บทที่ 50
หลี่เสว่เปิดกล่องอีกอันทันที อัญมณีอะความารีนและเพชรเม็ดละเอียดสะท้อนแสงแวววาวแก่กันและกัน จนตาหลิวจื่อหยุนเกือบบอด
แต่เมื่อตั้งสติได้ หลิวจื่อหยุนก็เอ่ยอย่างสงสัย “นี่เป็นมรกตกับอะความารีนจริงหรือ?”
“แน่นอนค่ะ แม่ ดูสัญลักษณ์นี้สิคะ เป็นแบรนด์ทิฟฟานี่ พวกเราไปซื้อที่ตู้โชว์สินค้าพิเศษโดยเฉพาะ” หลี่เสว่พูดอธิบาย
หลิวจื่อหยุนก้มหน้าลง แล้วก็เห็นสัญลักษณ์ของทิฟฟานี่จริงๆ เธอถึงเชื่อจริงๆ
“ฮ่าฮ่า……”
ใบหน้าหลิวจื่อหยุนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม บอกให้หลี่เสว่รีบสวมให้เธอ
เมื่อสวมเข้าแล้ว ทั้งสามคนก็ล้วนพากันชมหลิวจื่อหยุนคนละรอบ หลิวจื่อหยุนลืมเรื่องไม่สุขใจเมื่อวานไปหมดสิ้น แถมยังเรียกไป๋ยี่เฟยไปกินข้าวด้วย
บนโต๊ะ จู่ๆ หลี่เฉียงตงก็พูดขึ้น “อยากดื่มเหล้าไหม?”
“ดื่มเหล้าอะไร?” หลิวจื่อหยุนไม่เห็นด้วย
ไป๋ยี่เฟยกลับกล่าว “ได้ครับ เดี๋ยวผมดื่มเป็นเพื่อนพ่อสักนิดหนึ่ง!”
หลี่เฉียงตงพยักหน้า หยิบไวน์แดงขึ้นมา
หลี่เสว่ไม่ได้พูดอะไร หลิวจื่อหยุนเห็นอย่างนี้ก็ขี้เกียจจะไปยุ่งด้วยแล้ว ก็ปล่อยพวกเขาไป
หาได้ยากนักที่จะเห็นทั้งครอบครัวทานมื้ออาหารด้วยกันสนุกสนาน
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยคอไม่แข็งสักเท่าไหร่ ดื่มไวน์แดงลงท้องไปไม่กี่แก้วก็เมาแล้ว
หลิวจื่อหยุนอดพูดอย่างรังเกียจไม่ได้ “คออ่อนขนาดนี้ ยังมีหน้ามาดื่มเหล้าอีก!”
หลี่เสว่พยุงไป๋ยี่เฟยกลับบ้านด้วยความยากลำบากอย่างมาก โยนเขาลงไปบนเตียง
มองไป๋ยี่เฟยที่เมาจนหมดสติ หลี่เสว่ก็เผลอเหม่อไปชั่วขณะ
หน้าตาของไป๋ยี่เฟยพูดไม่ได้ว่าหล่อ แต่ก็ไม่ขี้เหร่ อีกทั้งยังมองได้ไม่เบื่อ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าดูดีแบบนั้น
หลี่เสว่ขยับเข้าไปใกล้ไป๋ยี่เฟยอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็ประทับจูบลงไปบนริมฝีปากของไป๋ยี่เฟย แล้วรีบผละออกอย่างเร็ว กุมแก้มที่ร้อนผ่าว ใจเต้นรุนแรงกว่าปกติ
หวั่นไหว ตื่นเต้น ชอบ รอคอย หลากหลายความรู้สึกผสมปนเปกัน
รอจนผ่านไปครู่หนึ่ง ไป๋ยี่เฟย ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร น่าจะหลับไปแล้ว ความรู้สึกเมื่อกี้ก็หายไปในพริบตา แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกจิตใจหม่นลงขึ้นมา เมื่อคิดจนเข้าใจว่าทำไมตนเองถึงรู้สึกจิตตก ก็เกลียดตัวเองนิดหน่อย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหิวกระหายอยู่อย่างไรอย่างนั้น
หลี่เสว่เก็บอารมณ์ตัวเอง แล้วจัดท่าทางไป๋ยี่เฟย ตนเองก็เหนื่อยจนแทบไม่ไหว ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เสียเลย
ยามเช้า ไป๋ยี่เฟยขยับร่างกาย ขมวดคิ้วขึ้น
เมื่อขยับอีกครั้ง หือ?
ไป๋ยี่เฟยลืมตาขึ้นทันที หลี่เสว่กำลังนอนขดหลับฝันหวานอยู่ในอ้อมกอดของตน
ณ เวลานี้ ไป๋ยี่เฟยใจเต้นเร็ว และหายใจถี่ขึ้น
เมื่อวานเหมือนว่าตัวเองจะดื่มจนเมา แต่เมาแล้วทำอะไรต่อเขาจำไม่ได้เลยสักนิด เขาคงไม่ได้ทำอะไรหรอกนะ?
รู้สึกร่างกายตัวเองเปลือยเปล่า แต่หลี่เสว่กลับสวมชุดครบถ้วน แล้วก็ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นด้วย เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาทั้งนั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็อดเสียดายไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยก้มหน้าลง มองท่าทางน่าเอ็นดูของหลี่เสว่ ในใจก็เปี่ยมล้น
มองไปมองมา ไป๋ยี่เฟยคิด หลี่เสว่ยังหลับอยู่ จูบนิดหน่อยคงไม่น่าตื่น ดังนั้นเขาจึงก้มหน้าลงช้าๆ ขยับเข้าใกล้หลี่เสว่
พอใกล้จะจูบกันแล้ว จู่ๆ หลี่เสว่ก็ตื่นขึ้นทันที
หลี่เสว่มองไป๋ยี่เฟยที่อยู่ใกล้ๆ ตรงหน้า ก็ตื่นตกใจ ผลักตัวไป๋ยี่เฟยออก ตัวเองก็พลิกตัวลงจากเตียง
ไป๋ยี่เฟยที่ถูกผลักอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็มึนงงนิดหน่อย
หลี่เสว่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ ก็เขินจนทนไม่ไหว ก็รีบพูดลวกๆ “ฉันจะไปทำอาหารเช้า” จากนั้นก็วิ่งออกไป
รอจนหลี่เสว่ออกไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยถึงกลับคืนสติ
ไหนจะรู้เลยว่า เมื่อคืนหลี่เสว่จูบเขาไปแล้ว เพียงแค่เขาไม่รู้เท่านั้น
ทานข้าวเช้าเสร็จ หลี่เสว่ก็ไปบริษัท
ไป๋ยี่เฟยคิดว่าจะไปโหวจวี๋กรุ๊ป แต่ได้มีสายของโจวฉวี่เอ๋อโทรมา
“ฮัลโหล ไป๋ยี่เฟย คุณเตรียมตัวพร้อมหรือยัง? ให้ฉันไปรับคุณไหม?”
เมื่อพูดประโยคนี้แล้ว ไป๋ยี่เฟยก็นึกได้ทันที เมื่อวานเหมือนว่าจะรับปากเธอเรื่องแฟนหลอกๆ ไป
“ออ เกือบพร้อมแล้ว”
หลังทั้งสองคนได้พบหน้ากัน โจวฉวี่เอ๋อก็ลากเขาไปมุมอับข้างนอกประตู
โจวฉวี่เอ๋อกล่าวกำชับ “แม่ฉันกับคนจากทางนั้นมากันแล้ว อีกพักหนึ่งฉันจะเข้าไปก่อน ผ่านไปพักหนึ่งคุณค่อยแสดงตัวออกมา จากนั้นก็บอกว่าคุณเป็นแฟนฉัน แล้วพาตัวฉันไป!”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้ารับอย่างจนปัญญา “รู้แล้ว คุณเข้าไปก่อนเถอะ!”
“ได้! อย่าทำพังล่ะ!” โจวฉวี่เอ๋อพูดจบก็รีบร้อนเดินเข้าไป
ไป๋ยี่เฟยส่งเสียงรับคำ ยืนรออยู่หน้าประตูครู่หนึ่งถึงเดินเข้าไป
โจวฉวี่เอ๋อนั่งอยู่กับแม่ของเธอ ตรงข้ามก็เป็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ข้างๆ เป็นชายวัยรุ่นนั่งอยู่อีกคน
ไม่มองก็ไม่คิดอะไร พอมองก็ตกใจ!
นี่ไม่ใช่เซียวหรงเทาหรือ?
โลกนี้กลมจริงๆ ด้วย!
แต่เซียวหรงเทาไม่ได้คบกับเหอหยวนหยวนอยู่หรือ? ทำไมถึงยังมาดูตัวอีกล่ะ? ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เหมือนว่าจะเลิกกันไปแล้ว
โจวฉวี่เอ๋อมองเห็นไป๋ยี่เฟยแล้ว ส่งสายตาบอกเป็นนัย แล้วยิ้มสนทนาต่อ
เป็นเพราะมุม เซียวหรงเทาจึงมองไม่เห็นไป๋ยี่เฟยที่อยู่ตรงข้าม เขากำลังยิ้มถาม “ปกติฉวี่เอ๋อชอบทำอะไรบ้างเหรอ?”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรค่ะ อ่านหนังสือ ฟังเพลง บางทีก็ออกกำลังกายนิดหน่อยอะไรประมาณนี้….”
ไป๋ยี่เฟยเห็นโจวฉวี่เอ๋อเป็นแบบนี้ ในใจก็ไม่ชินเล็กน้อย ปกตินิสัยของโจวฉวี่เอ๋อก็สะเพร่าไม่จริงจัง สงบเสงี่ยมขนาดนี้ที่ไหน? แล้วอ่านหนังสือ ฟังเพลงอะไรน่ะ?
จุ๊จุ๊ นี่เป็นทักษะการแสดงทั้งนั้น ไม่ไปแสดงละครก็น่าเสียดาย!
พูดจบ คุณแม่เซียวยิ้มกล่าว: “ฉวี่เอ๋อไม่เลวเลยค่ะ หรงเทาของพวกเรา ก็ชอบผู้หญิงที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีแบบนี้ ฉันเองเห็นก็ชอบค่ะ”
“ครอบครัวเราเปิดบริษัท ในบริษัทเราหรงเทารับผิดชอบเป็นผู้จัดการใหญ่ ปกติทำงานก็ค่อนข้างตั้งใจ…..”
โจวฉวี่เอ๋อรักษารอยยิ้มไว้ ดูไม่ออกเลยว่ากำลังอดทนอยู่
คุณแม่โจวได้ยินก็ยิ้มตาหยีพูด: “เด็กคนนี้ทำงานเก่งจังเลย! อายุยังน้อยก็ได้เป็นผู้จัดการใหญ่แล้ว…..”
แม่ทั้งสองคนชมลูกๆ ของพวกเขา คุยกันอย่างปรองดองมาก
โจวฉวี่เอ๋ออยู่ข้างๆ พยายามแสดงสีหน้าให้ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยเห็นก็ส่ายหัว ชี้ไปที่เซียวหรงเทา แล้วหมุนตัวเดินออกไป
เซียวหรงเทารู้ว่าเขามีภรรยาแล้ว เขาเล่นละครฉากนี้ไม่ลง
โจวฉวี่เอ๋อเห็นก็เกือบหลุดตะโกนออกมา คุณแม่โจวเห็นว่าเธอแปลกๆ “คุณเป็นอะไร?”
“เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ ขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป
นอกร้านกาแฟ โจวฉวี่เอ๋อรั้งตัวไป๋ยี่เฟยที่จะเดินออกไป “คุณทำอะไร? ไหนบอกจะช่วยไง? ทำไมหนีซะล่ะ?”
“เซียวหรงเทาเป็นเพื่อนสมัยมหาลัยของฉัน แล้วเขาก็รู้แล้วว่าฉันมีภรรยาแล้ว”
โจวฉวี่เอ๋อลำบากใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างไม่สนใจ “ฉันไม่สน คุณรับปากจะช่วยฉันแล้ว คุณจะกลับคำพูดไม่ได้ คุณยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า?”
“คุณบอกใครไม่ใช่ผู้ชาย?” ไป๋ยี่เฟยเถียงกลับทันที
โจวฉวี่เอ๋อยกยิ้ม “ถ้าคุณเป็นผู้ชาย ก็ต้องช่วยฉัน! ไม่อย่างนั้น ฉันจะบอกเสว่เอ๋อว่าคุณแกล้งฉัน!”
ไป๋ยี่เฟยจนปัญญาอย่างมาก เตะประตูกระจกข้างๆ อย่างหงุดหงิด สุดท้ายก็กัดฟัน หมุนตัวเดินเข้าไป
เย็นวันนี้เขาจะบอกเรื่องนี้กับเสว่เอ๋อ พูดด้วยตัวเอง ดีกว่าให้คนอื่นมาพูด เสว่เอ๋อจะได้ไม่เข้าใจผิด บวกกับมีโจวฉวี่เอ๋อเป็นพยานให้เขาด้วย คงไม่มีปัญหาอะไร
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไป ก็เห็นพวกเขายังคุยกันอย่างสนุกสนาน เก็บอารมณ์นิดหน่อย เดินก้าวใหญ่เข้าไป
“ฉวี่เอ๋อทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
พูดจบ สายตาของทั้งสี่คนก็มองมาทางเขา