บทที่ 611
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “ไป”
คนทั้งกลุ่มสี่คนเดินขึ้นเรือ
ถึงตอนนี้ คนที่ไป๋ยี่เฟยไว้ใจก็มีเพียงจางหัวปินกับเฉินห้าว
ทั้งสี่คนขึ้นไปบนเรือ เดินทางไปยังเมืองหลัน
บนห้องพักของบนเรือหาปลา ฉีฉีมองไป๋ยี่เฟยสายตาเย็นชา “ต้องรู้ผลลัพธ์ที่คุณทำแบบนี้”
เรือหาปลาไม่ได้ใหญ่แบบเรือสำราญ ห้องพักที่ให้ผู้โดยสารพักก็ไม่มาก ไป๋ยี่เฟยกลัวฉีฉีฉวยโอกาสที่ไม่มีคนเห็นแล้วหนี เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกัน เขาใช้เชือกมัดแขนฉีฉีไว้ อีกด้านหนึ่งมัดแขนตัวเองไว้
แต่เพราะแบบนี้ คืนนี้คงต้องใช้ห้องเดียวกับฉีฉี
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจฉีฉี แต่มองไปยังทะเลด้านนอนผ่านกระจก
ถ้าวันหนึ่ง เขามีความสามารถพอ เก่งพอที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้ เขาจะซื้อเกาะเล็กๆเกาะหนึ่ง แล้วก็พาหลี่เสว่เข้าไปอยู่ ใช้ชีวิตสงบไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก
เพราะว่ามีความคิดนี้แล้ว ถึงได้มีเจ้าพ่อไป๋ยี่เฟยแห่งหลันเต่า
แน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องอนาคตเท่านั้น
ฉีฉีเห็นไป๋ยี่เฟยไม่พูดอะไร สีหน้าเย็นชา จึงพูดอย่างโมโห “คนอย่างคุณ ตายแล้วก็ต้องตกนรกสิบแปดขุม
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่สนใจฉีฉี แต่ฉีฉีก็ด่าไป๋ยี่เฟยไม่หยุด ไป๋ยี่เฟยโดนพูดจนรำคาญ ทนไม่ได้จึงพูด “ผมตกนรกหรือไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณเป็นยมบาลหรือไง?”
ฉีฉียิ่งโกรธ “ฉันพูดเยอะแยะขนาดนี้ ล้วนหวังดีทั้งนั้น”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอบคุณด้วยนะ แต่ว่า รบกวนคุณต่อไปไม่ต้องดีกับผม ขอบคุณ”
“คุณ ไม่ว่ายังไงคุณก็ห้ามเตะทองคำเหล่านั้น” ฉีฉีพูดสีหน้าเข้มขรึม
ไป๋ยี่เฟยตอบกลับเย็นชา “ทำไมจะเตะไม่ได้ ทองคำของบ้านคุณเหรอ? บนนั้นมีชื่อของคุณเหรอ? ไม่ใช่ของคุณก็ไม่ต้องยุ่ง”
ฉีฉีโมโห “คุณ คุณมันบ้าชัดๆ ไม่มีเหตุผล สักวันจะโดนเงินทองปิดหูปิดตา ตายไร้ที่ฝัง
ไป๋ยี่เฟยเงียบ ตั้งแต่อดีตมา ตัวอย่างแบบนี้มีให้เห็นมากมาย ล้วนถูกความโลภบังตา ไม่ห่วงผลลัพธ์ จนสุดท้าย ก็ได้รับผลที่เลวร้าย
ฉีฉีพูดต่อ “วันนี้คุณเตะต้องนิดหนึ่ง ก็จะรู้สึกมีความสุขที่ไม่ต้องพยายาม แล้วค่อยๆสูญเสียความเป็นตัวเอง จากนั้นก็จะเยอะขึ้น ทีละนิด สุดท้าย คุณก็จะถูกความโลภกลืนกิน”
นี่ก็เหมือนขโมยที่ขโมยของ มีครั้งแรกก็จะมีครั้งที่สองครั้งที่สาม……
ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าฉีฉีพูดถูก ไม่ว่าเป็นใคร ก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่เหมือนกัน เพราะเขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ทุกอย่างที่เขาทำ ก็เพราะว่าต้องการได้อยู่กับครอบครัวภรรยาเท่านั้น
ไป๋ยี่เฟยจ้องฉีฉี “อย่าพูดมาก พูดมากอีก ผมโยนคุณให้พวกเด็กเรือแน่”
คำพูดของฉีฉีพูดดีหน่อยก็คือหวังดีกับเขา แต่ความจริงก็แค่อยากครอบครองทองคำพวกนั้นเอง หรือเพราะอยากช่วยอาจารย์ของเธอครอบครองทองคำพวกนั้น
“เด็กพวกนั้นออกเรือประจำ ไม่ค่อยได้เห็นผู้หญิง……”
คำพูดของไป๋ยี่เฟยทำให้ฉีฉีโมโห โกรธจนยกเท้าขึ้นอยากถีบไป๋ยี่เฟย “คุณมันไร้ยางอาย”
แต่ฉีฉีโดนวางยา ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง เพราะฉะนั้นจึงถีบได้ไม่แรง และช้ามาก ไม่เพียงถีบไม่โดนตัวไป๋ยี่เฟย ยังโดนไป๋ยี่เฟยจับข้อเท้า
“คุณปล่อย” ฉีฉีตะโกนอย่างโมโห
ไป๋ยี่เฟยทำเสียง “อายเหรอ? ไม่ใช่ไม่เคยเห็น”
ฉีฉียิ่งโกรธ ทั้งอายทั้งโกรธ มองหน้าตาที่โหดร้ายของไป๋ยี่เฟย ตะโกนเสียงดัง “บ้าเอ้ย ฉันไม่ยอมคุณแน่”
ไม่มีวันทำอะไรเขาได้
ร่างกายไร้เรี่ยวแรงไม่ว่า เท้ายังโดนไป๋ยี่เฟยจับไว้ เอาอะไรสู้?
ไป๋ยี่เฟยมองฉีฉีที่กระโดดโลดเต้น พูดเสียงเรียบ “สองวันนี้คุณนอนอยู่บนเตียงดีๆ ถ้าออกไปเจอพวกเด็กเรือพวกนั้น จะเกิดอะไรขึ้นคุณน่าจะรู้”
พูดไปด้วย ไป๋ยี่เฟยก็ถอดรองเท้าของฉีฉีออก แล้วโยนออกไปนอกหน้าต่าง
“คุณ”
ฉีฉีโมโหจนจะระเบิด “อ้าก อ้าก”
ไป๋ยี่เฟยตะโกนออกมา บีบข้อเท้าแน่นขึ้น ฉีฉียืนไม่นิ่ง ล้มตัวไปข้างหลัง ล้มลงบนเตียง
“อยู่เฉยๆ อย่า…..” ไป๋ยี่เฟยอยากพูดว่า อย่าหาเรื่อง แต่เห็นฝ่าเท้าของฉีฉี มีไฝสองเม็ด
ไป๋ยี่เฟยจำได้ว่าไม่นานก่อนหน้านี้สวีลั่งเคยพูดว่า น้องสาวของเขามีไฝที่ฝ่าเท้าสองเท้า
นี่…..บังเอิญเกินไปไหม?
“ไป๋ยี่เฟย คุณคอยดู ถ้าฉันมีโอกาส ต้องฆ่าคุณแน่” ฉีฉีตะโกนเสียงดัง
ไป๋ยี่เฟยกลับปล่อยขาฉีฉี นั่งลงที่ขอบเตียง รู้สึกมึนงงไปหมด
ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้?
ไป๋ยี่เฟยอดไม่ได้ที่จะหยิบบุหรี่มาจุด ไม่ว่าฉีฉีด่าอะไรบ้าง ไป๋ยี่เฟยก็เงียบ
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ไป๋ยี่เฟยก็พูดกับฉีฉี “ปีนี้คุณอายุ24”
ฉีฉีด่าอย่างสะใจ แต่พอได้ยินคำพูดนี้ ก็เงียบทันที จ้องไป๋ยี่เฟยอย่างตกใจ
ไป๋ยี่เฟยเห็นสีหน้านี้ ก็เข้าใจทันที เขาพูดถูกแล้ว
นี่ยิ่งสงสัยหนัก
ฉีฉีเป็นไปได้มากที่จะเป็นน้องสาวที่พลัดพรากจากกันของสวีลั่ง น้องสาวแท้ๆ
นี่จะทำยังไงดี?
จะบอกสวีลั่งไหม?
ฉีฉีคือน้องสาวของสวีลั่ง ยังจะขังเธอต่อไหม?
แต่ฉีฉีรู้ความลับของหลันเต่า ปล่อยไม่ได้
อีกอย่าง สวีลั่งรู้ว่าเขาเห็นทุกอย่างของฉีฉีแล้ว จะเอามีดมาสู้ฟันกับเขาไหม?
คำถามมากมายตามมา
ฉีฉีเก็บสายตาตกใจ มองไป๋ยี่เฟยอย่างประหลาด “คุณรู้ได้ยังไง?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบ แต่ถามกลับ “คุณ…..ยังมีพี่ชายอีกคนที่พลัดพรากกันใช่ไหม?”
คำถามออกไป ฉีฉีก็ตะลึง เบิกตากว้างมองไป๋ยี่เฟย
พอตั้งสติได้ ฉีฉีก็โน้มตัวไปทางไป๋ยี่เฟย ถามอย่างรีบร้อน “คุณรู้ได้ยังไง คุณรู้จักพี่ชายฉัน เขาอยู่ไหน?”
……
เมืองเทียนเป่ย บ้านสวีลั่ง
ในสวนหน้าบ้าน ไป๋หู่สวีลั่ง กับเฉินอ้าวเจียว ทั้งสามคนนั่งบนขั้นบันไดหน้าสวน
สวีลั่งอยากไปยกเก้าอี้ แต่โดนปฏิเสธ เพราะฉะนั้นทั้งสามคนจึงนั่งบนบันได
สวีลั่งกับเฉินอ้าวเจียวสูบบุหรี่ “เขาต้องกลับไปที่หลันเต่าแน่”
ไป๋หู่ส่ายหัว “ไม่รู้”
เฉินอ้าวเจียวไม่พูด สวีลั่งถาม “พวกนายไม่สงสัยเลย?”
“สงสัยมีประโยชน์อะไร? เขาไม่บอกพวกเรา ก็คือไม่อยากให้พวกเรารู้” ไป๋หู่ถอนหายใจ
ไป๋หู่พูดจบ สวีลั่งก็มองไปที่เฉินอ้าวเจียง “นายละ?”
เฉินอ้าวเจียวยักไหล่ “เขาไม่เชื่อใจฉัน”
สวีลั่งกับไป๋หู่มองไปที่เฉินอ้าวเจียว ปกติเฉินอ้าวเจียวไม่ค่อยอยู่กับพวกเขา มีเพียงเวลาทำงานด้วยกัน แต่เวลานั้นส่วนมากก็จะยึดไป๋ยี่เฟยเป็นศูนย์กลาง
เพราะฉะนั้น วันนี้เฉินอ้าวเจียวมา สวีลั่งก็รู้สึกแปลกใจ
ตอนนี้เรื่องนี้คุยต่อไปไม่ได้แล้ว สวีลั่งจึงถาม “แล้วตอนนี้นายฝีมือนายระดับไหน?”
ตอนอยู่บนเรือ ฝีมือเฉินอ้าวเจียวถึงจะสู้เต้าจ่างไม่ได้ แต่สู้พวกเขาสองคนได้อยู่แล้ว
พูดตามตรง ไป๋หู่กับสวีลั่งก็รู้สึกไม่พอใจ
เฉินอ้าวเจียวหัวเราะไม่ใส่ใจ พูด “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ชนะพวกนายสองคนได้”
“ถุย” สวีลั่งทำเสียงไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่า คำพูดนี้ยิ่งทำให้สวีลั่งไม่พอใจ
ไป๋หู่เห็นแล้วก็ถามต่อ “นายเป็นใครแน่? ทำไมถึงต้องติดตามไป๋ยี่เฟย? แล้วมีความสัมพันธ์อะไรกับพวกเต้าจ่าง?”
เฉินอ้าวเจียวยื่นขาไปข้างหน้า หัวเราะพูด “ก็เหมือนนาย”
“ถูกส่งมาช่วยเหลือเขา พวกเราจะซื่อสัตย์กับคนที่ส่งพวกเรามา และซื่อสัตย์กับไป๋ยี่เฟย”