บทที่ 615
ข้างในวางขวดและกระป๋องเต็มไปหมด และแท่นวางของ ข้างบนมีผลไม้ของกินต่างๆเต็มไปหมด
มองจากบนแท่นวางของไปข้างบน มีช่องที่ทั้งสูงทั้งยาว ปากช่องขนาดประมาณลูกฟุตบอล มองขึ้นไปเรื่อยๆ เห็นภาพนี้แล้ว ไป๋ยี่เฟยเข้าใจแล้ว
เวลานี้ ชายวัยกลางคนเปิดปากพูด “ในนี้ผ่านไปสักระยะก็จะมีผลไม้เข้ามา จากนั้นก็ทำเป็นผลไม้ตากแห้ง
“ข้างๆก็มีช่องแบบนี้อีกอันหนึ่ง จะมีลูกพลับทิ้งลงมา ผมก็นึ่งแล้วทำเป็นกระป๋อง”
“ออ ใช่แล้ว ห้องข้างๆยังมีขวดเปล่าอีกมากมาย”
ชายวัยกลางคนพูดมากมาย ดวงตาแดงนั้นมองไปที่ไป๋ยี่เฟย เหมือนอวดให้เขาฟัง
ไป๋ยี่เฟยตะลึงอยู่สักพัก
เหมือนกับที่เขาคาดเดา ผู้ชายคนนี้อยู่ในนี้มาหลายปี เขาบอกว่าระยะหนึ่ง น่าจะเป็นหนึ่งปี เพราะผลไม้ก็มีปีละครั้ง
และผู้ชายคนนี้ก็อาศัยผลไม้พวกนี้ ถึงอยู่ได้ถึงตอนนี้
เวลาเดียวกัน ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา จับมือของไป๋ยี่เฟยไว้ “ตามผมมา ผมพาคุณไปดูรอบๆ”
สถานการณ์แบบนี้ก็เหมือนมีเพื่อนมาบ้านตัวเองครั้งแรก เป็นเจ้าบ้านก็ต้องพาเพื่อนไปดู
เวลาที่เหลือ ไป๋ยี่เฟยไปดูรอบบ้านของผู้ชายคนนี้ จากนั้นก็ต้องตะลึงกับทุกอย่างที่เขาเห็นจนพูดไม่ออก
ในนี้มีห้องอยู่ห้าห้อง ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอน
อุปกรณ์ในห้องครัวเสียหมดแล้ว และผู้ชายคนนี้ฉลาดมาก เขาใช้เศษเตาที่เหลือ ทำเตาอีกอันหนึ่ง
ห้องน้ำมีเพียงโถส้วมอันเดียว ส่วนความลึกนั้นดูแล้วค่อนข้างลึก น่าจะเป็นทางยาวลงไป แต่ไม่รู้ว่าไหลไปถึงไหน
ในนี้มีอาหารหมดอายุมากมาย ไป๋ยี่เฟยหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นขนมปังเมื่อสิบหกปีที่แล้ว
อีกสองห้องนั้น อีกห้องหนึ่งไม่รู้คืออะไร ในห้องมีสายน้ำเล็กสายหนึ่ง น่าจะไหลลงภูเขา
อีกห้องหนึ่งก็คือห้องที่เขาเห็นเมื่อครู่ ที่ผู้ชายเอามาเก็บของ
เขารู้สึกตะลึง
ขนมปังเป็นของสิบหกปีที่แล้ว หมายความว่าผู้ชายคนนี้อยู่ในนี้มาสิบกว่าปีแล้ว และเขาก็ต้องอาศัยผลไม้พวกนี้เพื่ออยู่รอด และนี่ต้องมีความอดทนขนาดไหน
ถ้าเป็นคนทั่วไป คงบ้าไปแล้ว
ไป๋ยี่เฟยคิดแล้วคิดอีก ได้แต่ถาม “คุณบอกผมได้ไหมว่าคุณเป็นใคร? ทำไมถึงถูกขังไว้ที่นี่?”
ชายวัยกลางคนได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว เขาอยากคิด แต่กลับส่ายหัว คิดยังไงก็คิดไม่ออก
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้ว ก็คาดเดาว่า “หรือว่าคุณสูญเสียความทรงจำ?”
พูดจบ ชายวัยกลางคนก็ส่ายหัวพูดว่า “ไม่ ผมจำเหลียงหมิงเยว่ได้ ถึงตายเป็นผี ผมก็จำเขาได้ ถ้าผมได้ออกไป ผมจะ……”
“ไม่ ไม่ใช่ คุณมาถึงนี่ได้ ก็หมายความว่าเขาตายแล้ว”
“เหลียงหมิงเยว่ไม่มีวันให้คนอื่นรู้ที่นี่”
“คนงานพวกนั้นถูกเขาฆ่าตายหมดแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแล้วก็ตกใจ “คนงาน?”
ผู้ชายถูกขังในนี้มาเป็นสิบปี จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่จำเหลียงหมิงเยว่ได้ บนโลกนี้ นอกจากความรัก ก็คือความแค้น
ต้องเกลียดเข้ากระดูก ถึงจะจำได้ ถึงแม้จะลืมตัวเอง ก็ไม่มีวันลืมคนนั้น
ถึงแม้คำพูดของเขาฟังแล้วจะดูสับสน แต่ก็มีหลักการ
ไป๋ยี่เฟยสามารถนึกภาพสถานการณ์ตอนนั้นได้ พวกคนงานสร้างถ้ำนี้เสร็จแล้ว เหลียงหมิงเยว่เพื่อจะปิดปังความลับของกองภูเขาทองคำนี้ จึงฆ่าคนงานทั้งหมด
แต่ทำไมไม่ฆ่าผู้ชายคนนี้?
ผู้ชายคนนี้คิดไปคิดมาก็หัวเราะขึ้นมา สักพักก็เริ่มร้องไห้ แต่ก็ร้องไห้ไม่มีน้ำตา จากนั้นก็นั่งลงกับพื้น เหมือนสูญเสียทุกอย่าง
“หลายปีมานี้ ผมคิดตลอด ถ้าได้ออกไปต้องฆ่ามันแน่นอน”
“แต่โซ่นี้ ไม่ว่าใช้วิธีอะไร อุปกรณ์อะไร ก็เปิดไม่ได้”
“ผมไม่เคยยอมแพ้ เพราะผมคิดว่าผมต้องได้ออกไปแน่นอน”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแล้ว ความสงสัยในใจก็เพิ่มขึ้น
“ดูแล้วคุณน่าจะฝีมือดีกว่าเหลียงหมิงเยว่นะครับ? ทำไมเขาถึงไม่ฆ่าคุณ? เพียงแค่ล่ามโซ่คุณไว้ในนี้?”
ชายวัยกลางคนไม่ได้สนใจคำพูดของเขา สายตาเขามีแววความสิ้นหวัง
เขาเหมือนหมดแรงผลักดันที่จะอยู่ต่อ ไร้ซึ่งวิญญาณ
เห็นภาพแล้ว ไป๋ยี่เฟยเข้าใจแล้ว หลายปีมานี้ผู้ชายคนนี้ใช้สิ่งนี้ทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อได้ แต่ตอนนี้สิ่งนี้ไม่มีแล้ว ไม่มีเป้าหมายแล้ว แน่นอนก็เหมือนไร้ซึ่งวิญญาณ
เขารู้สึกสับสน ขอให้ได้ออกไปแล้ว เขาจะไปทำอะไรได้?
ไม่มีความหวังไม่มีความต้องการแล้ว ออกไปหรือไม่ออกไป ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันแล้ว
ไป๋ยี่เฟยย่อตัวลงไป พูดอย่างจริงจัง “คุณ ผมช่วยพาคุณออกไป”
ผู้ชายเงยหน้าขึ้น มองเขาอย่างสับสน
ไป่ยี่เฟยไม่ได้กังวลว่าชายคนนี้จะเป็นคนไม่ดี ถูกขังมาตั้งสิบกว่าปี จะไม่ดีแค่ไหนก็คงหายดีขึ้นแล้ว
อีกอย่างผู้ชายคนนี้มีเงินทองอยู่เป็นเพื่อน มีเงินแต่ใช้ไม่ได้ มีแล้วจะมีประโยชน์อะไร? เพราะฉะนั้นเขาคิดว่า ชายคนนี้คงรังเกียจเงินทอง คนแบบนี้จะเลวได้แค่ไหน?
ผู้ชายมองไป๋ยี่เฟยอยู่สักพัก เงียบอยู่นาน แล้วพูดขึ้นว่า “ได้”
“ถ้าคุณช่วยผมออกไปได้ ชีวิตที่เหลือของผมก็เป็นของคุณแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกตะลึง รีบโบกมือ “ไม่ ไม่ต้อง ชีวิตของคุณเป็นของคุณ ผมช่วยคุณออกไป คุณก็มองผมเป็นเพื่อนก็พอ”
ผู้ชายได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกแปลกใจ
แต่สำหรับตอนนี้แล้ว ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ จะเปิดโซ่ที่ล่ามอยู่ได้ยังไง
ชายวัยกลางคนพูดว่า “โซ่นี้แข็งมาก ต้องใช้อุณหภูมิสูงเผา จากนั้นจุ่มในน้ำเย็น ก็แตกได้”
แต่โซ่ล่ามอยู่ที่ขาของผู้ชาย ถึงความยาวของโซ่ไม่ยาว แค่โลหะรับความร้อนเร็ว กลัวว่าเหล็กยังเผาไม่ได้ที่ ผู้ชายก็โดนเผาจนตายแล้ว
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวไม่เห็นด้วย เขาต้องใช้อุปกรณ์ที่ดีกว่านี้ เพื่อไม่ให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น
จากนั้นเขาก็พูดอย่างจริงจัง “คุณรออีกสักพัก ครั้งหน้าผมจะเอาอุปกรณ์มาด้วย”
ผู้ชายพยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้จากไปทันที แต่ถามว่า “คุณคิดออกหรือยัง?”
ผู้ชายขมวดคิ้ว “ผมจำได้แค่ว่าผมแซ่ซา”
น้ำเสียงของผู้ชายแหบแห้ง ถูกขังอยู่ในนี้เป็นสิบปี ไม่ได้สูญเสียการพูด ก็ถือว่าดีมากแล้ว
แต่ว่าเขาคิดว่า ตามความสามารถของเขาแล้ว สิบกว่าปีที่แล้วน่าจะเป็นผู้มีอิทธิพล ออกไปแล้วต้องลองไปสืบหาดู
แน่ใจว่าเขาเป็นคนดีหรือคนที่ไม่ได้เลวมาก สามารถปล่อยตัวเขาออกไปได้ แต่ความลับของที่นี่ก็ยากที่จะปิดปังแล้ว
ไป๋ยี่เฟยคิดไปสักพัก ก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าผู้ชายคนนี้ต้องถูกขังไว้ที่นี่ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
แต่ถ้าต้องฆ่าเขา ไป๋ยี่เฟยทำไม่ลง
เพราะฉะนั้น จะรักษาความลับไว้ยังไง?
นี่คือปัญหา
สุดท้าย ไป๋ยี่เฟยก็คิดไม่ออก จึงปล่อยไว้ก่อน เขาต้องออกไปแล้ว
ผู้ชายเห็นเขาจะไปแล้ว จึงเรียกเขาไว้ พูดว่า “ในนี้มีทองคำมากมาย คุณไม่เอาไปหน่อยเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว “ไม่รีบ”
ไป๋ยี่เฟยไปแล้ว
เขากลับไปในถ้ำนั้น เรียกเฉินห้าวกับฉีฉี แล้วบินออกจากถ้ำ
ทางเดินนี้เดินสองรอบแล้ว ค่อนข้างคุ้นเคยแล้ว และร่างกายไม่มีแผล ถึงแม้จะแบกทองคำหลายสิบกิโล ก็สบายกว่าเยอะ
เมื่อบินออกมาแล้ว ไป๋ยี่เฟยพูดว่า “ไป ยังมีเวลา พวกเราพยายามไปกลับห้ารอบ”
ระหว่างทาง เฉินห้าวพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “พี่ เมื่อกี้เธออยากให้ผมหักหลังพี่”
ฉีฉีเห็นแล้วก็เปลี่ยนสีหน้า มองเฉินห้าวอย่างอาฆาต
แต่เสียดาย ฉีฉีไม่มีแรงนัก อีกอย่างเธอก็กลัว กลัวว่าไป๋ยี่เฟยจะโยนเธอไปให้ผู้ชายกลุ่มนั้น
แต่ว่า ครั้งนี้ท่าทางไป๋ยี่เฟยทำให้ฉีฉีรู้สึกแปลกใจ