บทที่ 604
หลังจากไป๋ยี่เฟยฟังเรื่องนี้ไปแล้ว ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดว่า “ที่นี่มีเงินตั้ง 50 ล้านหยวนเลยนะ แล้วคุณจะอยู่ได้ยังไง แต่คุณก็ยังสามารถเลือกใหม่ได้ด้วยตัวเองนะ ถ้าคุณยังอยากให้ภัตตาคารดำเนินกิจการต่อไป คุณต้องทุบเงินลงไป และทำมันให้เป็นภัตตาคารสุดหรูบนถนนสายนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ และผมก็สามารถช่วยคุณหาเชฟที่ดีที่สุดได้นะ”
หลังจากพูดจบ จงยู่ถิงก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากแทบจะคุกเข่าให้ไป๋ยี่เฟยเลยทีเดียว
โชคดีที่สวีลั่งสามารถหยุดได้ทันเวลาพอดี
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเฉยชาว่า “นี่คือสิ่งที่เราเป็นหนี้พวกคุณ”
จงยู่ถิงส่ายหัว “ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันรู้ว่าพ่อของฉันเป็นโรคมะเร็ง และก็รู้ว่า เขาคาดหวังเป็นอย่างมากที่จะเสียชีวิตในทะเล แต่เขาก็ยังมีความอาลัยอาวรณ์ ให้พวกคุณช่วยเป็นทางเลือกให้เขา”
“แต่นี่ก็ไม่ใช่ความผิดของพวกคุณหรอกค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจอย่างจนปัญญา แล้วนึกถึงสิ่งที่จงยู่ถิงพูดไปเมื่อครู่ พร้อมกับถามขึ้นว่า “ที่อดีตสามีคุณมักจะมาขอเงินจากคุณนั้น มันเป็นเรื่องอะไรกัน?“
ในจดหมายของกัปตันเขียนไว้ว่าเขาหวังว่าลูกสาวของเขาจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ถ้างั้นการละทิ้งภัตตาคารก็คงเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นหรือบางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดอาจเป็นอดีตสามีหรือเปล่า
หลังจากที่จงยู่ถิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก และค่อยๆ ก้มหน้าลง
ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“ก๊อก ก๊อก!”
จากนั้น เสียงผู้ชายที่หยาบกระด้างก็ดังขึ้นมา
“จงยู่ถิง เปิดประตูให้กูเร็ว!”
เสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่คาดคิดนั้นทำให้ทุกคนต่างพากันตกใจ
และเมื่อจงยู่ถิงได้ยินเสียงผู้ชายนั้น สีหน้าก็ซีดลงทันที
เสียงด้านนอกประตูยังคงดังต่อเนื่อง
“จงยู่ถิง ได้ยินไหม? เปิดประตูให้กูเร็ว กูรู้ว่ามึงอยู่!”
“เปิดประตูสะ มีอะไรก็พูดดีๆ ถ้าไม่เปิดละก็…”
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่ จงยู่ถิงและจงยู่ถิงเองก็ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัดแววตาก็แสดงความหวาดกลัวออกมา
จงยู่ถิงไม่อยากให้คนคนนี้มารบกวนไป๋ยี่เฟยพวกเขา หล่อนจึงตะโกนไปที่ประตูอย่างอดไม่ได้ว่า “หลิวเห้อ มันดึกมากแล้ว มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกันได้ไหม?”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ!” หลิวเห้อโกรธอย่างเห็นได้ชัด “เปิดประตูเดี๋ยวนี้ วันนี้กูอารมณ์ไม่ดี กูแนะนำให้มึงนะทางที่ดีมึงเปิดประตูสะ มึงก็รู้ว่าไม่ว่าเรื่องอะไรกูทำได้ทุกอย่าง!”
จงยู่ถิงได้ยินดังนั้นก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
หล่อนมองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างช่วยไม่ได้ และพูดอย่างสั่นๆ ว่า “คุณไป๋คะพวกคุณออกทางประตูหลังก่อนนะคะ”
ไป๋ยี่เฟยและสวีลั่งมองหน้ากันแล้วทั้ง 3 คนก็ลุกขึ้นพร้อมกัน และเดินออกไปทางประตูด้านหลัง
แต่พวกเขากลับไม่ได้ออกไป และแอบซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง
ในที่สุดจงยู่ถิงก็ไปเปิดประตู
ทันทีที่เปิดประตูออก ชายร่างสูงและแข็งแรงคนหนึ่งก็เดินเข้ามา และชายคนนั้นก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า
สีหน้าจงยู่ถิงซีดเซียว และแสร้งทำเป็นพูดอย่างใจเย็นว่า “หลิวเห้อ มันดึกมากแล้ว มีเรื่องอะไรค่อยคุยพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ?”
“พัวะ!”
ฝ่ามือข้างหนึ่งของหลิวเห้อฟาดมาพร้อมกับพูดอย่างหัวเราะเยาะ “จงยู่ถิง วันนี้แกกล้ามากใช่ไหม? กล้าปิดกูไว้ด้านนอกและไม่เปิดประตูให้กูอีก?”
“เอ๊ะ? ไม่ใช่ว่ามีผู้ชายซ่อนตัวอยู่ในร้านอาหารเหรอ? คงยุ่งกับการแอบรักกันกับคนอื่นอยู่ใช่ไหม?”
การตบของหลิวเห้อครั้งนี้ใช้แรงค่อนข้างเยอะ จนมุมปากของ จงยู่ถิงมีเลือดไหลออกมา และในตอนนี้หลิวเห้อก็กำลังพังของทุกอย่างที่อยู่รอบๆ
“หลิวเห้อ เราหย่ากันแล้วนะ ต่อให้ฉันจะมีผู้ชาย มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณแล้ว!”จงยู่ถิงพูดอย่างหนักแน่น
หลิวเห้อหันกลับมามองไปที่จงยู่ถิงและฝ่ามือข้างหนึ่งก็ฟาดมาอีกครั้ง การตบครั้งนี้ใช้แรงเยอะมาก กว่าเดิมทำให้จงยู่ถิงถึงกับนั่งลงบนพื้นกันเลยทีเดียว
“จงยู่ถิง มึงอย่าคิดเลย! กูจะบอกให้นะชาตินี้มึงเป็นผู้หญิงของกูคนเดียว อย่าคิดหนีออกไปจากกูเลย!”
หลังจากพูดจบ หลิวเห้อก็คว้าผมของจงยู่ถิง และพูดอย่างร้ายกาจว่า “ดูเหมือนว่าคืนนี้ธุรกิจของมึงจะไปได้ดีนิ คงหาเงินได้แล้วสินะ? พอดีเลย รีบหยิบเงินออกมาให้กูสะ
“หลิวเห้อ… ” ใบหน้าจงยู่ถิงเต็มไปด้วยน้ำตา และพูดอย่างวิงวอนว่า “นั่นมันเงินที่ลูกสาวต้องใช้นะคุณอย่าทำแบบนี้….. ”
สวีลั่งที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังอดไม่ได้ที่จะพุ่งตัวออกไปแต่ก็โดนไป๋ยี่เฟยดึงไว้
สวีลั่งหันหน้าไปจ้องไป๋ยี่เฟย ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ไปแล้วนะ? ยังหยุดผมไว้ทำไม? ผมจะออกไปฆ่าไอ้กากนั่น!
เนื่องจากการตายของกัปตันทำให้สวีลั่งได้รับการกระตุ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่สามารถเห็นลูกสาวของเขาโดนรังแกหนักขนาดนี้ได้
ไป๋ยี่เฟยจะไม่เข้าใจความรู้สึกของสวีลั่งได้อย่างไร เพราะเขาเองก็ต้องการฆ่าไอ้คนกากนั่นไม่ต่างกัน แต่อย่างมากที่สุดเขาก็ทำได้แค่ออกไปต่อยคนแค่พักเดียวเท่านั้น แล้วจากนั้นล่ะ?
พวกเขาเองก็ไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้ตลอดเวลาและหลิวเห้อก็จะกลับมาเอย่างนี้ตลอด เมื่อถึงตอนนั้นเกรงว่าสิ่งที่จงยู่ถิง จะต้องเผชิญจะเลวร้ายไปมากกว่านี้
ไป๋ยี่เฟยหันหน้ากลับไปมอง และพบว่าพนักงานที่ชื่อว่าเสี่ยวจางก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังไป๋ยี่เฟยพวกเขาเช่นกัน ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงคว้าตัวเขา และพาเขาออกไป
สวีลั่งและหลี่เสว่เห็นดังนั้นก็ออกไปตามพวกเขาเช่นกัน
“หลิวเห้อเราหย่ากันแล้วนะ!”
“พัวะ!”
ทุกประโยคที่จงยู่ถิงพูดออกไปก็จะนำมาซึ่งการโดนหลิวเห้อตบ
“เชี้ยเอ๊ย! มึงต้องมีผู้ชายแล้วแน่ๆแล้ว? กูจะบอกให้มึงนะ จะมีผู้ชายหรือไม่มี ถ้ากูอยากเอามึง กูต้องได้เอาทุกเมื่อ และยังสามารถเอามึงต่อหน้าผู้ชายของมึงได้ด้วย!”
ภายในห้อง เสียงการดุด่าของหลิวเห้อและการขอความเมตตาของจงยู่ถิงสลับกันไปมา
ไป๋ยี่เฟยถาม เสี่ยวจางคนนั้นว่า “เขาเป็นใคร?”
“เป็นอดีตสามีของเจ้านายค่ะ เป็นพวกบ้าการพนัน เมื่อแพ้ก็มักจะมาขอเงินจากเจ้านาย พนักงานรู้ว่าตัวตนของไป๋ยี่เฟยไม่ธรรมดาเขาจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา
“เจ้านายไม่อยากให้ก็ทำอะไรไม่ได้ และเขาก็มักจะใช้ลูกสาวของเจ้านายมาขู่เจ้านายเสมอ เขาบอกว่าถ้าไม่ให้ก็จะหาคนไปจัดการลูกสาวของเจ้านายอีกด้วย”
หลังจากฟังแล้วไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกประหลาดใจ และถามอย่างสงสัยว่า “ลูกสาวของเจ้านายไม่ใช่ลูกสาวของเขาเหรอ?”
“ใช่ค่ะ! นี่เลยเป็นสิ่งที่น่าเกลียดที่สุด!” พนักงานกัดฟัน “หลิวเห้อมันไม่ใช่คน แม้แต่กับลูกสาวตัวเองยังโดนเขาทำลายเลย!”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
ในตอนนั้นเองไป๋ยี่เฟยจึงแน่ใจว่าที่กัปตันพูดว่าชีวิตปกติ เกรงว่าคงจะเป็นเรื่องที่หวังให้ลูกสาวของเขาสามารถกำจัดอดีตสามีตัวเองออกไป และมีชีวิตคู่ที่ปกติเหมือนคนทั่วไป
เมื่อฟังเสียงที่อยู่ภายในห้อง สวีลั่งก็ทนไม่ได้อีกต่อไป “ผมไม่สนอะไรอีกแล้ว!”
สวีลั่งพูดพร้อมกับดึงดาบสันโค้งออกมาและพุ่งเข้าไป
ไป๋ยี่เฟยคว้าตัวเขาไว้ “ผมจะไปเอง!”
หลังจากนั้นเขาก็หันตัวและเข้าไปในร้านอาหาร ไป๋ยี่เฟยไม่กล้าปล่อยให้สวีลั่งไป เพราะเมื่อไหร่ที่สวีลั่งออกมือ ชายคนนั้นจะต้องตายแน่!
การฆ่าคนที่นี่ มันไม่ใช่เรื่องดี มันจะเดือดร้อน หรืออาจกระทบกับการกระทำที่กล้าหาญของสวีลั่งก็เป็นได้
เพราะโดยปกติแล้วสวีลั่งมักจะไม่คิดดีๆ ก่อนจะทำอะไร และการช่วยเหลือคนอย่างไม่ยั้งคิดนี้ ก็เป็นแค่ครั้งแรก
เมื่อไป๋ยี่เฟยเข้าไป หลิวเห้อก็กำลังฉีกเสื้อผ้าของจงยู่ถิงออกเป็นชิ้นๆ
จงยู่ถิงพยายามดิ้นต่อสู้ และน้ำตาไหลจนอาบแก้ม
หล่อนคิดว่าไป๋ยี่เฟยพวกเขาออกไปกันหมดแล้ว
จริงๆ แล้วหล่อนแค่ร้องขอความช่วยเหลืออย่างเสียงดัง ก็สามารถได้รับการช่วยเหลือจากไป๋ยี่เฟยแล้ว แต่หล่อนก็ไม่ได้ทำ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรือบางทีอาจเป็นเพราะหล่อนยังอยากรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของตัวเองไว้สักนิด
“ปัง!”
“โอ๊ย!”
“เชี้ย!”
ไป๋ยี่เฟยเดินออกไป และจับไหล่ หลิวเห้อไว้ พร้อมกับเหวี่ยงอย่างโหดเหี้ยม หลิวเห้อโดนไป๋ยี่เฟยเหวี่ยงออกไป และล้มลงกับพื้น
“แม่งเอ๊ย! ที่แท้ก็ซ่อนผู้ชายไว้จริงๆ ด้วย!”
หลิวเห้อลุกขึ้น จ้องไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างโหดเหี้ยม
ไป๋ยี่เฟยจึงแค่พูดอย่างเย็นชาไปว่า “ไปให้พ้น!”
หลิวเห้อส่งเสียงฮึมไปทีหนึ่ง “แม่งเอ๊ยสมรู้ร่วมคิดกับผู้หญิงของกูเหรอ มึงนี่หน้าไม่อายเลยหรือไง? มึงเป็นเหี้ยอะไรวะ?”
เมื่อพูดจบหลิวเห้อก็หยิบขวดเหล้าเปล่าที่วางบนพื้นฟาดไปที่ไป๋ยี่เฟย
เมื่อจงยู่ถิงเห็นดังนั้นจึงร้องออกมาด้วยความตกใจว่า “ระวัง!”
“ปัง! “
ไป๋ยี่เฟยยกเท้าขึ้น และถีบหลิวเห้อไปยังข้างประตูโดยตรง
“โอ๊ย!”