บทที่ 538
ต้องยกตำแหน่งท่านประธานสหพันธ์ธุรกิจให้กับไป๋ยี่เฟย ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ต่อให้คนที่ถูกช่วยไว้คนนั้นจะเป็นเย่ฮวนเอง ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน!
เย่ฮวนยังต้องแก้แค้นอยู่ การที่เป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจสามารถนำประโยชน์มาให้กับเขามากมาย ในขณะเดียวกันก็เป็นหลักประกันมากมายให้กับเขาด้วยเช่นกัน พวกคนที่คิดจะต่อกรกับเย่ฮวน ใครยังกล้าลงมือกับเขาอีก?
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถหยิบยืมอำนาจนี้มาช่วยเย่เจี่ยได้อีกด้วย ทำให้เย่เจี่ยกลายเป็นผู้นำตระกูลของตระกูลเย่ ถึงตอนนั้น เรื่องตระกูลของเขาก็จะคิดหาวิธีการอื่น
ไป๋ยี่เฟย โบกๆมือ พร้อมกับพูดยิ้มๆ“เอาล่ะ ล้อเล่นเท่านั้นเอง ไม่ต้องสนหรอก ที่ช่วยชีวิตเธอก็ถือโอกาสไปช่วยเท่านั้นไม่ได้ลำบากอะไร”
เย่ฮวนนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง“ไม่ว่ายังไง คุณช่วยชีวิตเซียนเซียนแล้ว ผมก็ต้องขอบคุณคุณอยู่ดี แล้วก็ได้ทำให้ผมได้รู้จักคุณใหม่ด้วย”
“ผมคิดว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องในสมัยก่อนพวกเราก็อาจจะกลายเป็นเพื่อนกันแล้วก็ได้”ตอนที่พูดประโยคนี้ เย่ฮวนมีความคิดแบบนี้จริงๆ คงขนาดที่ว่ารู้สึกเสียดายอยู่นิดๆ
“เป็นไปไม่ได้แล้ว”ไป๋ยี่เฟยพูดตอบกลับไปอย่างนิ่งๆ
เย่ฮวนแทบสำลัก สุดท้ายก็เพียงแค่พูดว่า“ประธานสหพันธ์ธุรกิจในครั้งนี้ เป็นของผมเท่านั้น ผมไม่มีทางให้คุณแน่นอน”
พูดจบ เย่ฮวนก็หันเดินจากไป
เฝิงเซียนเซียนยืนอยู่ข้างหลังของเย่ฮวนมาโดยตลอด ดูเหมือนเธอยังคงมีท่าทางยโสอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าไป๋ยี่เฟยจะช่วยเธอเอาไว้ ท่าทีของเธอก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
ไป๋ยี่เฟยมองเธอหนึ่งทีอย่างไม่สนใจ จากนั้นก็หันสายตากลับมา มองเงาหลังของเย่ฮวน พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆหนึ่งประโยค“ผมเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
จริงๆแล้วที่พูดประโยคนี้ ก็เพื่อให้กำลังใจตัวเองเท่านั้น
ในความเป็นจริงแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็รู้ ว่าวันนี้โอกาสชนะของเขาถือว่าไม่สูงเลย
ควรจะบอกว่า คนที่อยู่ที่นี่ต่างก็รู้กันหมดว่า โอกาสชนะของเขาแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
เก้าโมงตรง พิธีเลือกตั้งก็เริ่มต้นขึ้น
สวี่ชางสวมชุดสูทยืนอยู่บนเวทีพิธีกร จากนั้นก็หยิบไมโครโฟน พูดกฎกติกาของการเลือกตั้งในวันนี้
“สวัสดีครับทุกท่าน ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาที่นี่ เพื่อมาเป็นพยานให้กับท่านประธานสหพันธ์ธุรกิจคนใหม่ของเป่ยไห่ของพวกเรา”
“ก่อนอื่น พวกเราจะเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายกันแล้วนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ขอให้พวกเราทุกคนแสดงความยินดีให้กับทั้งสามท่านที่ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาจากครั้งที่แล้ว แบ่งเป็นเย่ฮวนจากเย่ซื่อกรุ๊ป ไป๋ยี่เฟยจากคริสตัลกรุ๊ป และหลี่เสว่จากฝูรุ่ยจิวเวลรี่ครับ”
พูดจบ ก็มีเสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วห้องโถง
จริงๆแล้วเสียงปรบมือนี้ก็ไม่ได้ออกมาจากใจจริงของทุกคน ถึงยังไงก็เป็นพวกที่มาเพื่อตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจกันทั้งนั้น ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายแล้วสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงจะทำแบบนี้ ควักเงินซื้อโควตา แล้วยังทำแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้อีก แล้วก็ไม่มีใครแล้วด้วย
พอเสียงปรบมือสิ้นสุดลง สวี่ชางก็พูดขึ้นต่อ“การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายนั้น ได้ผ่านการประเมินการโหวตจากหลายๆฝ่าย”
“ในส่วนแรกมาจากทุกคนที่อยู่ที่นี่ โหวตคนที่ตัวเองรู้สึกว่าเหมาะสม ในมือของแต่ละคนโหวตได้แค่คนละหนึ่งโหวต”
“ส่วนที่สองก็คือตัวผมเอง การได้เป็นตัวแทนของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง มีสิทธิ์โหวตได้หนึ่งร้อยโหวต ผมก็จะโหวตให้หนึ่งคนในนี้เช่นกัน”
“ส่วนสุดท้าย ก็คือทั้งสามท่านจากสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ พวกเขาแต่ละคนก็มีสิทธิ์โหวตหนึ่งร้อยโหวตเช่นเดียวกัน จะเลือกหนึ่งคนที่เหมาะสมมาเพื่อทำการโหวต”
“สามส่วนทั้งหมดรวมกันแล้วเท่ากับแปดร้อยโหวต ผู้ที่ได้รับผลโหวตมากที่สุด ก็จะกลายเป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจเป่ยไห่คนใหม่”
“เอาล่ะ ตอนนี้ การโหวตเริ่มได้”
พูดจบ ในห้องโถงก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที
“โหวตให้ใครเหรอ?”
“ต้องถามอีกเหรอ? แน่นอนว่าเย่ฮวนอยู่แล้ว!”
“ผมรู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยก็ได้นะ”
“ไป๋ยี่เฟยปฏิเสธการสนับสนุนจากไป๋หยุนเผิงแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไป๋ยี่เฟยปฏิเสธก็เป็นเรื่องของไป๋ยี่เฟย ไป๋หยุนเผิงจะโหวตให้ใครมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา”
“มีเหตุผล!”
“ส่วนผมน่ะเหรอ โหวตให้คุณหลี่คนสวย”
“ผมก็โหวตให้คนสวยเหมือนกัน”
“ใช่ ถึงยังไงผลโหวตของพวกเราไม่มีผลมากมายอยู่แล้ว หลักๆคือผลโหวตของทั้งสี่ท่านข้างบนเวทีนู้น”
“ใช่แล้ว……”
ตอนที่ผู้คนต่างพากันซุบซิบพูดคุยกันอยู่นั้น พวกไป๋หยุนเผิงสามคนก็ปรากฏตัวออกมา
พอเห็นคนของสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่มาแล้ว ทุกคนต่างก็เงียบโดยอัตโนมัติทันที
ส่วนไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจคนพวกนี้อยู่แล้ว สีหน้านิ่งเฉย
เย่ฮวนกลับรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ
ตอนที่ทั้งสามคนเดินขึ้นมาบนเวที เย่เจี่ยไม่ได้นั่งลงทันที แต่เดินมาตรงกลาง พูดขึ้นกับบรรดาผู้คน“สวัสดีครับทุกท่าน คิดว่าทุกคนก็น่าจะรู้ว่าผมเป็นใครแล้วนะครับ ผมก็ขอไม่แนะนำตัวอะไรมากมายแล้วกันนะครับ”
“ทุกคนก็รู้ ว่าเย่ฮวนเป็นหลานชายของผม หวังว่าทุกคนจะเห็นแก่หน้าผมนะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
พูดจบ ผู้คนก็หันมองหน้ากัน
ให้ตายสิ หาเสียงกันซึ่งๆหน้าแบบนี้เลยเหรอ?
แล้วพวกเขาจะลังเลอะไรอยู่ โหวตเย่ฮวนไปเลยสิ!
แต่ว่าพวกเขาไม่ได้รีบโหวตทันที แต่กำลังรอ รอไป๋หยุนเผิง
ความสัมพันธ์ของไป๋หยุนเผิงกับไป๋ยี่เฟยแข็งแกร่งยิ่งกว่าความสัมพันธ์ของเย่เจี่ยกับเย่ฮวน ถ้าเขาออกมาพูดสักคำ พวกเขาก็จะรู้สึกกดดันจริงๆอย่างแน่นอน
ถ้าโหวตให้ไป๋ยี่เฟย ก็เท่ากับว่าไม่เห็นแก่ตระกูลเย่ ถ้าโหวตให้เย่ฮวน ก็เท่ากับว่าไม่เห็นแก่ตระกูลไป๋ ไม่ว่าทางไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น
หลังจากรออยู่สักพัก ไป๋หยุนเผิงก็นั่งลง ไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย
“ไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ?”
“หัวแทบจะระเบิดแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องลังเลแล้ว”
ท่ามกลางเสียงซุบซิบพูดคุยของทุกคน ยี่สิบนาทีผ่านไป การโหวตก็สิ้นสุดลง
คนที่คิดสถิติก็รีบคำนวณผลออกมาอย่างรวดเร็ว สวี่ชางได้รับผลโหวตแล้ว หลังจากมองดูหนึ่งรอบ ก็พูดประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม“เย่ฮวน 230โหวต ไป๋ยี่เฟย180โหวต หลี่เสว่50โหวต”
หลังจากอ่านเสร็จแล้ว ทุกคนก็มีท่าที เป็นอย่างที่คิดเอาไว้
สวี่ชางพูดขึ้นต่อ“ต่อไปจะทำการโหวตจากตัวแทนจากทั้งสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ ก่อนโหวตต้องพิจารณาอย่างระมัดระวังนะครับ ฝ่ายกระบวนการยุติธรรมก็จะทำการตัดสิน ทุกคนสามารถพักผ่อนก่อนได้ จะเริ่มหลังจากโหวตหนึ่งชั่วโมง”
พูดจบ ฝ่ายกระบวนการยุติธรรมของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงก็เริ่มล้อมวงกันปรึกษาหารือ
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าน่าเบื่อ ก็เลยหันไปพูดกับหลี่เสว่“ผมไปห้องน้ำสักประเดี๋ยวนะ”
หลังจากเดินมาถึงห้องน้ำ ไป๋ยี่เฟยก็หยิบมือถือออกมา ตอนนี้มุ่งตรงไปที่ท่าเรือแล้ว อีกประมาณสองสามชั่วโมงก็จะเข้าฝั่ง ดังนั้นมือถือจึงเริ่มมีสัญญาณแล้ว
ไป๋ยี่เฟยโทรไปหาเฉินอ้าวเจียวอย่างทันที ให้เขาพาคนมาเตรียมพร้อมที่ท่าเรือ
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าเรื่องมันไม่น่าจะจบลงง่ายๆแบบนี้แน่ๆ ในเมื่อคุณชายสามของตระกูลหลินเปิดเผยออกมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นเพื่อตัวเองแล้ว จะต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างแน่นอน
วิธีที่จะเก็บความลับที่ดีที่สุด ก็คือการฆ่าปิดปาก
ไป๋ยี่เฟยไม่เป็นห่วงตัวเอง แต่เป็นห่วงหลี่เสว่
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงโทรไปหาหลิวเสี่ยวอิงอีกครั้ง“ฮาโหล?”
“โอ้ น่าแปลก ขาดการติดต่อไปตั้งหลายวัน ยังจำฉันได้อีกเหรอ?”น้ำเสียงเยาะเย้ยขี้เล่นของหลิวเสี่ยวอิงดังขึ้นมาจากในสาย
ไป๋ยี่เฟยไม่มีอารมณ์ไปเล่นกับเธอ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม“คุณพาคนมาสักสองสามคน เตรียมอุปกรณ์ช่วยฉุกเฉินให้พร้อม แล้วก็ขับรถพยาบาลมารอผมที่ท่าเรือ”
“เกิดเรื่อง? คุณได้รับบาดเจ็บ?”หลิวเสี่ยวอิงจริงจังขึ้นมาทันที
ไป๋ยี่เฟยตอบกลับไปอย่างนิ่งๆ“เปล่า ป้องกันไว้เผื่อเกิดอะไรขึ้น”
หลิวเสี่ยวอิงถอนหายใจออกมา“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
“อื้อ”
ไป๋ยี่เฟยกำลังจะวางสาย หลิวเสี่ยวอิงก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาอีก“เดี๋ยวก่อน เสว่เอ๋อไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่ได้เป็นอะไร”ไป๋ยี่เฟยตอบกลับไป
หลิวเสี่ยวอิงนิ่งเงียบไปสักแป๊บ“อ๋อ เอ่อ ป้ารองของฉัน……”
“มีคนมาแล้ว คุณไปเตรียมตัวเถอะ!”ไป๋ยี่เฟยได้ยินเสียงฝีเท้า พูดมอบหมายไปอีกประโยคแล้วก็วางสายลง
พอวางสายลงเสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็ออกมาจากห้อง ล้างมืออย่างช้าๆ
ไป๋ยี่เฟยค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา เห็นหลิ่วจาวเฟิงจากในกระจก