บทที่57
ซุนเฉิงพยักหน้า ยิ้มอย่างขอความเมตตาว่า “พี่ชายพูดถูกแล้ว ผมมันไร้ประโยชน์ ผมมันไร้ประโยชน์!”
“ไสหัวไปซะ!”
พูดจบไป๋ยี่เฟยก็เตะออกไปครั้งหนึ่ง เตะจนซุนเฉิงกระเด็น ล้มกองไปบนพื้น
ซุนเฉิงลุกขึ้นมา รีบวิ่งไปที่ปากซอย ไม่มีทีท่าแบบหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้า หันกลับมาพูดกับไป๋ยี่เฟยอย่างดุดันว่า “ไป๋ยี่เฟย!แกคอยดูเหอะ!ถ้าแกไม่ตาย ฉันเปลี่ยนไปใช้นามสกุลแก!”
พูดจบ ซุนเฉิงก็เห็นไป๋หู่ที่อยู่ข้าง ๆ เริ่มขยับ ตกใจจนต้องรีบวิ่งหนี
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจ ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ก็ยังรู้สึกอิจฉาวิทยายุทธของไป๋หู่อยู่ไม่น้อย “ผมว่า คุณจะไม่พิจารณารับลูกศิษย์จริง ๆ เหรอ?”
ไป๋หู่ถาม “คุณอยากเรียนเหรอ?”
“พูดเป็นเล่นไป?คุณดูผมตอนนี้สิ ไม่กี่วันมานี้ก็แต่คนอยากมาทำร้าย ถ้าไม่มีวิชาอะไรป้องกันตัวบ้าง หากวันหนึ่งคุณไม่อยู่แล้ว ผมจะทำยังไง ?”
ไป๋หู่จ้องไปที่ไป๋ยี่เฟย “คุณต่างหากที่จะไม่อยู่”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะฮ่า ๆ “ผมหมายถึงถ้าหากบังเอิญคุณติดธุระ ”
ไป๋หู่ทำเสียงเชอะ พูดว่า “อยากเรียนก็ได้ ”
“จริงเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยดวงตาเป็นประกาย และฟังไป๋หู่พูดต่อไปว่า “พื้นฐานร่างกายคุณแย่เกินไป ถ้าหากคุณสามารถทนได้ 3 เดือน วิ่งเช้าเย็นทุกวันเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร ตอนนั้นเริ่มสอนคุณก็ยังไม่สาย ”
ไป๋ยี่เฟย “……ผมรู้สึกว่าที่คุณไม่รับลูกศิษย์เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ”
……
หลังพักเที่ยง พานหุ้ยหุ้ยออกจากหอไปทำงานที่บริษัท ก็มองเห็นซุนเฉิงแต่ไกลที่มีคนรุมล้อมพาเข้าไปในลิฟต์
พานหุ้ยหุ้ยตะลึง
ซุนเฉิงและพวกไปตีไป๋ยี่เฟยไม่ใช่หรือ?ทำไมเขาถึงเป็นฝ่ายโดนล่ะ ?
ตอนกลางวันที่เห็นท่าทีขลาดกลัวของไป๋ยี่เฟย เธอจึงมั่นใจว่าคนที่ช่วยเธอเมื่อคืนไม่ใช่ไป๋ยี่เฟย แล้วตอนนี้จะอธิบายว่ายังไง?
คนพวกนี้คงไม่ได้โดนไป๋ยี่เฟยจัดการมาหรอกนะ?นั่นใช่……
ในลิฟต์ ตอนที่ปิดประตูก็เห็นพานหุ้ยหุ้ยพอดี ซุนเฉิงจึงดันประตูลิฟต์ไว้ แล้วก็เดินออกมา พี่น้องอีกหลายคนเห็นแล้วก็เดินตามออกมา
ซุนเฉิงเห็นพานหุ้ยหุ้ย ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ “ไอ้สวะไป๋ยี่เฟยนั่นอยู่ไหน?”
พานหุ้ยหุ้ยส่ายหัว “ฉันไม่รู้นี่!เขาไม่ได้อยู่กับคุณหรอกหรือ ?”
ซุนเฉิงกัดฟัน “ให้ตายสิ!”
กำลังจะกลับหลัง แล้วก็หันกลับไปทางพานหุ้ยหุ้ย พูดเสียงเย็นชาว่า “คุณไม่รู้ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมก็รู้แล้ว !”
“คุณหมายความว่ายังไง?” พานหุ้ยหุ้ยเห็นสายตาแปลก ๆ ของซุนเฉิง จึงได้ถอยมา
ซุนเฉิงส่งสายตาไปให้ลูกน้องที่เดินตามมา “จับเธอไว้ ผมไม่เชื่อ ว่าจะล่อมันออกมาไม่ได้?”
เขาชอบพานหุ้ยหุ้ยด้วยใจจริงอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นอยากจะได้ทั้งใจของเธอและตัวของเธอ
เสียดาย เธอไม่รู้ค่าเสียเลย ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษเขาละกัน!
“อ๊ะ……” พานหุ้ยหุ้ยดิ้นรนขัดขืน หนึ่งในนั้นก็ปิดปากเธอไว้ ลากเธอเข้าไปในลิฟต์
……
นิวซีกรุ๊ปมีทั้งหมด 20 ชั้น ไม่ได้สูงมาก แต่ก็ไม่ได้เตี้ย
เวลานี้บนดาดฟ้ามีคนอยู่กลุ่มใหญ่ นอกจาก 4-5 คนที่มองมาทางพานหุ้ยหุ้ยจากมุมบนดาดฟ้า ซุนเฉิงและคนอื่น ๆ ยืนอยู่ตรงทางเข้าดาดฟ้า
ด้านข้างซุนเฉิง มีผู้ชายตัวโตใส่เสื้อหลวม ๆ ยืนอยู่หลายคน แต่ละคนก็มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเป็นมัด ๆ หน้าตาก็ดูดุร้าย
คนที่เป็นหัวหน้านั้นผิวดำคล้ำ เสียงดัง “ทำไมยังไม่มา?หรือว่าจะไม่มาแล้ว ?”
“พี่ต้าหลาง วางใจได้ เขาต้องมาแน่ ๆ!” ซุนเฉิงยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ
ต้าหลางตอบกลับอืมไปคำหนึ่ง แล้วก็ยืนอยู่ตรงนั้น
ผ่านไปสักพัก ซุนเฉิงรู้สึกไม่วางใจ เอ่ยทักขึ้นว่า “พี่ต้าหลาง เรียกคนมาเพิ่มอีกหน่อยไหมครับ?เขา……”
ต้าหลางจ้องเขม็งที่ซุนเฉิง “ดูถูกฉันเหรอ?”
ซุนเฉิงสะดุ้ง “ไม่ใช่ พี่ต้าหลางเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่รู้สึกว่าคนเยอะหน่อยก็ปลอดภัยดี ……”
ต้าหลางก็หัวเราะและพูดว่า “ไม่จำเป็น!”
ชายข้าง ๆ พูดขึ้นอย่างได้ใจว่า “นั่นสิ พี่ต้าหลางนั้นเป็นแชมป์เทควันโดจังหวัด ที่เมืองเทียนเป่ย มีไม่กี่คนที่ชนะพี่ต้าหลาง ไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่เป็นอะไรเลย พี่ต้าหลางของฉันเตะทีเดียวก็ปลิวแล้ว!”
ซุนเฉิงมองไปที่ต้าหลาง ยิ้มและพูดว่า “ ถ้าอย่างนั้นก็ดี ผมสบายใจแล้ว !”
จริง ๆ แล้วในใจของเขาก็ยังคงประหม่า ได้ผู้ช่วยโรคจิตนั่น น่ากลัวมากจริง ๆ !
เพราะต้าหลางนั้นเป็นแชมป์เทควันโด ฉะนั้นจึงได้เปิดสถาบันเทควันโดหลายสาขาในเมือง เมืองเทียนเป่ย รับลูกศิษย์ หลายปีมานี้ พอจะมีหวังอยู่บ้าง
ครั้งนี้รับปากซุนเฉิงว่าจะมา เพราะว่าอีกฝ่ายให้ค่าจ้างมา 2 แสน สู้ครั้งเดียว สองแสน สำหรับเขาแล้วเป็นการเจรจาธุรกิจที่ง่ายมาก
รอไปอีกสักพัก ต้าหลางรู้สึกไม่อยากจะทนแล้ว “สรุปจะมาหรือเปล่า ?”
ซุนเฉิงเห็นท่าทีคับขันแล้วสั่งให้ลูกน้องรีบโทรหาไป๋ยี่เฟย
ทางด้านนี้ ไป๋ยี่เฟยนั้นรับโทรศัพท์หลายสายตลอดบ่ายนี้
สายแรกที่โทรมาคือหลงหลิงหลิง
“ท่านประธาน หลี่ต้าไห่จากกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปมาแล้ว แจ้งว่าจะยอมถอยหุ้นให้60% ถ้าหากเราร่วมมือกันกำจัดนิวซีกรุ๊ป”
ไป๋ยี่เฟยฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว ร้อยละ 60 ก็เหมือนกับใส่พานถวายตระกูลหลี่ซื่อกรุ๊ปให้เลยสิ!
กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปกับนิวซีกรุ๊ปถ้าไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน ต้องไม่มีทางเดินมาถึงจุดนี้ได้ และอีกอย่างนายท่านหลี่นั้นให้ความสำคัญกับหลี่ซื่อกรุ๊ปมาโดยตลอด ครั้งนี้ยอมตัดใจยกหลี่ซื่อกรุ๊ปให้คนอื่นได้ คงเข้าใจได้แค่เพียงว่าพวกเขากับนิวซีกรุ๊ปต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าฉันไม่ได้ดี ใครก็อย่าหวังว่าจะได้ดี!
ไป๋ยี่เฟยคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง พูดว่า “ให้ประวิงเวลาของหลี่ต้าไห่ไว้ก่อน ผมว่างแล้วจะรีบกลับมา ”
หลังวางสาย ก็มีสายเข้าของโจวฉวี่เอ๋อ
“อธิบายให้เสว่เอ๋อเข้าใจหรือยัง?”
ไป๋ยี่เฟยปวดหัว “ผมไม่ได้เจอเธอ โทรไปก็ปิดเครื่อง แต่ว่าผมได้ส่งข้อความไปอธิบาย แล้ว แค่เธอเห็นก็ต้องเข้าใจแล้ว”
โจวฉวี่เอ๋อตอบกลับไปคำหนึ่ง “อ้อ……” “งั้นก็ดี แล้วค่อยติดต่อกันใหม่”
“อืม?”ไป๋ยี่เฟยสงสัย ติดต่ออะไรกันอีก?
โจวฉวี่เอ๋อนั้นวางสายไปแล้ว
กำลังเตรียมตัวไปบริษัท ก็ได้รับอีกสาย
“พานหุ้ยหุ้ย?”
ไป๋ยี่เฟยรับสายด้วยความสงสัย “ฮัลโหล?”
“ฮัลโหล!ไป๋ยี่เฟย ในที่สุดก็รับสายจนได้นะ!”เป็นเสียงของซุนเฉิงที่พูดด้วยความโกรธ
ไป๋ยี่เฟยคิ้วขมวด“ซุนเฉิง?”
“ไป๋ยี่เฟย ตอนนี้ พานหุ้ยหุ้ยอยู่กับผม ถ้าแกไม่อยากให้เธอเป็นอะไร ก็รีบขึ้นมาที่ดาดฟ้าตอนนี้ ไม่งั้นผมไม่รับรองว่าคุณจะได้เจอพานหุ้ยหุ้ยในสภาพสมบูรณ์หรือเปล่า!” ซุนเฉิงพูดอย่างเย็นชา “อีกอย่าง ถ้าแกกล้าแจ้งตำรวจ ผมจะให้ลูกน้องโยนเธอลงไปจากดาดฟ้าทันที !”
ไป๋ยี่เฟยยังไม่ได้พูดอะไร ซุนเฉิงก็วางสายไปแล้ว
“ให้ตายสิ!”
ไป๋ยี่เฟยหยิบโทรศัพท์แล้วก็พุ่งออกไป
ตามหลักการแล้ว พานหุ้ยหุ้ยกับเขาก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ไป๋ยี่เฟยสามารถไม่สนใจก็ได้ แต่เมื่อคิดดีดีแล้ว ถ้าหากไม่เพราะไป๋ยี่เฟย พานหุ้ยหุ้ยเองก็คงไม่ต้องเจออะไรแบบนี้ สาเหตุที่แท้จริงแล้ว ก็ยังมีส่วนเกี่ยวกับเขาอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น พานหุ้ยหุ้ยผู้หญิงตัวคนเดียว ก็ไม่ได้ทำอะไรก็โดนจับตัวไปข่มขู่ ในฐานะผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยเดินไปด้วยและโทรหาไป๋หู่ไปด้วย “ดาดฟ้านิวซีกรุ๊ป”
บดดาดฟ้า
“แกจะทำอะไร?” พานหุ้ยหุ้ยมองดูซุนเฉิงที่เดินเข้ามาอย่างหวาดกลัว
ซุนเฉิงเดินเข้าไปใกล้พานหุ้ยหุ้ย มองดูใบหน้าสวยงามของเธอ อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัส
พานหุ้ยหุ้ยเห็นแบบนี้ก็ตกใจจนเสียงสั่นและร้องไห้ “ซุนเฉิง!ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน ชาตินี้ทั้งชาติฉันจะดูถูกคุณไปตลอดชีวิต !”
พูดจบ ซุนเฉิงก็หยุดชะงัก สุดท้ายก็วางมือลง เขานั้นรู้สึกชอบพานหุ้ยหุ้ยอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นเมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ ก็รู้สึกว่าต่อไปพานหุ้ยหุ้ยจะไม่มองหน้าเขาอีกเลย