนานแล้ว หลี่ฝานตั้งแต่ถูกไป๋ยี่เฟยกดดันครั้งที่แล้ว เข้าไปติดคุก จากนั้นไป๋ยี่เฟยเห็นแก่หน้านายท่านหลี่จึงปล่อยเขา ไม่ได้เอาเรื่องถึงที่สุด
ต่างกับหลี่ฝาน โกรธแค้นไป๋ยี่เฟย ความแค้นทั้งเก่าและใหม่ระหว่างพวกเขา นับได้ว่านานมากแล้ว
พอหลี่ฝานเจอไป๋ยี่เฟยก็หัวเราะอย่างได้ใจ “โถ นี่ไม่ใช่ประธานโหวจวี๋กรุ๊ปเหรอ? บังเอิญจริงๆ”
“ไม่มีโหวจวี๋กรุ๊ปแล้ว ก็ไม่ต่างกับเมื่อก่อนเลย ยังมากินหมี่ที่ร้านเล็กๆแบบนี้ ข่าวลือออกไปคงน่าสะใจจริงๆ”