บทที่ 566
แล้ว รู้ได้ยังไงกัน?
ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจ จนกระทั่งตอนนอนแล้วก็ยังคิดถึงปัญหานี้
แล้วก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ไป๋ยี่เฟยก็ฝันอีกครั้ง ฝันว่าเย่ฮวนแย่งคริสตัลกรุ๊ปไป แถมยังฝันว่าหลิ่วจาวเฟิงแย่งหลี่เสว่ไปอีก
หลี่เสว่!
ตื่นขึ้นมาทันที ไป๋ยี่เฟยลุกขึ้นมานั่ง พบว่าสว่างแล้ว
สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ไป๋ยี่เฟยนึกถึงภาพที่อยู่ในฝัน แล้วก็คิดถึงหลี่เสว่ขึ้นมา ตั้งมั่นในใจ ฉันจะต้องกลับไปให้ได้!
ไป๋ยี่เฟยดึงผ้าห่มออก กำลังจะลงจากเตียง จู่ๆก็หยุดชะงัก
ฝัน!
เขาคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา รีบถกเสื้อของตัวเองออก จากนั้นก็เปิดผ้าพันแผลที่พันแผลของตัวเองเอาไว้ออกมา
ไป๋ยี่เฟยเห็นแผลเริ่มตกสะเก็ดแล้ว ก็อึ้งตะลึงไป
แผลที่ใหญ่ขนาดนั้น แผลที่น่าตกใจขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าจะตกสะเก็ดแล้ว
นี่เพิ่งจะไม่กี่วันเอง
แต่แน่นอน นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ไป๋ยี่เฟยกดไปที่แผลอย่างระมัดระวัง หลังจากที่กดลงไปถึงจุดๆหนึ่ง“ซี๊ด”ไป๋ยี่เฟยเจ็บปวดจนเหงื่อไหลอาบหน้าทันที
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด!
ไป๋ยี่เฟยมั่นใจแล้ว ว่าในแผลของเขา มีก้อนแข็งๆหนึ่งก้อน นั่นจะต้องเป็นตาที่ใช้สอดส่องดูเขาของฉีฉีอย่างแน่นอน
ที่ตามร่างกายของเขาไม่มี เขาก็นึกว่ามันไม่มีจริงๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าฉีฉีจะฝังมันเข้าไปในแผลของเขา
ในเวลานี้เอง หลินจื่อที่อยู่ข้างๆก็ตื่นขึ้นมา พอหันมาเห็นแผลของไป๋ยี่เฟย ก็ตกใจทันที
“พี่ไป๋ คุณได้รับบาดเจ๊กหนักขนาดนี้เลยเหรอ?”หลินจื่อมองบาดแผลของไป๋ยี่เฟยด้วยความอยากรู้อยากเห็น นึกถึงกำปั้นของไป๋ยี่เฟยในวันนั้น“ได้รับบาดเจ็บแล้วยังสุดยอดขนาดนี้อีกนะเนี่ย!”
ไป๋ยี่เฟยกัดฟันพันผ้าพันแผลกลับไปเหมือนเดิม ตอนนี้ยังให้ฉีฉีรู้ตัวไม่ได้ ดังนั้นดังจึงไม่ได้ทำอะไรก่อน
ไป๋ยี่เฟยหันไปมองหลินจื่อ พร้อมกับถามขึ้น“รู้ไหมว่าตระกูลจ้าวอยู่ที่ไหน?”
“คนที่อยู่เขตสามรู้กันหมด” หลินจื่อตอบ
ไป๋ยี่เฟย“พาฉันไปหน่อย”
……
หลินจื่อพาไป๋ยี่เฟยเดินประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึง
ตรงหน้าเป็นสิ่งก่อสร้างทรงกลมหนึ่งหลัง เหมือนกับสนามกีฬาหนึ่งแห่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น ส่วนข้างหลังของสิ่งก่อสร้างนั้น เป็นตึกใหญ่หนึ่งตึก
ไป๋ยี่เฟยแค่มายืนอยู่ตรงประตูทางเข้า ไม่ได้กะจะเข้าไป
ตรงประตูของตระกูลจ้าวในตอนนี้มีบอดี้การ์ดมากมายยืนเฝ้าอยู่ ถือปืนเอาไว้ทุกคน
ไป๋ยี่เฟยมองสำรวจรอบๆทุกทิศทาง พบว่าที่นี่นอกจากตึกใหญ่ที่อยู่ข้างหลังแล้ว ก็ไม่มีสิ่งก่อสร้างสูงๆอะไรอื่นอีก
ในเมื่อฉีฉีให้หูฟังบลูทูธกับเขาแล้ว แสดงว่าตอนที่กำลังเจรจาต่อรองจะต้องสั่งการเขาผ่านหูฟังอย่างแน่นอน
แถมเธอจะต้องมาดูสถานที่ทั้งหมดก่อนด้วยแน่ๆ ถึงจะสั่งการตนเอง ถ้าอย่างนั้นในวันนั้นเธอก็จะต้องมา
ฉีฉีไม่มีทางโผล่เข้ามาในบ้านตระกูลจ้าวแน่นอน ถ้าอย่างนั้นจุดมองที่ดีที่สุดก็คือตึกใหญ่หลังนั้น
ไป๋ยี่เฟยพูดกับหลินจื่อ“พวกเรากลับกันเถอะ!”
หลังจากกลับมาถึงบ้าน หลินจื่อก็ถามไป๋ยี่เฟย“พวกเรายังต้องขโมยน้ำมันอีกเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว ฉีฉีบอกแล้วว่า เขตสามไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงที่เขาต้องการ ขโมยไปก็ไม่มีประโยชน์
นิ่งเงียบอยู่สักพัก ไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้นต่อ“นายดูแลพี่สาวของนายให้ดีๆล่ะ ฉันจะออกไปสักแป๊บหนึ่ง”
หลินจื่อพยักหน้า ก่อนจะขึ้นไปดูแลพี่สาวของเขา
ไป๋ยี่เฟยเดินทางตามเส้นทางที่พอจะจำได้ ไปถึงยังบ้านวิลล่าที่ฉีฉีอาศัยอยู่
ไป๋ยี่เฟยเคาะประตูรั้วก่อน แต่กลับพบว่าไม่มีเสียงตอบรับกลับมา กดกริ่งอีกหนึ่งครั้ง ก็ยังไม่มีคนมา
พอดันออกไปเบาๆ ประตูก็เปิดออก
เห็นแบบนี้ ไป๋ยี่เฟยก็เดินเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ
ห้องโถงไม่มีใคร ไป๋ยี่เฟยก็เดินขึ้นไปข้างบน มาถึงยังห้องนอนของฉีฉี พบว่าประตูถูกปิดสนิทไว้อยู่
ไป๋ยี่เฟยลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะเปิดประตูออก มองเข้าไป เห็นฉีฉีนอนอยู่บนเตียงอย่างไม่มีการระมัดระวังตัวเลยแม้แต่น้อย
ในเวลานี้บนโต๊ะก็มีมีดกริชวางอยู่หนึ่งเล่ม
ไป๋ยี่เฟยจำได้ว่ามีดกริชเล่มนี้เป็นสิ่งที่ฉีฉีทิ้งมาให้เขา ให้เขาคอยช่วยเธอ
ไป๋ยี่เฟยใจเต้น ฉวยโอกาสตอนฉีฉีนอนหลับอยู่ หยิบมีดกริชขึ้น แทงเข้าไปตรงคอที่ทั้งขาวและบางของเธออย่างไม่รู้ตัว เลือดสดๆกระฉูดพุ่งออกมาทันที……
โอกาสที่ดีขนาดนี้!
น่าเสียดาย
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจมีดกริชเล่มนั้น เขานั่งลงที่โซฟา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราไม่ได้ดีมากมายอะไรขนาดนั้น ไม่ต้องมาทดสอบผมขนาดนี้หรอกนะ”
“หรือว่ายังต้องมีความเชื่อใจซึ่งกันและกันก่อน?”ไป๋ยี่เฟยพูดพลางก็ขำตัวเอง
ในเวลานี้ ฉีฉีลุกขึ้นมานั่ง เนื่องจากกำลังนอนหลับอยู่ ดังนั้นจึงสวมแค่ชุดนอนสายเดี่ยว พอตื่นขึ้นมา ก็เห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็น
ไป๋ยี่เฟยรีบเมินสายตาหนีทันที“ผมออกไปก่อนดีกว่า!”
ฉีฉีกลับไม่สนใจเลยสักนิด บิดขี้เกียจ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“นายรู้ได้ไงว่าฉันจัดฉากขึ้น?”
ไป๋ยี่เฟยกลอกตามองบน“คุณเคยเห็นคนที่นอนหลับอยู่แล้วที่โต๊ะตรงประตูมีมีดกริชวางอยู่ไหมล่ะ?”
ถ้าจะวางก็วางไว้ใต้หมอนของตัวเองสิ!
จุดบกพร่องที่เห็นได้ชัดแบบนี้ ถ้าเขาติดกับ เขาก็โง่แล้ว!
ฉีฉียกๆไหล่“นายนี่ก็ฉลาดดีนะ”
ไป๋ยี่เฟย ชิ ออกมาหนึ่งที“คนฝีมือเก่งกาจระดับคุณแล้ว ไม่มีทางจะไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงกริ่งประตูหรอกใช่ไหมล่ะ?”
ก่อนที่เขาจะเข้ามาก็กดกริ่งประตูแล้ว
ฉีฉีพิงหัวเตียงด้วยความขี้เกียจ“กลับมาทำไมล่ะ? ที่นี่พักไม่สบายไม่ใช่หรือไง?”
“มียารักษาแผลไหม? พอดีเจ้าของบ้านได้รับบาดเจ็บ”ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้น
ฉีฉีได้ฟังแบบนั้นก็มองไป๋ยี่เฟยอย่างเงียบๆ ก่อนจะพูดขึ้นนิ่งๆ“อยู่ในลิ้นชัก หาเอาเอง”
ไป๋ยี่เฟยเดินมาข้างๆลิ้นชัก นั่งยองลง เปิดลิ้นชักออกมา หยิบยาหยุนนานไป๋เย่าออกมา แล้วก็ผ้าพันแผลอีกจำนวนมาก
ฉีฉีขมวดคิ้วทันที“เจ็บขนาดนี้เชียว? ถึงหยิบไปเยอะขนาดนั้น?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า“หนักมาก”
ฉีฉีไม่ได้ถามอะไรต่อมากมายอีก ลงมาจากเตียง ก่อนจะรินน้ำดื่ม
ตอนที่เธอหันตัวไปมองไป๋ยี่เฟย ก็พบว่าในมือของเขาถือถุงยามากมายหลายชนิดอยู่หนึ่งถุง ถึงขนาดที่ยากระเพาะอาหารก็ยังมี
“นายเอาไปเยอะขนาดนั้นทำไม? ได้รับบาดเจ็บถึงกระเพาะเลยเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยสีหน้าไม่เปลี่ยน“คุณก็รู้ จ้าวเทียนซ้อมซะจนปางตาย แผลเต็มตัวไปหมด ที่มียากระเพาะอาหาร เพราะว่าถ้ากินยาแก้อักเสบเยอะเกินไปก็จะส่งผลให้กระเพาะรับไม่ไหวได้น่ะสิ!”
ฉีฉีสีหน้าตึงๆ“วันนี้นายดูแปลกๆไปนะ”
“แปลกยังไง?”ไป๋ยี่เฟยยังคงนิ่งเฉย“คุณวางใจได้ ผมรู้ว่าผมอยู่ในสายตาของคุณ ไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆหรอก อีกอย่างคุณก็รู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยพูดจบ ก็โบกๆมือ“ไม่พูดแล้ว ผมต้องรีบพายาพวกนี้กลับไปใช้ก่อน”
พูดพลาง ไป๋ยี่เฟยก็เอาถุงยาพาดไหล่ แล้วเดินออกไป
“หยุดก่อน!”
ฉีฉีตะโกนออกมา ไป๋ยี่เฟยหยุดฝีเท้าลงทันที
ฉีฉีเดินตรงไป มองสำรวจไป๋ยี่เฟยหัวจรดเท้าอยู่นานสองนาน ก่อนจะพูดเตือน“อย่ามาเล่นลูกไม้กับฉันนะ ยอมเชื่องฟังฉันแต่โดยดีซะดีกว่า ไม่อย่างนั้น……”
“การจะฆ่านายมันง่ายมากๆ แล้วก็จะไม่มีคนถามถึงแน่นอน”
“ส่วนอาจารย์ ฉันก็มีเหตุผลที่จะทำให้อาจารย์เชื่อ ว่าฉันไม่ได้เป็นคนฆ่านาย”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า“วางใจได้ จะไม่มีการเล่นลูกไม้อะไรแน่นอน”
พูดจบไป๋ยี่เฟยก็ถามขึ้นต่อ“ใช่แล้ว คนที่จะมาเจรจากับผมเป็นใครเหรอ? อันนี้ผมต้องรู้ใช่ไหมล่ะ?”
“นายไม่จำเป็นต้องรู้ ถึงตอนนั้นก็รู้เอง”ฉีฉีไม่ได้บอกไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟย“……ก็ได้”
ฉีฉีขมวดคิ้วมองเขา“ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”