บทที่56
วันนี้ทั้งวันพานหุ้ยหุ้ยใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับไป๋ยี่เฟย มีความรู้สึกคุ้นเคยกับรูปร่างของไป๋ยี่เฟยเล็กน้อย ร่างเมื่อสักครู่นั้นดูเหมือนจะเป็นไป๋ยี่เฟย แต่ว่าเธอไม่แน่ใจ
พานหุ้ยหุ้ยเห็นว่าไม่มีใครตอบรับ จึงได้แต่ถอนหายใจ พูดอย่างอารมณ์เสียว่า “ใช่คุณจริง ๆ หรือเปล่านะ ?”
……
ตอนเช้า พานหุ้ยหุ้ยตั้งใจซื้ออาหารเช้าสองชุด ชุดหนึ่งให้ไป๋ยี่เฟย
“เมื่อคืนนี้ขอบคุณมากนะ!” พานหุ้ยหุ้ยมองไป๋ยี่เฟยอย่างอาย นิด ๆ
ไป๋ยี่เฟยมองเธออย่างงง ๆ “เมื่อคืน?เมื่อคืนมีอะไรเหรอ ?”
พานหุ้ยหุ้ยชะงักไป ยังถามลองเชิงต่อไปว่า “เมื่อคืนที่ลานจอดรถ……”
“หืม?”ไป๋ยี่เฟยนั้นก็ยังทำหน้างง ๆ
พานหุ้ยหุ้ยเห็นว่าเขายังคงงง ๆ อยู่ หรือว่าจะไม่ใช่เขา ?
เห็นพานหุ้ยหุ้ยกลับที่ที่ห้องทำงานตัวเอง ไป๋ยี่เฟยทำเหมือนไม่มีอะไรแล้วก็หันหลังแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
พานหุ้ยหุ้ยนั้นนั่งที่ไปแล้ว แต่สายตายังคงมองมาทางไป๋ยี่เฟย เธอยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าร่างเมื่อคืนที่เห็นก็คือไป๋ยี่เฟย แต่ไป๋ยี่เฟยนั้นก็ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ทำให้เธอไม่กล้าจะฟันธง
ตอนพักเที่ยง พานหุ้ยหุ้ยเดินมา “ไป๋ยี่เฟย ฉันอยากเลี้ยงข้าวคุณ”
ไป๋ยี่เฟยตะลึง “ผมเลี้ยงคุณดีกว่า!ตอนเช้าคุณเลี้ยงอาหารเช้าผมแล้ว”
“ได้” พานหุ้ยหุ้ยตอบรับด้วยรอยยิ้ม ในใจก็มีความสุขพลางคิดว่า เดี๋ยวจะไปกินร้านอาหารหรู ๆ ที่ไหน ต้องสวีทมากแน่ ๆ แล้วจะได้ถือโอกาสถามเรื่องเมื่อคืนด้วยเลย
หลังจากที่ถึงแล้ว พานหุ้ยหุ้ยก็ตะลึง
เพราะว่าไป๋ยี่เฟยพาเธอมาทานที่โรงอาหารพนักงาน
เธอที่กะจะถามไป๋ยี่เฟยว่าตกลงเป็นเขาหรือเปล่า แต่ตอนนี้เธอจะถามยังไง ?
โรงอาหารพนักงานมีคนเป็นร้อยเป็นพัน หรือว่าจะต้องพูดเรื่องเมื่อคืนออกมาหรือ ?
พานหุ้ยหุ้ยนั้นมองไป๋ยี่เฟยที่นั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ไป๋ยี่เฟยเหมือนจะไม่สังเกตเห็น ทานอย่างเอร็ดอร่อย
อืม ผัดเนื้อซอสแดงนี่รสชาติไม่เลว ซุปนี้ก็อร่อย อร่อยจริง ๆ
ตอนที่กำลังทานอย่างอร่อย ก็โดนตบเข้ามาที่ไหล่
ไป๋ยี่เฟยเจ็บ จึงได้หันไป
ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเขาด้วยหน้าทะมึน ชี้นิ้วที่ไปประตู “พี่เฉิงให้คุณไปหาสักครู่ ”
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่ประตู ซุนเฉิงและผู้ชาย5-6คนยืนอยู่ที่ประตู มองมาทางไป๋ยี่เฟย
“อ้อ พี่เฉิงหาผมมีธุระอะไรหรือ?” ไป๋ยี่เฟยยิ้มและถามกลับไป
ชายหนุ่มตอบกลับอย่างอารมณ์เสีย “ไปก็รู้เองแหละ”
ไป๋ยี่เฟยก้มหน้าลงและถอนหายใจ เงยหน้าขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
พานหุ้ยหุ้ยเห็นไป๋ยี่เฟยแบบนี้ ในใจก็ยิ่งสงสัย ถ้าหากว่าไป๋ยี่เฟยเป็นคนช่วยเธอไว้จริง ๆ ไม่น่าจะปอดแหกขนาดนี้นี่นา
ไป๋ยี่เฟยเดินไปที่ประตู ยิ้มและถามว่า “พี่เฉิงหาผมมีเรื่องอะไรหรือครับ ?”
ซุนเฉิงมองไป๋ยี่เฟยอย่างเย็นชา ตบที่หน้าของไป๋ยี่เฟยไปมา “ในกล้าดีนี่ แม้แต่คำพูดฉันแกก็ไม่เชื่อฟัง ?”
พานหุ้ยหุ้ยไม่ได้ตามไป ก็แค่แบบนี้ แต่เรื่องที่เธอต้องการรู้ก็คือไป๋ยี่เฟยใช่คืนเมื่อคืนหรือเปล่า ถ้าหากว่าใช่ ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว ถ้าหากไม่ใช่ ไป๋ยี่เฟยโดนตีก็โดนไปสิ !
ไป๋ยี่เฟยแล้วฟังก็เข้าใจในทันที ยิ้มและพูดว่า “ใครจะกล้า?”
“ฮึ!” ซุนเฉิงคำราม มองไปทางพานหุ้ยหุ้ย พูดว่า “ไม่กล้าแล้วยังมาทานอาหารกับเธอ ?แกคิดว่าฉันตาบอดหรือไง?ในเมื่อแกไม่เชื่อฟัง ก็คงต้องทำให้แกเชื่อฟังแล้วล่ะ ”
พูดจบ คนที่เหลือก็มาล้อมไป๋ยี่เฟยไว้และอยากจะลงมือ
ไป๋ยี่เฟยรีบห้ามว่า “เอ๊ะ รอก่อน รอก่อน……”
“กลัวแล้วเหรอ?”ซุนเฉิงถามอย่างไม่พอใจ
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะและพูดว่า “ที่นี่คนเยอะขนาดนี้ ตรงนี้คงไม่เหมาะ จะเปลี่ยนไปที่เงียบ ๆ หน่อยไหม ?”
ซุนเฉิงหัวเราะ “ได้ ข้าจะช่วยรักษาหน้าเอ็งไว้บ้าง ”
แล้วก็ส่งสายตาไป คน5-6คนที่ล้อมไป๋ยี่เฟยไว้ ก็ไปในซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยว
ทางพานหุ้ยหุ้ยที่เห็นไป๋ยี่เฟยที่ขนาดกลัวขนาดนี้ แม้จะโดนตีก็ไม่ตอบโต้ ก็รู้สึกผิดหวังสุด ๆ
พอถึงในซอย ไป๋ยี่เฟยก็ผลักคนตรงหน้าออก เพื่อให้มีระยะห่างระหว่างกัน
ซุนเฉิงสีหน้าเคร่งขรึม “ยังคิดตอบโต้เหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยท่าทีเปลี่ยนจากที่เคยขลาดกลัว มีรอยยิ้มที่มุมปากอย่างเยือกเย็น จนทำให้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะกลัว
“พี่เฉิง,จัดการมัน!”
“ตีมัน!”ซุนเฉิงจ้องมองไป๋ยี่เฟยด้วยแววตาชั่วร้าย คนที่กล้าขัดเขายังไม่มาเกิด!
ทั้งกลุ่มก็รุมล้อมเข้าไป
ทันใดนั้น ก็มีไม้ลอยมา เสียงดัง “ปัก” ตีเข้าที่หน้าของชายที่อยู่ด้านหน้าสุด พร้อมกันนี้ฟันซี่หนึ่งก็ได้หลุดออกไป
คนที่เหลือยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็มีคนชุดดำเข้ามาอย่างรวดเร็วเตะคนล้มลงทีละคน หมุนตัวแล้วปล่อยหมัดให้ล้มไปอีกคน แล้วก็ลากอีกสองคนมาชนกัน แล้วก็ลากอีกคนทุ่มลง นอกจากซุนเฉิง ที่เหลือนั้นล้มกองไปหมดแล้ว
ไป๋ยี่เฟยมองดูไป๋หู่ แล้วก็ปรบมือพูดว่า ดี
มองจนพอแล้ว ไป๋ยี่เฟยใช้โอกาสที่ซุนเฉิงยังไม่ทันตั้งตัว เดินเข้าไปจิกผมของเขา แล้วกดเข้าไปที่กำแพง แล้วโขกเข้ากับกำแพงดัง “ตึก ตึก ” สองครั้ง
ซุนเฉิงก็เวียนหัวเห็นดาวเดือน ร้องอย่างเจ็บปวด
ให้ตายเหอะ นี่ก็เปลี่ยนเร็วเกินไป จนเขาไม่ทันได้ตั้งตัว!
แล้วก็มองดูพี่น้อง5คนที่ล้มไปกองที่พื้น ก็รู้สึกหน้ามืดทันที
“ทำเก่งอีกสิ!ทำเก่งกับกูอีกสิ!”ไป๋ยี่เฟยกดที่หัวเขาและโขกเข้าที่กำแพงอีกครั้ง
ซุนเฉิงร้องออกมา และก็จับไปที่มือของไป๋ยี่เฟยเพื่อจะตอบโต้
ไป๋ยี่เฟยตบเข้าที่บ้องหูดัง“เพี๊ยะ” “แกทำตัวดีดีหน่อย!”
ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ ไม่ได้ขลาดกลัวเหมือนเมื่อสักครู่อีกแล้ว?
ซุนเฉิงกลัวแล้ว กลัวว่าเขาจะตีอีก เขาเองก็ขอหยุดแค่นี้แล้ว รีบพูดร้องขอว่า “พี่ชาย พี่ชาย ผมผิดไปแล้ว !ไว้ชีวิตผมเถอะ พี่ชาย!”
ไป๋ยี่เฟยก็โขกลงไปอีกครั้ง “สำนึกผิดแล้วเหรอ?ดี ฉันขอถามอะไรแกหน่อย ตอบฉันมาตามตรง!ถ้ากล้าโกหกล่ะก็ ฉันจะให้แกตายตอนนี้เลย!”
“ครับ ครับ ครับ ผมจะตอบตามจริง” ซุนเฉิงสีหน้าซีดเผือด และพยักหน้า
ก่อนหน้านั้นเขาคิดว่าตัวเองเป็นลูกของผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ทำตัวกร่างในบริษัทจนเคยตัว และก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง ใครจะรู้ว่าคนมาใหม่คนนี้ที่ดูเหมือนอ่อนแอ แต่จริง ๆ แล้วเป็นหมาป่าในร่างแกะน้อย
ข้างกายเขายังมีคนบ้าที่สูง190cm !
ไป๋ยี่เฟยกดไปที่หัวของเขา ถามว่า “เบื้องหลังหัวหน้าใหญ่ของนิวซีกรุ๊ปคือใคร?”
ซุนเฉิงตะลึงไป ตอบกลับว่า “พี่ชาย พี่ชายจะเปลี่ยนคำถามไหม?คำถามนี้ผมไม่รู้ครับ!”
ไป๋ยี่เฟยหรี่ตาและจ้องไปที่เขา “ไม่รู้จริง ๆ เหรอ ?”
ซุนเฉิงพยักหน้าเต็มแรง “ผมไม่รู้จริง ๆ!ไม่งั้นเดี๋ยวรอผมกลับไปจะไปถามมาให้?”
ไป๋ยี่เฟยมองดูท่าทีของซุนเฉิงนั้นไม่รู้จริง ๆ จึงเปลี่ยนคำถาม “นิวซีกรุ๊ปกับกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปมีความแค้นอะไรกัน ทำไมนิวซีกรุ๊ปต้องทำลายกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ป?”
พอได้ยินคำถามนี้ซุนเฉิงก็ยิ่งงง ถามอย่างระมัดระวังว่า “พี่ขาย พี่เปลี่ยนอีกคำถามไหม?”
“หืม?”ไป๋ยี่เฟยถลึงตามอง กำลังจะลงมืออีกครั้ง
“พี่ชาย พี่ชาย ผมไม่รู้จริง ๆ นะ!แม้แต่กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปทำอะไรผมยังไม่รู้เลย!” ซุนเฉิงพลางพูดพลางตัวสั่น เขากลัวจริง ๆ 。
ไป๋ยี่เฟยสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามอีกว่า “รู้ไหมว่าผู้จัดการทั่วไปจะมาทำงานที่บริษัทกี่โมง ?”
“ผม……ผมไม่รู้……” ซุนเฉิงนั้นอาศัยที่มีพ่ออยู่ เขาอยู่ในบริษัทแค่ตำแหน่ง แต่ไม่ได้ทำงาน เขาจะรู้ได้ยังไงว่าผู้จัดการทั่วไปมาทำงานเมื่อไหร่ ?
“แกมันทำห่าอะไรก็ไม่รู้ ถามกี่ครั้งก็ไม่รู้ แกว่าแกมีประโยชน์อะไรบ้าง ?”