บทที่ 492
“ความจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นายมีชีวิตอยู่ได้ภายใต้พวกตัวประกอบพวกนี้”
หลี่เฉียงตงพูดขึ้นต่อ“นายต้องเชื่อมั่นในตัวเอง พวกเราเชื่อในตัวนาย”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเย้ยหยัน“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ คุณบอกผมสิว่า เรื่องที่ผมมาเป็นเหยื่อล่อหลิ่วจาวเฟิงกับหวังโหลวรู้ไหม? แล้วทำไมต้องปล่อยหลิ่วจาวเฟิงไป?”
หลี่เฉียงตงพูดกลับอย่างนิ่งๆ“ไม่รู้ เรื่องที่ทำไมถึงต้องปล่อยเขาไป บางที เขาอาจจะยังมีประโยชน์อยู่ แม้ว่าจะไม่ได้มีค่าอะไรในตอนนี้ แต่ไม่แน่ว่าหลังจากนี้……”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะพูดขึ้น“เอาเถอะ ไม่ว่าเขาจะมีประโยชน์อะไร ผมก็จะฆ่าเขาอยู่ดี!”
คนที่ปรารถนาจะได้ภรรยาของเขาอยู่ตั้งหลายครั้งหลายหน ไหนจะขัดแย้งกับเขาอีกตั้งกี่ครั้ง และก็เรื่องที่ทำกับหลงหลิงหลิง ก็มากพอที่จะให้ไป๋ยี่เฟยฆ่าเขาแล้ว
หลี่เฉียงตงไม่ได้พูดอะไร เพียงหยิบบัตรเชิญออกมา ยื่นให้กับไป๋ยี่เฟย“สามวันหลังจากนี้ มีงานเลี้ยงเชิญงานหนึ่ง นายไปเข้าร่วมซะ”
ไป๋ยี่เฟยก้มตามองลงเล็กน้อย“งานเลี้ยงเลือกตั้งประธานสหพันธ์ธุรกิจเป่ยไห่?”
“ใช่ ประธานของสหพันธ์ธุรกิจเป่ยไห่ถูกนายฆ่าไปแล้ว ตอนนี้ต้องเลือกคนที่เหมาะสมหนึ่งคนของเป่ยไห่มาดำรงตำแหน่งท่านประธานสหพันธ์ธุรกิจตำแหน่งนี้”
“การเลือกตั้งในครั้งนี้ ผู้ประกอบการของเป่ยไห่ที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการทุกคนล้วนแต่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงเลือกตั้งในครั้งนี้ได้”
“คุณจะให้ผมไป?”ไป๋ยี่เฟยถาม พูดจบก็ดันบัตรเชิญกลับไป“ผมไม่สนใจ”
“สถานภาพที่สูงขึ้น มันก็จะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับนายมากขึ้น ”หลี่เฉียงตงสีหน้านิ่งเฉย“นายต้องไปงานเลี้ยงเลือกตั้งนี้”
ไป๋ยี่เฟยเม้มปาก หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นานก็พูดขึ้น“ผมรู้แล้ว”
พูดจบก็หยิบบัตรเชิญ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องหนังสือทันที
ไป๋ยี่เฟยไม่มีโหวจวี๋กรุ๊ปแล้ว แต่ยังมีโรงพยาบาลโว่หลงและโรงพยาบาลเอกชนอีกหนึ่งแห่ง ก็เพียงพอที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงเลือกตั้งในครั้งนี้แล้ว
แต่ว่า……
ถึงไป๋ยี่เฟยจะบอกว่ารู้แล้ว แต่ในความเป็นจริงไม่ได้สัญญาว่าจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเชิญอะไรนี่สักหน่อย เขาไม่ได้โง่ บอกว่าจะให้เขาไปงานเลี้ยงเลือกตั้ง แต่จริงๆแล้วก็ให้เขาไปเป็นเหยื่อล่อก็เท่านั้น
ถ้าเขาไป ก็เท่ากับว่าไปเป็นเป้าล่อโดยสมบูรณ์แบบน่ะสิ
……
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยออกมาแล้ว ก็ไปหาหลี่เสว่ บอกลากับหลิวจื่อหยุน แล้วก็พาหลี่เสว่กลับไปยังบ้านวิลล่าของตัวเอง
เรื่องนี้ไป๋ยี่เฟยไม่ได้บอกหลี่เสว่ เขาไม่อยากให้หลี่เสว่ต้องเป็นห่วง
เช้าวันต่อมา ไป๋ยี่เฟยไม่มีอะไรทำ ก็เลยไปส่งหลี่เสว่ที่บริษัทฝูรุ่ยจิวเวลรี่
บริษัทนี้ยังเป็นของหลี่เสว่ ตอนนี้ยังต้องให้หลี่เสว่เป็นคนจัดการเรื่องแทบทั้งหมด
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยส่งหลี่เสว่ที่บริษัทแล้วก็ไปหาหลิวเสี่ยวอิงที่โรงพยาบาลโว่หลง
ทั้งสองคนมายังดาดฟ้า
ไป๋ยี่เฟยมองวิวทิวทัศน์ไกลๆ“คุณวิจัยร่างกายของหลี่เสว่ไปถึงไหนแล้ว?”
หลิวเสี่ยวอิงยกไหล่“ก็เหมือนเดิม”
“พิษประเภทนี้ยากที่จะแยกออก ก็คล้ายๆกับพิษที่คุณโดนเมื่อครั้งก่อน ประมาณว่ามีแค่ป้ารองของฉันเท่านั้นแหละที่จัดการได้”
“แล้วสามารถติดต่อป้ารองของคุณได้ไหม?”ไป๋ยี่เฟยถาม
หลิวเสี่ยวอิงพยักหน้า“ได้ ฉันกำลังจะติดต่อกับป้ารองของฉันอยู่พอดี”
“ขอบคุณมาก ลำบากคุณแล้ว”ไป๋ยี่เฟยพูดได้แค่เท่านี้
หลิวเสี่ยวอิงยังคงมองเขาอยู่แบบนั้น พร้อมกับถามขึ้น“คุณคงจะไม่รังเกียจที่หลี่เสว่ไม่สามารถคลอดลูกได้หรอกใช่ไหม? คุณให้ความสำคัญกับการมีลูกขนาดนั้นไหม? การที่มีทายาทมาสืบทอดต่อมันสำคัญมากเลยใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยชะงักเล็กน้อย เขาเคยพูดแบบนี้ด้วยเหรอ? ไม่เคยนะ แล้วทำไมเธอถึงคิดแบบนี้?
“ไม่ใช่ จะมีหรือไม่มีลูกก็ได้ทั้งนั้น แต่ผมไม่อยากให้เสว่เอ๋อรู้สึกเสียใจ เธอควรจะมีสิทธิ์ในการเป็นแม่คน”ไป๋ยี่เฟยพูดอธิบาย
ไม่ใช่แค่นี้ เขายังจะต้องหาตัวคนที่วางยาพิษหลี่เสว่ให้เจอให้ได้ ให้มันมาชดใช้สิ่งที่มันทำ!
ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมา คนที่รู้มีแค่พวกเขาไม่กี่คนเท่านั้น หลิวจื่อหยุนกับหลี่เฉียงตงไม่มีทางรู้ว่ามีสาเหตุคืออะไรแน่นอน ส่วนหนิววั่งกับหลิวเสี่ยวอิงรู้สาเหตุของอาการป่วย บางทีอาจจะเดาถูกก็ได้
เรื่องที่หลี่เสว่โดนวางยาไม่สามารถมีลูกได้จะต้องมีคนจงใจทำแน่นอน เป้าหมายก็เพื่อให้เขาไม่มีทายาทสืบต่อตระกูลไป๋ แล้วคนคนนี้เป็นใครกัน?
เหอะ ไม่ต้องบอกก็รู้
หลังจากคุยกันเสร็จแล้ว หลิวเสี่ยวอิงก็ไปทำงาน
ในเวลานี้เอง ก็มีสายจากจางหรงโทรเข้ามา
“ท่านประธาน ตอนนี้ท่านว่างไหม? ภรรยาท่านประธานเกิดเรื่องแล้ว……”
……
หลี่เสว่มาถึงบริษัทตามปกติ ตอนที่หลี่เสว่มาถึงบริษัท ปกติแล้วคนที่เจอก็จะทักทายเธอ แถมยังท่าทางกระตือรือร้นเป็นพิเศษด้วยซ้ำ
แต่วันนี้ทุกคนล้วนแต่ดูแปลกๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ถึงขนาดที่มีบางคนไม่ทักทายเธอเลย
หลี่เสว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเธอชอบความรู้สึกที่อยู่เหนือคนอื่นๆหรอกนะ แต่รู้สึกว่าทุกคนดูแปลกไปไม่น้อย ดูไม่ค่อยสบอารมณ์ สายตาที่มองเธอก็ดูถูกดูแคลนไม่น้อย
กลับมาถึงห้องทำงาน จางหรงก็มาหาเธอ บอกว่าช่วงนี้ที่เธอไม่อยู่ เกิดเรื่องขึ้นมากมาย โดยเฉพาะมีการออกแบบผลิตภัณฑ์จิวเวลรี่ใหม่หนึ่งชิ้นที่จำเป็นต้องเสนอในวาระการประชุม สุดท้ายแล้วก็ยังต้องให้ผู้จัดการมาตัดสินใจอยู่ดี
หลังจากหลี่เสว่ได้ฟังแล้วก็คิดๆ ก่อนจะพูดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกทุกคนมาประชุม ฉันจะฟังการรายงานสถานการณ์ในช่วงนี้สักหน่อย แล้วถึงค่อยทำการตัดสินใจเรื่องทั้งหมดอีกที”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกตำแหน่งสูงๆก็มาถึงห้องประชุม
หลี่เสว่มาถึงห้องประชุมเป็นคนสุดท้าย ตอนที่เธอแบกเอกสารและมือถือมาถึงห้องประชุมนั้น ก็พบว่าทุกคนนั่งกันอย่างสบายๆตามใจตัวเองท่าทางเกียจคร้านอย่างผิดปกติ ส่วนใหญ่นั่งนิ่งบนเก้าอี้ไม่ทำอะไร แถมยังมีท่าทางไม่ค่อยสำรวมอีกด้วย
หลี่เสว่ขมวดคิ้วเดินเข้าไป มีแค่จางหรงที่นั่งอย่างเรียบร้อยข้างๆเธอ
หลังจากที่หลี่เสว่นั่งลงไปแล้ว ท่าทางการนั่งของคนพวกนี้ก็ยังคงสบายๆไม่สำรวมเหมือนเดิม แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะทักทายหลี่เสว่เลยแม้แต่น้อย หลี่เสว่จึงต้องเอ่ยปากพูดขึ้น“ตอนนี้ ต้องเริ่มการประชุมแล้ว”
“ช่วงสองสามวันมานี้ฉันมีธุระเลยไม่ได้อยู่ที่บริษัท พวกคุณก็ช่วยรายงานสถานการณ์การดำเนินงานในช่วงสองสามวันนี้ให้ฉันฟังสักหน่อยแล้วกัน แล้วก็พวกโปรเจกต์ที่ต้องให้ฉันมาตัดสินใจด้วย ก็พูดมาสักหน่อย เดี๋ยวฉันจะทำการตัดสินใจเอง!”
“เริ่มที่ฝ่ายออกก่อนเลยแล้วกัน!”
พูดจบ หลี่เสว่ก็มองไปยังประธานผู้รับผิดชอบดูแลฝ่ายออกแบบ หวงเหว่ย
หวงเหว่ยสวมชุดสูท เสียดายที่หน้าตาดูไม่ค่อยได้เท่าไร ถึงขนาดที่ดูสับปลับไม่ใช่น้อย บวกเข้ากับท่านั่งที่ดูสบายๆตามใจตัวเองในตอนนี้ ท่าทางดูหยิ่งวางมาดสูงกว่าหลี่เสว่เสียอีก
“ประธานหวง?”น้ำเสียงของหลี่เสว่นิ่งขรึม
หวงเหว่ยชำเลืองตามองหลี่เสว่“ประธานหลี่ ไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วนะ ที่ควรจะทำก็ทำไปแล้ว พวกเราจะวางแผนจัดการเอง”
พอคำพูดนี้ที่พูดออมกา หลี่เสว่สีหน้านิ่งขรึม เธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ หรือว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้สถานการณ์ทั้งหมดของบริษัทหรือไง? แล้วพวกเขาจะมาวางแผนจัดการเองอะไรอีก? ไม่ให้เธอสอดมือเข้ามายุ่งอย่างนั้นเหรอ?
“ประธานหวง ฉันอยากรู้สถานการณ์ช่วงสองสามวันมานี้ของฝ่ายออกแบบ รบกวนคุณช่วยบอกมาหน่อย แล้วก็ มีเรื่องการออกแบบจิวเวลรี่ด้วยไม่ใช่เหรอ? โปรเจกต์นี้เป็นจุดสำคัญของบริษัท รบกวนคุณช่วยอธิบายสักหน่อยด้วยเหมือนกัน”หลี่เสว่ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เธอโฟกัสมาที่เรื่องของบริษัท
หวงเหว่ยพอเห็นแบบนี้ก็สบถออกมาด้วยความไม่พอใจ“จะให้เสียเวลาทำไม? ถึงบอกคุณไปคุณก็ไม่เข้าใจอยู่ดี แล้วถ้ายังออกคำสั่งไปโดยที่ยังไม่รู้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แล้วถ้าเกิดทำให้บริษัทเสียหายขึ้นมาคุณจะชดใช้ไหม?”