บทที่505
“ไม่มีบัตรเชิญก็ยังเข้ามาปะปนได้?”
“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูบัตรเชิญแล้วถึงให้เข้ามาไม่ใช่เหรอ?ไม่น่าจะปะปนเข้ามาได้นะ?”
“เอะ อย่างนั้นก็ต้องใช้บัตรเชิญเข้ามาสิ? แล้วเขาจะตะโกนอะไรของเขา?”
อยู่ๆ ทุกคนก็ไม่พอใจหลิ่วจาวเฟิงขึ้นมา ทั้งที่มาร่วมงานเลือกตั้งประธานสหพันธ์ธุรกิจ ศักยภาพไม่ต่างกัน ไม่มีใครกลัวใคร
หลิ่วจาวเฟิงพอได้เสียงของทุกคน สีหน้าก็ยิ่งแย่ โชคดีที่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาได้ทันเวลา
“เขาไม่มีบัตรเชิญ พวกคุณปล่อยเขาเข้ามาได้อย่างไร?” หลิ่วจาวเฟิงตวาดใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วยังชี้นิ้วไปที่ไป๋ยี่เฟย
คนที่มาก็คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูทางเข้า เขาเห็นบัตรเชิญกับตาของเขาเอง ถึงได้ปล่อยไป๋ยี่เฟิงเข้ามา ตอนนี้ถูกหลิ่วจาวเฟิงตวาดเช่นนี้ ก็ไม่ยอมเช่นกัน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้ส่งมาจากสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง จึงไม่กลัวหลิ่วจาวเฟิง
“คุณผู้ชายท่านนี้ เขาใช้บัตรเชิญเข้ามาครับ ไม่ชอบหน้าเขาก็เป็นเรื่องของคุณ พวกเราแค่รับผิดชอบตรวจสอบบัตรเชิญ ให้คนเข้ามา กรุณาอย่าทำพวกเราเสียเวลา”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดเสร็จ ก็หันหลังกลับด้วยสีหน้าที่เย็นชา ไปล่ะ
หลิ่วจาวเฟิงตาพร่ามัว
ใช้บัตรเชิญเข้ามา?
เป็นไปได้อย่างไร?
ในมือของหลี่เสว่ใบนั้นที่เกินมา สามารถเข้าใจได้ แต่แม่งมึงมันก็แค่เกินมาแค่ใบเดียวนี่ แล้วเขาก็ให้หลี่เสว่ไปแล้ว แล้วไป๋ยี่เฟยเอาบัตรเชิญมาจากไหน?
“ไป๋ยี่เฟย หรือนายถือบัตรเชิญปลอม?” สิ่งเดียวที่หลิ่วจาวเฟิงคิดว่าเป็นไปได้ก็คือเช่นนี้ “เดี๋ยวก่อน เจ้าหน้าที่!”
เจ้าหน้าที่หันกลับอย่างรำคาญ “คุณผู้ชายมีอะไรอีกครับ?”
“บัตรเชิญในมือเขาเป็นของปลอม! นายรีบตรวจสอบเร็ว!” หลิ่วจาวเฟิงชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยอีก บอกเจ้าหน้าที่ด้วยใบหน้าที่มั่นเหมาะ
สีหน้าเจ้าหน้าที่ยิ่งแย่ลงไปใหญ่ “นี่คุณกำลังสงสัยการทำงานของผมเหรอ?”
“ผมเป็นคนดูบัตรเชิญของเขาเอง เป็นบัตรเชิญจริงๆ ไม่ทราบยังมีอะไรสงสัยจะถามไหม?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดด้วยความเย็นชา
หลิ่วจาวเฟิงตาพร่ามัวอีกครั้ง
เป็นบัตรเชิญจริงเหรอ เป็นไปได้อย่างไร?
หลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อต่างก็สงสัย นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เจ้าหน้าที่ยังต้องเฝ้าทางเข้าอีก จึงหันตัวจะไป
เวลานี้เอง หลิ่วจาวเฟิงก็ส่งเสียงให้เจ้าหน้าที่หยุดอีกครั้ง “เดี๋ยวก่อน เขากระจอกมาก ไม่มีบริษัทอะไรเลย ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้งในครั้งนี้ได้ บัตรเชิญนี้ไม่ใช่ของเขาแน่!”
“ผมสงสัย ว่าเขาจะขโมยบัตรเชิญของใครเข้ามา ไม่อย่างนั้น คนกระจอกอย่างเขาจะเอาบัตรเชิญมาจากไหน? สหพันธ์ธุรกิจไม่น่าโง่ส่งบัตรเชิญให้คนกระจอกอย่างเขาแน่”
คำพูดที่ออกมา ดูเป็นเหตุเป็นผล。
พอเจ้าหน้าที่ฟังเสร็จก็ลังเลอย่างยิ่ง ถ้าเป็นเช่นนี้จริง อย่างนั้นพวกเขาก็บกพร่องต่อหน้าที่แล้ว
“คุณผู้ชายท่านนี้ บอกพวกเราได้ไหมว่า คุณได้บัตรเชิญมาจากไหน” เจ้าหน้าที่ถามด้วยน้ำเสียงกลางๆ
หลิ่วจาวเฟิงทำเสียง “หึ” เชิดหน้ายโส “ต้องขโมยมาแน่นอน คุณคงไม่รู้สินะ? คนที่อยู่ข้างกายเขา ชื่อว่าเฉินห้าว เป็นหัวขโมย มือไวมาก ขโมยของคนอื่นได้โดยที่คนอื่นไม่รู้ตัว!”
“นายใส่ร้ายคนอื่น!” เฉินห้าวโมโหขึ้นเสียง “ผมเปล่า!”
ไป๋ยี่เฟยทำหน้านิ่ง เมื่อครู่ถูกหลิ่วจาวเฟิงชี้หน้า อยากจะจัดการเขามานานแล้ว แถมตอนนี้ยังกล้ามาว่าเพื่อนของเขาอีก ถ้าเขาไม่ขึ้นเสียงบ้าง ก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว
ในเวลานี้เอง มือของหลิ่วจาวเฟิงชี้ไปยังเฉินห้าว
ไป๋ยี่เฟยขยับไปด้านข้าง ยกมือขึ้นจับนิ้วมือของหลิ่วจาวเฟิง แล้วก็ออกแรงบิด
“อ๊าก!”
หลิ่วจาวเฟิงร้องด้วยความเจ็บปวด “ปล่อยมือ แม่งเอ้ย……ปล่อยมือกูเดี๋ยวนี้!”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยิน ก็ยิ่งออกแรงขึ้น พูดด้วยเสียงต่ำว่า: “หลิ่วจาวเฟิง มีคนช่วยชีวิตไว้ก็ลืมตัวแล้วเหรอ?ลืมแล้วเหรอว่าฉันจะฆ่านาย?”
พอหลิ่วจาวเฟิงได้ยินคำพูดของไป๋ยี่เฟยก็สะดุ้งทันที ก่อนหน้าถูกอุดอยู่ในลัง ภาพที่เกือบจะถูกฆ่าตายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้หลิ่วจาวเฟิงเกิดความกลัวขึ้นมา
“นาย……นายคิดจะทำอะไร?ที่นี่เป็นที่สาธารณะ ถ้านายกล้าทำเรื่องเหลวไหล นายกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแน่!” หลิ่วจาวเฟิงพูดอย่างปอดแหก
ไป๋ยี่เฟยหยักไหล่หัวเราะ “นายคิดว่าฉันกลัวเหรอ?”
หลิ่วจาวเฟิงเกิดฉลาดขึ้นมาในฉับพลัน “นายกล้าฆ่าคนต่อหน้าเสว่เอ๋อเหรอ?เธอเห็นนายฆ่าคน แล้วยังจะรักผู้ร้ายฆ่าคนตายอย่างนายอีกเหรอ?”
จบประโยค ไป๋ยี่เฟยก็ยังคงเผยยิ้มเล็กน้อย
“ไอ้โง่!”
หลี่เสว่จะแยแสเรื่องนี้เหรอ? ถ้าแยแสจริง เธอก็คงไม่ติดตามเขาขณะที่เขาโดนไล่ฆ่าหรอก ทั้งที่มีโอกาสไปจาก แต่ก็ยังติดตามเขา
เธอเห็นคนตายเยอะขนาดนั้นกับตา แม้จะไม่เห็นเขาฆ่าคน แต่เขาเชื่อว่า หลี่เสว่ไม่ถือสาแน่
ไป๋ยี่เฟยปล่อยมือของหลิ่วจาวเฟิง ออกแรงสะบัด “หลิ่วจาวเฟิง ตอนนี้ฉันจะยังไม่ฆ่านาย แต่ว่า ทางที่ดีนายอย่ามายั่วโมโหฉัน ไม่อย่างนั้น ฉันจะเปลี่ยนใจ อย่างไรรอเรือสำราญออกจากท่า เอาศพทิ้งลงมหาสมุทร ก็ไม่มีใครรู้!”
“นาย……” หลิ่วจาวเฟิงเต็มไปด้วยความยอมเมื่อมองสายตาของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยทำเสียง “หึ” เย็นชาใส่ จากนั้นก็หันไปพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า: “ผมได้รับบัตรเชิญของผมอย่างแน่นอน แต่ใครเป็นคนให้ เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้แล้ว”
คำพูดนี้ดูครึ่งหนึ่งจริงครึ่งหนึ่งหลอก เขาได้รับมันจริงๆ แต่หลี่เฉียงตงเป็นคนให้ แน่นอน เขาก็มีปัญหา นั่นก็คือ บัตรเชิญนี้หลี่เฉียงตงเอามาจากไหน?
พอเจ้าหน้าที่ได้ยิน เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเชื่อวาทศิลป์นี้ “ว่าตามหลักการแล้ว ถ้าคุณผู้ชายไม่มีคุณสมบัติจริง ก็ไม่มีทางได้รับบัตรเชิญแน่ นี่……”
“อย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงทางเดียวแล้ว” อยู่ๆ ก็มีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
ผู้คนต่างมองไปยังที่มาของเสียง ที่แท้ก็คือภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกับเย่ฮวน เฝิงเซียนเซียน
เฝิงเซียนเซียนสวมกระโปรงสีเบจ เดินด้วยท่าทางสง่างามเข้ามา
แน่นอนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้จักคุณผู้หญิงท่านนี้ ขานขึ้นมาว่า “คุณนายน้อยเย่”
เฝิงเซียนเซียนรู้สึกดื่มด่ำกับความรู้สึกเช่นนี้ ท่าทางยิ่งดูสูงส่งยิ่งขึ้น “อืม ฉันบอกว่า ในเมื่อไม่มีคุณสมบัติ แต่ก็มีบัตรเชิญ อย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้แค่เพียงทางเดียว!”
“ก็คือขโมยมา!”
จบประโยค ผู้คนไม่มีปฏิกิริยาอะไรมาก เมื่อครู่หลิ่วจาวเฟิงก็กล่าวหาว่าไป๋ยี่เฟยขโมยมาก และแล้วผู้คนกลับเกิดความประหลาดใจขึ้น
“ไม่หรอกมั๊ง? ขโมยมาจริงเหรอ?”
“เมื่อกี๊หลิ่วจาวเฟิงบอกว่า ข้างตัวเขามีหัวขโมยที่ร้ายกาจ”
“นั่นสิ แล้วใครกันที่โชคร้ายถูกขโมยบัตรเชิญล่ะ?”
“ไม่รู้สิ……”
พอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยินก็ขมวดคิ้ว นิ่งอึ้งไม่พูด
เฝิงเซียนเซียนจึงพูดต่อ: “รปภ. ฉันขอแนะนำให้คุณรีบตรวจสอบบัตรเชิญของทุกคนในตอนนี้ ว่ามีของใครหายไปไหม ไม่อย่างนั้น คนที่ถูกขโมยบัตรเชิญโดยไม่ระวังตัว เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่”
หลิ่วจาวเฟิงมีเฝิงเซียนเซียนหนุนหลัง ความกล้าก็เพิ่มขึ้น “ถูกต้อง เมื่อกี๊ผมก็บอกว่าพวกเขาอาจจะขโมยมาก็ได้ พวกคุณก็ยังไม่เชื่อ แล้วเขายังลงมือ เห็นได้ชัดว่าเขากลัวความผิด อย่างนี้ต้องขโมยมาแน่นอน!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลังเลชั่วครู่ รู้สึกมีเหตุผล ถ้ามีคนถูกขโมยจริง อย่างนั้นพวกเขาก็ยากที่จะรอดจากความผิด ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงรีบแจ้งไปยังเพื่อนร่วมงานที่ห้องประกาศ ให้ทำการประกาศ ถึงผู้มาร่วมงานให้ตรวจสอบดูว่าบัตรเชิญของตัวเองอยู่หรือเปล่า
ไป๋ยี่เฟยกับพวกยืนนิ่งไม่ขยับ สีหน้าเฉยเมย
เฝิงเซียนเซียนทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ราวกับรู้ผลลัพธ์อยู่นานแล้ว
ทว่าหลิ่วจาวเฟิงกลับเป็นห่วงว่า ถ้าเกิดไม่มีใครทำบัตรเชิญหายล่ะ?