บทที่ 567
“ไม่มีแล้ว……”
“ไม่มีแล้วก็ไสหัวไปได้!”
ไป๋ยี่เฟยก็จากไปอย่างเงียบๆ หลังจากจากไปแล้ว เขาก็ไม่ได้อยู่ลีลาอะไรต่อ จากไปอย่างรวดเร็ว
เขาคิดว่าถึงยังไงฉีฉีก็รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรู้เรื่องที่หยางเฉียวถูกจ้าวเทียนทำร้ายด้วย คงจะไม่สงสัยเขา
กลับมาถึงบ้านตระกูลหลิน ไป๋ยี่เฟยก็ถือยาขึ้นไปข้างบน ตรงไปยังห้องของหยางเฉียวโดยตรง
หยางเฉียวมีแต่บาดแผลภายนอก แต่ไป๋ยี่เฟยให้หยางเฉียวพักผ่อนอยู่บนเตียงมาแล้วหนึ่งวัน แบบนี้ก็จะมีผลต่อการช่วยรักษาบาดแผลภายนอก
ตอนนี้หลินจื่อกำลังนั่งอยู่ในห้อง ส่วนหยางเฉียวพิงอยู่ที่หัวเตียง
ทั้งสองคนเห็นไป๋ยี่เฟยเข้ามา กำลังจะพูดอะไร ไป๋ยี่เฟยก็ยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้“ฟังฉันพูด ในช่วงเวลาสองสามวันนี้ ฉันจะพาพวกเธอออกไปจากที่นี่”
พอได้ยินว่าสามารถออกไปจากหลันเต่าได้แล้ว ทั้งสองพี่น้องก็ตื่นเต้นสุดๆ
ไป๋ยี่เฟยแบ่งยาในมือเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้หลินจื่อ “ในนี้เป็นพวกยารักษาบาดแผล ข้างในมียารักษาแผลภายนอกอยู่ นายหาเอามาทาให้กับพี่ของนายซะ”
“ขอบคุณพี่ไป๋” หยางหลินยื่นมือมารับ อยากที่จะถามว่าไปเอายาพวกนี้มาจากไหนด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เขาก็รู้จักยับยั้งชั่งใจในการพูด จึงไม่ได้ถามต่อมากมายอะไร
ไป๋ยี่เฟยถามพวกเขา“มีแผนที่ของที่นี่ไหม?”
“มีฮะ”หยางหลินวางยาในมือลง หาแผนที่ฉบับหนึ่งในลิ้นชัก แล้วยื่นให้กับไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยเปิดแผนที่ออกดู“ตอนนี้พวกเราอยู่ตำแหน่งไหน?”
หยางหลินชี้ตำแหน่งในแผนที่
ไป๋ยี่เฟยหาตำแหน่งที่ฉีฉีพาเขาขึ้นฝั่งมา โดยอิงจากตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้
หลังจากคิดพิเคราะห์อยู่สักพัก ไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้นกับสองพี่น้อง“บอกตามตรงแบบไม่ปกปิดเลยแล้วกัน ตอนนี้ฉันกำลังถูกคนคอยดูอยู่ เพราะว่าฉันอยู่ที่นี่ ทำให้พวกนายก็โดนสอดส่องดูอยู่เหมือนกัน”
“แต่ว่าเป้าหมายที่พวกเขาสอดส่องดูก็คือฉัน พวกเขาไม่สนใจพวกนาย”
“พรุ่งนี้ตระกูลจ้าวจะมีงานเลี้ยงหนึ่งงาน ฉันจะไปเข้าร่วม ฟังนะ พรุ่งนี้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว พวกนายก็น่าจะไม่ถูกสอดส่องดูแล้ว”
“ดังนั้นหลังจากที่ฉันออกไป พวกนายเตรียมอาหารสำหรับห้าวันให้พร้อม เดินจากที่นี่ไปรอฉันที่ตรงนี้”
“ยาที่ฉันให้พวกนายเมื่อตะกี้ก็ต้องพกติดตัวไปด้วย”
หยางเฉียวกับหยางหลินมองตากันหนึ่งที จากนั้นก็ถามไป๋ยี่เฟย“พี่ไป๋ นี่คุณกำลังจะทำอะไร?”
สัญชาตญาณบอกกับเธอ ว่าไป๋ยี่เฟยจะไปทำเรื่องที่อันตรายแน่ๆ
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว“อันนี้เธอไม่ต้องสนหรอก ทำตามที่ฉันบอกก็พอแล้ว”
“อีกห้าวัน น่าจะมีเรือมา”
หยางเฉียวถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง“แล้วคุณจะทำยังไง?”
หลินจื่อพยักหน้า แล้วถามขึ้นอีกครั้ง“คุณรู้ได้ยังไงว่าอีกห้าวันจะมีเรือมา? ถ้าไม่มาจะทำยังไง?”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็นิ่งเงียบไป ก่อนจะยิ้มอย่างอมทุกข์“ถ้าห้าวันแล้วยังไม่มีเรือมา แสดงว่าฉันล้มเหลว พวกนายก็กลับมาได้เลย!”
สีหน้าเป็นห่วงกังวลของหยางเฉียวก็ยิ่งหนักขึ้น“พี่ไป๋ คุณจะไปทำเรื่องที่อันตรายมากๆใช่ไหม?”
หลินจื่อก็รู้สึกเป็นห่วงมากเหมือนกัน
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว“ไม่ต้องถามแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเธอ พวกเธอทำตามที่ฉันบอกก็พอ นี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกเธอจะได้ออกไป”
ช่วงค่ำ ไป๋ยี่เฟยเข้าห้องน้ำ
เขาแกะผ้าพันแผลออก เอาพวกยาห้ามเลือด ยาแก้อักเสบใส่ลงไปในถุง จากนั้นก็ใช้ผ้าพันแผลพันเอาไว้กับแผล ไป๋ยี่เฟยจ้องกระจกตรงหน้า แววตามุ่งมั่น“คุณภรรยา รอผมนะ ผมจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
……
ในตอนนี้ ณ อาคารสำนักงานใหญ่ของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง
ในห้องฝึกฝนวิชาขนาดห้าร้อยตารางเมตรห้องหนึ่ง มีผู้ชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบกว่าๆสวมชุดฝึกยุทรกำลังนั่งอยู่
ตรงหน้าของเขา มีผู้ชายชุดดำนั่งอยู่หนึ่งคน
“เต้าจ่าง ไม่สิ ท่านประธาน คุณชายรองกลับมาแล้ว ได้รับบาดเจ็บมาเล็กน้อย”
เต้าจ่างได้ฟังแบบนั้นก็ลืมตาขึ้น พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ฉันทราบแล้ว ศิษย์น้องของฉันมาเตือนให้ฉันทราบแล้ว”
“เตือน?”ชายชุดดำรู้สึกสงสัย
เต้าจ่างพูดขึ้นมาต่อ“อาจารย์ของฉันให้ศิษย์น้องของฉันมาเตือนฉัน”
ชายชุดดำยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก“อาจารย์ของท่าน……”
เต้าจ่างชำเลืองตาไปมองอย่างเย็นชา ชายชุดดำรีบเงียบปากทันที“ขอโทษครับ ผมล่วงเกินไปแล้ว”
เต้าจ่างสบถเหอะออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปข้างๆเตียง มองวิวบรรยากาศที่คึกคักข้างนอกของเมืองหลวง พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“เขาเป็นคนให้ฉันทำเรื่องเรื่องนี้เอง แต่สุดท้ายก็ให้เขามาเตือนอยู่ดี เหอะ!”
ชายชุดดำยืนเงียบๆอยู่ข้างหลังเต้าจ่าง
“ฉันคิดว่า ถ้าดูจากอารมณ์ของเขาแล้ว การเตือนแบบนี้มันไม่เพียงพอเลยแม้แต่นิดเดียว”เต้าจ่างพูดขึ้นอย่างซับซ้อน“คิดว่าฉันจะไม่รู้อะไรเลยจริงๆอย่างนั้นเหรอ?”
“อยากที่จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในหลันเต่าของฉันไม่ใช่หรือไง? แต่น่าเสียดาย ตอนที่ศิษย์น้องหายสาบสูญไป ฉันก็เดาได้แล้ว”
ความโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นมาในแววตาของเต้าจ่าง“จุ๊ๆ น่าเสียดายศิษย์น้องที่มีพรสวรรค์มากมายขนาดนั้นจริงๆ”
……
ช่วงค่ำ ณ ท่าเรือหลันเต่า มีเรือหนึ่งลำแล่นมาจอด
กลางวัน หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยตื่นนอนแล้วก็ใส่หูฟังบลูทูธที่ฉีฉีให้กับเขา ก่อนจะกดปุ่ม
“ฉันออกไปแล้ว”
ผ่านไปสักพัก อีกฝั่งก็มีเสียงที่แสนขี้เกียจดังขึ้นมา“เช้าขนาดนี้เชียว?”
ไป๋ยี่เฟยไม่พูดอะไร“คุณยังนอนอยู่?”
“เกี่ยวอะไรกับนาย?”เสียงของฉีฉีนิ่งขรึมลงทันที“รีบไปเดี๋ยวนี้ ฉันจะคอยจับตาดูนายเอาไว้”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบ แต่เดินออกไปจากบ้านของหยางเฉียว ตรงไปยังบ้านตระกูลจ้าวทันที
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยจากไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง สองพี่น้องตระกูลจ้าวก็ออกไปเช่นกัน
……
ไป๋ยี่เฟยมาถึงบ้านตระกูลจ้าว เห็นนอกประตูมีรถมาจอดอยู่ประมาณยี่สิบกว่าคัน ตาเปิดกว้างทันที
ในหลันเต่ารถเป็นสิ่งหายากมากๆ แต่ที่นี่ดันมีรถจอดอยู่ยี่สิบกว่าคัน แถมยังเป็นรถหรูอีกต่างหาก แค่คิดก็รู้แล้วว่า คนที่มาบ้านตระกูลจ้าวในวันนี้ ล้วนแต่เป็นพวกคนใหญ่คนโตกันทั้งนั้น
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
บอดี้การ์ดขวางไป๋ยี่เฟยเอาไว้ ไป๋ยี่เฟยจึงหยิบการ์ดเชิญออกมา
หลังจากที่บอดี้การ์ดเห็นการ์ดเชิญแล้วก็ไม่ยุ่งไม่ถามอะไร ปล่อยให้ไป๋ยี่เฟยเข้าไปข้างในทันที
เข้ามายังห้องโถง ไป๋ยี่เฟยเห็นว่ามีคนมามากแล้ว ต่างพากันจับกลุ่มอยู่ด้วยกัน
ไป๋ยี่เฟยไม่รู้จักคนพวกนี้ ดังนั้นเขาจึงกะที่จะหามุมไกลๆเงียบๆติดต่อกับฉีฉีสักหน่อย แต่ในเวลานี้ มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาพอดี“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือเชฟที่มาในวันนี้ใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งตะลึง มองซ้ายมองขวา หลังจากที่มั่นใจว่าอีกฝั่งกำลังพูดกับตนเองแล้ว ก็พูดถามขึ้น“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นเชฟ?”
พนักงานตอบกลับอย่างนิ่งๆ“เพราะว่าเสื้อกับลักษณะท่าทางของคุณ”
ไป๋ยี่เฟยเริ่มรู้สึกโมโห เขาอยู่เหมือนเชฟงั้นเหรอ? เสื้อผ้าของเขาก็ไม่ได้ดูเหมือนเชฟสักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น ฉันเป็นประธานบริษัทมาตั้งปีกว่าแล้วด้วย ลักษณะท่าทางของเขาเหมือนกับเชฟ?
“ขอโทษครับ ผมไม่ใช่”ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง
พนักงานพอเห็นแบบนี้ก็ชี้ไปที่ชั้นสอง
ไป๋ยี่เฟยมองตามไป พบว่าตรงที่ที่ล้อมด้วยรั้วบนชั้นสอง จ้าวเทียนกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ ก็เข้าใจขึ้นมาทันที“คุณก็บอกมาสิว่าคุณชายของคุณบอกมา ไม่ใช่มาบอกว่าเสื้อผ้ากับลักษณะท่าทางของผมเหมือนกับเชฟ บ้าหรือไง?”
พนักงานวางตัวดี ยังคงท่าทีนิ่งเฉย“คุณชายบอกว่า ให้คุณไปทำอาหารที่ห้องครัว ถ้าทำดี วันนี้จะตบรางวัลให้อย่างงาม”
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“นำทางไปสิ!”
พนักงานพาไป๋ยี่เฟยไปยังห้องครัว จากนั้นก็ไป๋ยี่เฟยก็อึ้งตะลึงไป
นี่มันห้องครัวเหรอ?
นี่มันสนามบาสชัดๆ
ใหญ่ขนาดนี้ มีเคาน์เตอร์ทำอาหารมากมาย มีเชฟอยู่ทั้งหมดสิบกว่าคน ทุกคนกำลังทำอาหารอยู่
ไป๋ยี่เฟยในใจรู้ว่าเชฟพวกนี้เป็นเชฟที่เชิญมาจากภัตตาคารใหญ่ๆกันทั้งนั้น
พนักงานพาไป๋ยี่เฟยมาถึงเคาน์เตอร์ตัวยู“คุณผู้ชายคะ นี่คือเคาน์เตอร์ทำอาหารของคุณค่ะ”
เคาน์เตอร์ทำอาหาร ขนาดราวๆห้าสิบตารางเมตร เคาน์เตอร์ที่ใหญ่ขนาดนี้ ไม่ได้เรียกเคาน์เตอร์ทำอาหารแล้ว แต่เป็นห้องครัวชัดๆ
ด้านหลังของเคาน์เตอร์มีตู้อยู่หนึ่งตู้ ข้างบนมีสารพัดเครื่องมือทำครัวและวัตถุดิบเครื่องปรุงอาหารต่างๆมากมาย