บทที่ 494
จู่ๆร่างกายของหลี่เสว่ก็ทรุดลงทันที เหมือนกับถูกของอะไรสักอย่างกดทับเอาไว้ กดจนเธอรับไม่ไหว
หวงเหว่ยเห็นแบบนี้ก็ยิ้มอย่างสะใจ“ประธานหลี่ ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน พวกเราตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว คุณแค่มาเซ็นชื่อ ก็เสร็จแล้วไม่ใช่หรือไง?”
ประธานหลี่เอามือแอบอยู่ใต้โต๊ะ กำมือไว้แน่นสุดๆ สุดท้าย ก็พูดออกมาอย่างเย็นชา“แล้ว พวกคุณจะเปลี่ยนบริษัทให้กลวงโบ๋อย่างนั้นเหรอ?”
“ประธานหลี่ พูดจาไม่เพราะเลยนะ”หวงเหว่ยเอนตัวไปข้างหลัง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับว่าตัวเองสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้ตามที่ใจตัวเองต้องการแล้ว หลี่เสว่สีหน้าดูไม่ได้ พูดอะไรไม่ออกทันที
จางหรงเห็นแบบนี้ก็คงจะต้องเป็นทูตสันติภาพช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ให้สักหน่อยแล้ว“ทุกคนใจเย็นๆก่อนนะ เอาแบบนี้ไหม ไล่ตามลำดับ พูดเรื่องโปรเจกต์ของบริษัทก่อนดีไหม”
“นั่งกันนานขนาดนี้ ทุกคนก็หิวน้ำกันแล้วใช่ไหม? เดี๋ยวผมออกไปเรียกให้คนเอาน้ำมาเสิร์ฟให้นะ”พูดจบ จางหรงก็ออกไปจากห้องประชุม
ที่จางหรงออกไปจากห้องประชุมก็เพื่อไปโทรศัพท์หาไป๋ยี่เฟย เขาพูดอธิบายเรื่องทั้งหมดกับไป๋ยี่เฟยไปอย่างคร่าวๆ หวังว่าไป๋ยี่เฟยจะมาจัดการให้ได้
ที่จางหรงตามเขา เพราะรู้สึกว่าถึงยังไงหลี่เสว่ก็เป็นภรรยาของเขา แถมบริษัทนี้ ก็เป็นของเขาเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอะไรกับโหวจวี๋
ยังมีอีกหนึ่งสิ่ง นั่นก็คือเขาจะได้ทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกซาบซึ้งในตัวเขาด้วย ถ้าหลังจากนี้ไป๋ยี่เฟยกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง เขาก็จะได้ดีไปด้วย เรื่องน่ายินดีขนาดนี้ทำไมจะไม่ทำล่ะ?
ภายในห้องประชุม หลังจากที่จางหรงเดินออกไปแล้ว หวงเหว่ยก็เอ่ยปากพูดขึ้น“ประธานหลี่ จางหรงนี่เป็นกรรมการของโหวจวี๋กรุ๊ปใช่ไหม? เขายืนอยู่ฝั่งไหน?”
“ว่ากันว่ากรรมการจางเป็นคนที่ทำงานเก่งมาก คุณคิดว่าไง?”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็เข้าใจแล้ว เขามาคอยตรวจสอบดูบริษัทของพวกเรา?”
“อย่าลืมล่ะ เขาเป็นคนที่ไป๋ยี่เฟยส่งมานะ”
“แล้วมันจะยังไง?”
“……”
หลี่เสว่ขมวดคิ้วฟังพวกเขา แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่าจางหรงเป็นกรรมการของโหวจวี๋กรุ๊ป แต่เมื่อตอนที่จางหรงมาที่บริษัทนี้ ไป๋ยี่เฟยให้เขาเป็นคนมาช่วยตนเอง
แต่ตอนนี้ล่ะ?
ท่าทีที่จางหรงมีต่อเธอก็ถือว่าพอได้อยู่ แต่นั่นมันคือของจริงหรือเปล่า?
หลังจากที่มีประสบการณ์มามากมายขนาดนั้นแล้ว หลี่เสว่ก็ไม่เชื่อใครง่ายๆอีก เรื่องทุกเรื่องจะต้องสงวนท่าทีเอาไว้
หลังจากนั้นไม่นาน จางหรงก็พาสาวสวยคนหนึ่งเข้ามา สาวสวยคนนั้นเสิร์ฟน้ำให้กับทุกคน จากนั้นก็เดินออกไป
จางหรงมองทุกคนอย่างยิ้มๆพร้อมกับพูดขึ้น“พวกเรามาคุยเรื่องโปรเจกต์ของบริษัทกันดีกว่า!”
“ปัญหาคือ พูดไปแล้วประธานหลี่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี!” หวงเหว่ยพูดกดดัน ถึงขนาดที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย“ถ้าประธานหลี่สามารถเข้าใจโปรเจกต์นี้ได้ จะให้ผมพูดๆสักหน่อยก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้”
“คุณไม่พูด แล้วฉันจะเข้าใจได้ยังไง?”หลี่เสว่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
หวงเหว่ยขำออกมาหนึ่งที“เห็นแล้วยัง นี่มันชัดเจนแล้วว่าไม่มีประสบการณ์ ถ้าไม่มีประสบการณ์ ก็จะตัดสินใจอย่างไม่มีการคิดพิจารณาแน่นอน แล้วก็จะไม่มีค่าอะไรเลยด้วย!”
“นี่คุณ!”
หลี่เสว่ตบโต๊ะ“หวงเหว่ยคุณอย่ามารังแกคนอื่นให้มันมากนักนะ!”
“ถ้าผมจะรังแกคุณแล้วมันจะทำไม?”หวงเหว่ยพูดตอบกลับไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย“ผมพูดออกไปชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว คุณก็ต้องเข้าใจนะว่า ถ้าไม่มีผมบริษัทก็จะพังพินาศเร็วขึ้นกว่าเดิม!”
เพื่อบริษัทแล้วหลี่เสว่ไม่กล้าไล่พวกเขาออกแน่นอน!
หลี่เสว่ไล่พวกเขาออกไม่ได้จริงๆ แต่เดิมเวลาบริษัทถูกโจมตีแบบนี้ เจอกับความไม่ราบรื่นทุกอย่างติดขัดไปหมด ถ้าเกิดไล่คนพวกนี้ออกไปอีก แล้วจะเปิดบริษัทไปทำไม? ปิดบริษัทไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า!
พอคิดถึงตรงนี้ ท่าทีของหลี่เสว่ก็อ่อนลง“ฉันก็แค่ต้องการให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเท่านั้น ข้ามผ่านอุปสรรคในครั้งนี้ไปให้ได้ ไม่ใช่ว่าอยากจะให้บริษัทกลวงโบ๋ไม่เหลืออะไรเลยสักหน่อย”
“ถ้าผ่านพ้นอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้ บริษัทก็ยังมีหวังอยู่ พวกคุณก็เป็นคนเก่าคนแก่กันหมดแล้ว ก็ควรจะต้องรู้จักคิดการณ์ไกลหน่อย ไม่ใช่ว่าคิดถึงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เท่านั้น”
หวงเหว่ยยังไม่ได้พูดอะไร มีผู้ชายสวมแว่นกรอบดำคนหนึ่งพูดเยาะเย้ยขึ้นมา“ข้ามผ่านอุปสรรค? ประธานหลี่กำลังล้อเล่นกับพวกเราอยู่หรือไง? โหวจวี๋กรุ๊ปเปลี่ยนเจ้าของแล้ว ยังจะผ่านอุปสรรคไปยังไงอีก?”
“ใช่ๆ หรือว่าไป๋ยี่เฟยจะกลับขึ้นมาครองตำแหน่งประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปได้อีกอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่มีทางอยู่แล้ว ตอนนี้คนที่อยู่เบื้องหลังของโหวจวี๋กรุ๊ปนั่นก็คือตระกูลเย่!”
“มีใครสามารถต่อกรกับตระกูลเย่ได้บ้าง?”
“……”
หลี่เสว่ฟังคำพูดของบรรดาผู้คน ในใจรู้สึกเศร้าไม่น้อย ไม่ใช่ให้กับตัวเอง แต่ให้กับไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบากจริงๆ กว่าจะประสบความสำเร็จได้ทั้งที แต่กลับต้องมาเจอกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดแบบนี้อีก ทำให้เขากลายเป็นคนที่ถูกคนอื่นดูถูกดูแคลนอีกครั้ง
ใครๆต่างก็เยาะเย้ยเขา ดูถูกดูแคลนเขา!
ทำไมกัน?
ทำไมไป๋ยี่เฟยจะต้องมาเจอเรื่องพวกนี้ด้วย?
หลี่เสว่คิดพลางขอบตาก็เริ่มแดง แต่กลับอดกลั้นเอาไว้ เธอไม่สามารถแสดงด้านที่อ่อนแอออกมาได้ จะให้คนอื่นมาดูถูกไม่ได้ เธอต้องประคับประคองตระกูลของพวกเธอไว้ให้ได้!
หลี่เสว่สูดหายใจเข้าหนึ่งที จู่ๆก็พูดออมกาด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม“พอได้แล้ว!”
ทุกคนตกใจกับเสียงที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาของหลี่เสว่ ต่างพากันเงียบสงบอย่างทันที
“สถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือจะทำยังไงให้บริษัทพัฒนาไปให้ได้ ไม่ใช่คิดแต่จะเอาตัวเองรอดอยู่คนเดียว เรื่องเมื่อตะกี้ ฉันจะไม่ถือสาเอาความอะไรก็แล้วกัน”
“ตอนนี้ เริ่มการประชุมต่อได้ ฉันอยากจะฟังเนื้อหาโดยละเอียดของโปรเจกต์ในครั้งนี้”
หลังจากที่หลี่เสว่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็ง ก็หันมองไปยังหวงเหว่ย
หวงเหว่ยได้ยินแบบนั้นก็แบะปาก คิดๆ ก่อนจะหยิบเอกสารมา เริ่มพูดเรื่องโปรเจกต์
……
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
หวงเหว่ยพูดเรื่องโปรเจกต์จบ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเสริมเพิ่มเติมมาอีกหนึ่งประโยค“เนื้อหาหลักของโปรเจกต์นี้พวกเราคิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประธานหลี่แค่ฟังก็พอแล้วล่ะ”
“เนื้อหาหลักคืออะไร?”หลี่เสว่สีหน้าดูไม่ดี แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย
หวงเหว่ยไม่สบอารมณ์“ประธานหลี่คุณต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยเหรอ? ทุกคนเสียเวลาของตัวเองมาฟังคุณประชุม นี่ก็ถือว่าไว้หน้าคุณมากพอแล้วนะ คุณอย่ามาทำเป็นไม่รู้ความจริงหน่อยเลย”
“ถ้าคุณอยากจะมาทำหน้าที่ท่านประธาน อยากจะใช้สวัสดิการของหัวหน้าล่ะก็ ผมแนะนำคุณรีบจากไปซะจะดีกว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะให้คุณมาหาประสบการณ์!”
หลี่เสว่โกรธทันที ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน“หวงเหว่ยคุณคิดว่าฉันไม่กล้าไล่คุณออกจริงๆสินะ?”
“คุณกล้าเหรอ?”หวงเหว่ยจ้องตากับหลี่เสว่ตรงๆ
หลี่เสว่กำลังจะพูดอะไรขึ้นต่อ ประตูห้องประชุมก็ถูกคนใช้ขาถีบเข้ามาก่อน
ตามด้วย ไป๋ยี่เฟยที่น่าเกรงขามเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าโมโห เดินเข้ามาอยู่ข้างๆหลี่เสว่ สองตาจ้องมองหวงเหว่ยด้วยความโกรธ“ทำไมจะไม่กล้า?”
“จางหรง ไล่เขาออกตอนนี้เลย พาเขาไปทำเรื่องซะ”
ผู้คนต่างอึ้งตะลึงกับภาพที่เห็น แต่ประเด็นคือ……
“นี่คุณเป็นใคร? กล้าดียังไงมาไล่ผม?”หวงเหว่ยถามขึ้นอย่างสับสนมึนงง
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ผมคือไป๋ยี่เฟย!”
เขามาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ยืนฟังอยู่ข้างนอกประตูมาได้สักพัก ได้ยินที่หวงเหว่ยพูดกับหลี่เสว่พอดี เขาใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงมาที่นี่ เพียงเวลาแค่ไม่นานก็เป็นแบบนี้ซะแล้ว จินตนาการได้เลยว่า ก่อนหน้านี้หลี่เสว่จะต้องถูกคนพวกนี้รังแกกลั่นแกล้งมาไม่น้อยแล้ว!
พอคิดว่าคนพวกนั้นรุมรังแกหลี่เสว่ ไป๋ยี่เฟยก็อดไม่ได้ที่จะถีบประตูเข้ามาตรงๆเลย
พอผู้คนได้ยินชื่อของไป๋ยี่เฟยต่างก็พากันถลึงตาโต“คุณคือไป๋ยี่เฟย?”
“ทำไม? ไม่รู้จักผมกันเหรอ?”ไป๋ยี่เฟยยิ้มๆ
หวงเหว่ยตอบสนองกลับมาเร็วที่สุด หลังจากรู้ว่าเป็นไป๋ยี่เฟย ก็ยิ่งดื้อด้านแข็งข้อมากขึ้น“คุณยังมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ? คงไม่ได้บ้าไปแล้วใช่ไหม?”
“เป็นประธานของโหวจวี๋ไม่ได้แล้ว เลยคิดจะมาระบายปลดปล่อยที่นี่แทนสินะ?”