บทที่464
วิลล่าแห่งหนึ่งในเป่ยไห่
หลงหลิงหลิงที่โดนมัดทั้งตัวถูกโยนลงพื้น ผิวหนังส่วนที่เผยออกมาถูกเชือกรัดจนเกิดเป็นรอยแดง
และด้านหน้าของเธอมีผู้ชายสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นชายร่างกายสูงใหญ่กำยำที่ไว้หนวดไว้เครา ส่วนอีกคนก็กำยำไม่แพ้กัน แต่ก็ยังดูดีกว่าคนไว้เคราเยอะเลย
ชายไว้เคราเดินมาข้างหน้า นั่งลงมา แล้วเอามือมาลูบที่ใบหน้าของหลงหลิงหลิง “นี่สาวน้อย ผิวเธอนี่มันลื่นดีจริงๆ เลยนะ!”
น้ำตาของหลงหลิงหลิงกำลังไหล เธอมองรู้สึกเคียดแค้นและรังเกียจชายสองคนนี้มาก แต่เธอก็ไม่อาจขัดขืนได้
ตอนแรกเธอซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในทุกๆ วันเธอต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ตึกดึกก็ต้องตกใจตื่นเพราะฝันร้าย
จนเช้าวันนี้เธอก็ถูกคนพบเข้า
เธอเคยคิดที่จะหลบหนี แต่มันก็ล้มเหลว ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังถูกตบไปอีกสองทีด้วย จนตอนนี้รอยจากฝ่ามือยังแดงบนใบหน้าอยู่เลย
ชายอีกคนเตะชายไว้เคราไปทีหนึ่ง “ให้มันน้อยๆ หน่อย อย่าให้เกินไป”
“อะไรคือเกินไป?” ชายไว้เคราไม่ได้เงยหน้าขึ้น แต่ยังคงจ้องมาที่หลงหลิงหลิงด้วยสายตาที่เป็นประกาย เมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยขนาดนี้ สิ่งที่ผู้ชายต้องการคืออะไรล่ะ?
ชายคนนั้นทำเสียงฮึดฮัด “ตอนนี้ยังยุ่งกับเธอไม่ได้ รอเธอส่งเงินพวกนั้นออกมาก่อน พอถึงตอนนั้นแกค่อยเศษสุขอย่างช้าๆ ก็ได้!”
“อย่าทำให้เสียเรื่อง ไม่อย่างนั้น เจ้านายไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
พอได้ยินอย่างนั้น ชายไว้เคราก็ถ่มน้ำลายออกมา “แม่งเอ๊ย ได้แต่มองแต่กินไม่ได้! เซ็งโว้ย!”
“แกใช้วิธีอื่นก็ได้นี่” ชายคนนั้นได้เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา ระหว่างที่พูดเขาก็ได้ยื่นแส้หนังออกมาเส้นหนึ่งให้ชายไว้เคราไป
พอชายไว้เคราเห็นแบบนั้นสายตาของเขาก็เป็นประกาย แล้วยิ้มออกมา “ไอ้หนู แกนี่ใช้ได้เลยนะ!”
……
บนทางด่วน ไป๋ยี่เฟยอยู่ในสีหน้าที่จริงจัง ในตอนนี้ ความสงบที่เขาไม่เคยมีมาก่อน เขารู้ดีว่าไปแล้วเขาต้องเจอกับอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่ร้อนรนเลยแม้แต่น้อย
หลิวเสี่ยวอิงนั่งอยู่ข้างๆ เขากำลังเป็นกังวล เธอกังวลกับสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยต้องเจอ เธอกังวลกับสิ่งที่หลงหลิงหลิงต้องเจอ
“กริ้งๆๆ ……”
ไป๋ยี่เฟยหยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นว่าหลินขวางเป็นคนโทรมา
“ฮัลโหล”
“พี่ไป๋ครับ ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงของหลินขวางฟังดูมีร้อนรนอยู่บ้าง ครั้งก่อนน้ำเรียงของเขาก็ดูร้อนรนแบบนี้แหละ
“บนรถครับ”
“บนรถเหรอครับ?” หลินขวางอึ้งไป จากนั้นก็เข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาทันที “พี่กำลังไปบ้านตระกูลเย่อยู่ใช่มั้ย? พี่รู้รึเปล่าว่าการที่พี่บุกไปแบบนี้มันก็เท่ากับพี่ไปตายเลยนะครับ?”
“ผมรู้ดี” ไป๋ยี่เฟยตอบไปด้วยเสียงที่ราบเรียบ
พอหลินขวางได้ยินอย่างนั้น เขาก็รีบพูดขึ้นว่า “รู้แล้วพี่ยังจะไปอีกเนี่ยนะ? ที่สำคัญผมเพิ่งได้รับข้อมูลมาว่า พวกที่ตามล่าไป๋หยุนเผิงอยู่ เนื่องจากหาตัวไป๋หยุนเผิงไม่เจอสักที พวกเขาเลยเปลี่ยนเป้ามาที่พี่แทนแล้ว!”
“จะให้พูดก็คือ ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ตระกูลฉุงกับตระกูลเย่เท่านั้นที่จะฆ่าพี่ ถ้าพี่ไปไม่มีทางที่พี่จะหนีรอดออกมาได้แน่!”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินก็ร้องอ๋อออกมา “ตระกูลหลินก็มาด้วยเหรอ?”
“ใช่ครับ ผมเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อกี้นี้เองครับ” หลินขวางตอบ “พวกเขาต้องส่งนักฆ่ามือดีหลายคนไปจัดการพี่แน่นอนครับนักฆ่าจากทั้งสามตระกูล พี่ไม่รอดแน่ครับ!”
“จะบอกว่าผมไม่ควรไปใช่พวกนั้นครับ?” ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ
หลินขวางตกใจเล็กน้อย “แล้วมันไม่ใช่เหรอครับ? ขอแค่ยังมีชีวิตรอดก็ถือว่ายังไม่สิ้นหวังไม่ใช่เหรอครับ ถ้าตอนนี้พี่ไปซ่อนตัวก่อน หลบให้พ้นจากพวกนักฆ่า เดี๋ยวผมจะตามไปทันที แล้วพาพี่ไปซ่อน เมื่อเวลาผ่านไปพี่ค่อยหาทางใหม่ไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
“ถ้ามียังมีชีวิตอยู่ มันก็ดีกว่าพี่ตายไปเลยไม่ใช่รึไง?”
ถึงคำพูดนี่จะไม่น่าฟังแต่มันก็เป็นความจริง
ไป๋ยี่เฟยยิ้มออกมาอย่างไม่เห็นค่า “ซ่อนตัวเหรอ? ถ้าไปซ่อนตัวคนพวกนั้นก็จะเลิกตามฆ่าผมอย่างนั้นเหรอ?”
“ที่สำคัญ คุณคิดว่าผมจะกลัวพวกเขาเหรอ?”
หลินขวางอึ้งไป “แต่ว่าพี่……”
“คุณอยากบอกว่าตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้วใช่มั้ย?” ไป๋ยี่เฟยพูดขัดหลินขวางไว้ก่อน “คิดว่าผมไม่เหลืออะไรแล้วก็ควรกลัวพวกเขา ควรยอมให้พวกเขารังแกผมได้ตามใจชอบสินะ?”
หลินขวางพูดอะไรไม่ออก
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าพวกเขาอยากฆ่าผมก็เข้ามาฆ่าเลย ผมไม่กลัว ผมจะทำให้พวกมันรู้ว่าใครฆ่าใครกันแน่!”
“หลินขวาง ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมากที่คุณเอาเรื่องพวกนี้มาบอกให้ผมรู้ และขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงที่มีให้ แต่ผมไม่ใช่คนที่จะทนให้ใครมารังแกได้ และไม่กลัวใครทั้งนั้น!”
“ตอนนี้คุณแค่คอยดูอยู่ห่างๆ ก็พอ อย่ายื่นมือเข้ามายุ่ง ไม่อย่างนั้น พอถึงเวลาถ้าคุณถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยจะหาว่าผมล่วงเกินไม่ได้นะ”
พูดจบไป๋ยี่เฟยก็วางสายไปทันที
เดิมทีหลินขวางที่อยู่อีกด้านตั้งใจจะรีบตามไป แต่พอได้ยินไป๋ยี่เฟยพูดอย่างนั้นมา เขาก็ต้องยืนอึ้งอยู่กับที่
ไป๋ยี่เฟยจะไปเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นอย่างซึ่งๆ หน้าเหรอ?
ถ้าพลาดขึ้นมา มันต้องชดใช้ด้วยชีวิตของตัวเองเลยนะ!
……
ที่ โรงแรมวิลล่าทะเลในเป่ยไห่
วันนี้เป็นวันแต่งงานของเย่ฮวนผู้เป็นประธานกรรมการของเย่ซื่อกรุ๊ป วิลล่าทะเลที่เคยเงียบเหงาตอนนี้กำลังครึกครื้นเป็นอย่างมาก
ลานจอดรถได้จอดเต็มไปด้วยรถหรูแล้ว คนที่ไม่รู้คงคิดว่าที่นี่เป็นที่ขายส่งรถหรูแน่ๆ!
ที่ประตูหน้าของวิลล่ายังคงมีคนผ่านมาไม่ขาดสาย มีชายที่สวมชุดทักซิโด้สีดำคอยให้ต้อนรับแขกทุกคนที่มาร่วมงานให้บริการแขกทุกคนอย่างดีที่สุด
ก่อนพิธีการจะเริ่มยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง แต่แขกในวิลล่าก็มากันเกือบครบแล้ว
ในตอนที่ทุกคนกำลังทักทายกันอยู่นั้นเอง ไป๋ยี่เฟยก็ได้พาคนของต้องเองมาถึงแล้ว
หลังลงจากรถ ไป๋ยี่เฟยก็ให้คนอื่นๆ เดินเล่นตามอัธยาศัย ขอแค่เข้าไปในงานได้ก็พอแล้ว แต่ถ้าเข้าไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไรประเด็นคือพวกเขาคนเยอะเกินไปมันค่อนข้างเป็นที่สะดุดตา
แต่เฉินห้าว มีภารกิจสำคัญที่ต้องไปจัดการ นั่นก็คือไปขโมยมือถือของเย่ฮวนมาให้ได้
หลังจากที่พวกเขาวิเคราะห์กันมาตลอดทางก็สรุปได้ว่า เนื่องจากหลงหลิงหลิงมีเงินติดตัวมากขนาดนั้น แถมเธอยังถูกขังไว้อีก คนที่สำคัญขนาดนี้ต้องถูกจับตาดูด้วยกล้องอยู่แล้ว
เย่ฮวนเป็นคนที่ค่อนข้างรอบคอบ เมื่อป้องกันเรื่องที่ไม่คาดฝัน เย่ฮวนจะต้องติดตั้งกล้องไว้ในมือถืออย่างแน่นอน เพื่อง่ายต่อการจับตาดูความเป็นไปของหลงหลิงหลิง
และพวกเขาก็สามารถใช้มันในการหาจุดที่หลงหลิงหลิงถูกขังไว้ได้
ดังนั้น เฉินห้าวจึงจำเป็นต้องไปเอามือถือของเย่ฮวนมาให้ได้
มันเป็นภารกิจที่เสี่ยงมาก เพราะนี่มันงานแต่ง แถมเป้าหมายยังเป็นเจ้าบ่าวอีก เฉินห้าวจึงจำเป็นต้องทำอย่างระมัดระวังมาก
ไป๋ยี่เฟยพาเฉินห้าวกับหลิวเสี่ยวอิงเข้าไปพร้อมกัน พวกเขาทั้งสามดูเข้ากับคนอื่นดี และไม่ได้ดูเด่นเกินไป
ตอนที่เข้าไป แขกในงานได้มาครบหมดแล้ว ที่ทางเข้าจึงไม่มีพนักงานอยู่เลย พวกเขาจึงเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ไม่อย่างนั้นด่านนี้ก็คงผ่านไปไม่ได้แน่
พอเข้าไปก็คือห้องโถงของวิลล่า ทุกๆ มุมในห้องโถงเต็มไปด้วยแขกกับพนักงานที่ยืนอยู่ รอบๆ ยังมีเครื่องดื่มกับขนมเค้กเล็กๆ ตั้งอยู่
ไป๋ยี่เฟยมองไปรอบๆ จากนั้นก็ให้สองคนนั้นเดินไปที่ๆ แตกต่างกัน
ไม่เสียแรงที่เป็นงานแต่งของผู้สืบทอดแห่งตระกูลเย่ คนที่มาร่วมงานมีแต่พวกคนเด่นคนดังทั้งนั้น
ไป๋ยี่เฟยสังเกตไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไร
นี่มันสถานที่จัดงานแต่งงานของเย่ฮวนนะ เขาจะเอาหลงหลิงหลิงมาขังไว้ที่นี่ได้ยังไง?