บทที่ 629
“หลิงหลิงคุณไปบูรณาการกองทุนกรุ๊ปสักหน่อย พี่จางไปติดต่อธนาคารใหญ่หลายแห่งในเมืองเทียนเป่ย พยายามระดมกองทุนทั้งหมดที่สามารถเอามาใช้ได้”
จางหัวปินพยักหน้า “ได้ครับ รู้แล้ว”
หลงหลิงหลิงก็พยักหน้าตามเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วพูดว่า “ผมรู้สึกว่างานการประมูลราคาในครั้งนี้จะทำให้เราเห็นความลับบางอย่างที่เราไม่รู้ อาจจะเป็นความลับเหล่านี้ที่ทำให้เราเผชิญหน้ากับสภาพที่ลำบากยากแค้นยิ่งใหญ่กว่า”
……
ตอนกลางคืน สวีลั่งอาบน้ำเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็จะออกจากบ้าน
หยางเฉียวเห็นพอดี ก็เลยถามเขาว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะออกไปหรือ มีเรื่องด่วนอะไรล่ะ?”
สวีลั่งยิ้มตอบกลับว่า “ก็ไม่เชิงว่าเร่งด่วน พรุ่งนี้ไป๋ยี่เฟยจะไปทำธุระที่เมืองเป่ยไห่ ผมเข้าไปล่วงหน้าก่อน คืนนี้จะพักอยู่ที่นั่น พวกคุณนอนเร็วหน่อยเถอะ”
หลังจากหยางเฉียวฟังจบพยักหน้าต่อๆกัน เพียงแค่อยู่ตอนที่สวีลั่งจะออกจากบ้าน อยู่ดีๆเธอพูดกับเขาว่า “ระวังความปลอดภัยด้วย ฉันรอคุณกลับบ้าน”
สวีลั่งได้ยินคำพูดสุดท้ายนี้ ใจอดไม่ได้ที่จะสั่นสะเทือนตามหนึ่งที นี่ก็ทำให้เขานึกถึงคำพูดของอาวุโสกัปตันเรืออีกด้วย โดยจิตใต้สำนึกสายตาอ่อนโยนขึ้นมา พยักหน้ากับหยางเฉียว จากนั้นผลักประตูออกไปเลย
หลังจากสวีลั่งออกจากประตูเดินทางไปยังบ้านไป๋ยี่เฟย แต่อยู่ตอนที่ใกล้จะถึง อยู่ดีๆเขาพลิกตัวหนึ่งที ซุกซ่อนอยู่ในความมืดทันที
เป็นนักฆ่า ซุกซ่อนเป็นความสามารถที่เขาเชี่ยวชาญที่สุด เขาจะตั้งใจซุกซ่อน โลกใบนี้กลัวว่าไม่กี่คนที่จะหาเขาเจอ
สวีลั่งซุกซ่อนอยู่ในความมืด แอบกลับไปที่หน้าประตูบ้านของตนเองอย่างเงียบๆ
จากนั้นหาตำแหน่งที่หลบซ่อนซุกซ่อนตนเองไว้
เขารอคนอยู่ที่นี่
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง มีเงาคนคนหนึ่งอยู่ดีๆโผล่ออกมา กระโดดพลิกตัวเข้าไปในกำแพงลานบ้านสวีลั่ง
สวีลั่งเห็นภาพนี้ตื่นตะลึงฉับพลันในทันที
เขาไม่กล้าลังเล ยื่นมือจับมีดโค้งของตนเอง ตามเข้าไปทันที
ที่จริงสวีลั่งน่าจะต้องรออีกสักครู่ ที่จริงแล้วจับได้คาหนังคาเขาจึงจะดีที่สุด แต่ตอนนี้มีสาเหตุที่ไม่แน่ใจมากมาย กระทบเขาแล้ว ทำให้เขาไม่ได้ใจเย็นขนาดนั้น
นี่อาจจะก็เนื่องเพราะมีครอบครัวแล้ว มีความกังวลแล้ว ดังนั้นเขาจะไม่เย็นชาไร้น้ำใจอีกต่อไป
ในลานบ้าน เงาดำกำลังยืนอยู่ตรงกลาง หยางเฉียวก็เดินออกมาจากห้องรับแขกพอดี
สวีลั่งเห็นฉากนี้พอดี
ในเวลานี้ หยางเฉียวกับเงาดำล้วนพบเห็นสวีลั่งแล้ว พวกเขาล้วนอึ้งชะงัก
จากนั้นเงาดำหมุนตัวทันที พลิกตัวข้ามกำแพงออกไป
หลังจากสวีลั่งจ้องมองหยางเฉียวหนึ่งที หมุนตัวตามออกไปทันที
หยางเฉียวเบิกตาโพลงทั้งคู่อย่างไม่กล้าเชื่อ จากนั้นสีหน้ากลายเป็นซีดขาวขึ้นมา ผ่านไปนานมาก ในที่สุดเธอก็คืนสติกลับมา จากนั้นรีบวิ่งกลับไปห้องนอน
……
ความเร็วของเงาดำเร็วมาก ความเร็วของสวีลั่งก็เร็วมากเช่นกัน ทั้งสองคนวิ่งไล่ตามกันหน้าหลังอย่างรวดเร็ว
ในเขตวิลล่ามีพื้นที่สีเขียวที่ดีมากแห่งหนึ่ง เป็นป่าไม้เล็กๆแห่งหนึ่ง สามารถทะลวงเข้าไปโดยตรง สวีลั่งก็ตามเข้าไปโดยไม่ลังเลสักนิดเช่นกัน
ในคืนมืด ในป่าไม้ อยากจะซ่อนตัวขึ้นมาง่ายดายมาก แทบจะถูกพบเจอไม่ได้
ดังนั้นหลังจากเงาดำเขาไปในป่าไม้ เงาดำก็หายสาบสูญไปในสายตาของสวีลั่ง
สวีลั่งหยุดวิ่งลงมา กลั้นหายใจไว้
สำหรับคนอื่นมากล่าวแล้ว สภาพการณ์ในปัจจุบันนี้จะต้องตามคนจนหายไปอย่างแน่นอน แต่เขาไม่เหมือนกัน เขาปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เป็นความมืดแห่งนี้ได้ดีที่สุด
ในมือสวีลั่งกำมีดโค้งของตนเองไว้ สลับการย่างก้าว เตรียมตัวพร้อมที่จะจู่โจมได้ตลอดเวลา
ลมเบาๆพัดอยู่ ใบไม้เกิดเสียง ซาซา ออกมา
แต่อยู่ในเสียงนี้ เสียงหอบที่เบาๆแทรกเข้ามาเล็กน้อย
ถ้าหากว่าเขาวิ่งไปข้างหน้าตลอด งั้นการเคลื่อนไหวจะต้องรุนแรงมาก ตอนนี้กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อย่างงั้นเขาต้องหลบอยู่หลังต้นไม้สักต้นหรือว่าเป็นบนต้นไม้
แต่เนื่องเพราะก่อนหน้านี้วิ่งอย่างรุนแรง จะทำให้ลมหายใจของเขาแรงขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมตนเองก็แค่สามารถลดทอนจังหวะลมหายใจลงเท่านั้น ลมหายใจที่หนักอึ้งเป็นสิ่งแน่นอนอยู่แล้ว นี่ต่อกับสวีลั่งมากล่าว เพียงพอแล้ว
เขาถือมีดโค้งอยู่ ค่อยๆประชิดต้นไม้ใหญ่ที่บิดเบี้ยวต้นหนึ่ง
สวีลั่งยืนอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ ถามอย่างเย็นชาว่า “คุณเป็นใครหรือ?”
จากนั้นไม่มีคนตอบกลับเลย
สวีลั่งกลับรู้ คนคนนี้หลบอยู่หลังต้นไม้จริงๆ ดังนั้นเขาถามอีกว่า “ตกลงว่าคุณเป็นใครกันแน่?”
เสียงพูดเพิ่งจบลง “ฟิ้ว” เสียงหนึ่ง มีดด้ามหนึ่งที่มีแสงเย็นกะพริบลอยมาจากหลังต้นไม้
สวีลั่งยกมือขึ้นทันที ใช้มีดโค้งของต้นเองบังไว้ “เคี้ยง” เสียงหนึ่ง จากนั้นก็เลยเห็นมีดของฝั่งตรงข้าม หักตามเสียงเลย
ในเวลาเดียวกัน อยู่ดีๆคนที่อยู่หลังต้นไม้ร้องเสียงดังหนึ่งที
“รีบมาช่วยผม!”
สวีลั่งตื่นตะลึงทันที จากนั้นเขาพบเห็นว่า อยู่ในเสียง ซาซา ส่งเสียงการย่างก้าว เสียงลมหายใจอื่นๆมาด้วย
เพียงแค่พริบตาเดียว คนเสื้อดำสิบกว่าคนโผล่ออกมา ล้อมรอบสวีลั่งไว้
……
ไป๋ยี่เฟยและคนอื่นๆได้รับข่าว กำลังรีบมาฝั่งนี้
โรงพยาบาลโว่หลง เฉินอ้าวเจียวพาคนในองค์กรขวางซารีบเร่งไปยังเขตวิลล่าหลันโปกั่ง
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยพวกเขามาถึง เสียงปืนดังขึ้นพอดี
“ปุ้งปุ้งปุ้ง……”
ไป๋ยี่เฟยและคนอื่นๆกำลังจะพุ่งเข้าไป หลังจากได้ยินเสียงปืน อึ้งชะงักอย่างรุนแรง
ไป๋หู่กับจงเหลียนจ้องมองไปยังไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยก็จ้องมองไปยังพวกเขาเช่นกัน อยู่ในสายตากันและกันของพวกเขามองเห็นความหวาดผวา
ไม่ใช่กลัวว่าฝั่งตรงข้ามมีปืน แต่กลัวว่าสวีลั่งจะประสบอันตรายแล้ว
จากนั้นพวกเขาไม่กล้าล่าช้าสักนิด ก็ไม่รอเฉินอ้าวเจียวพวกเขาแล้ว พุ่งเข้าไปโดยตรง
หลังจากพวกเขาพุ่งเข้าไป ใช้ไฟฉายส่องสว่างรอบๆ จากนั้นมองเห็นศพหลายคนที่ถูกมีดโค้งตัดคอนอนอยู่ไม่ไกล
ในอากาศยังเหลือกลิ่นดินปืนและกลิ่นคาวเลือดอ่อนๆอยู่
สีหน้าทั้งสามคนยิ่งมายิ่งหนักอึ้ง แต่ไม่เดินไปยังข้างหน้าไม่ได้
สุดท้าย พวกเขาอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งมองเห็นสวีลั่งที่นั่งอยู่บนพื้น
สวีลั่งนั่งกางขาอยู่ บนท้องบนน่องล้วนเลือดไหล แต่เขากลับสบายอกสบายใจคาบบุหรี่ม้วนหนึ่งที่ยังจุดไม่ติดไว้
ไป๋ยี่เฟยมองเห็นสวีลั่งแบบนี้ พุ่งเข้าไปอย่างรุนแรง ประคองคนขึ้นมา “พี่ลั่ง แข็งใจไว้!”
ไป๋ยี่เฟยร้อนรนแล้ว
อยู่ในสายตาของไป๋ยี่เฟย ถึงแม้ว่าฝีมือของเขาสู้เต้าจ่างไม่ได้ แต่ว่าเขายังคงแข็งแกร่งมาก ที่จริงแล้วเขาเคยเป็นนักฆ่า ดังนั้นเขาคิดอย่างนี้มาโดยตลอด เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แม้เพียงได้รับบาดเจ็บ ก็เพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อย
ตอนนี้อยู่ในสภาพนี้ เป็นสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยไม่เคยเห็นมาก่อน
ในเวลาเดียวกัน ฉากนี้ทำให้เขานึกถึงฉินหัว เรื่องของอดีตค่อยๆปรากฏอยู่ในสมอง ดังนั้นเขาเริ่มร้อนรนแล้ว
ไป๋ยี่เฟยร้องพูดกับไป๋หู่ว่า “เรียกรถพยาบาล!”
สวีลั่งกลับเยือกเย็นมาก เพียงแค่สูดลมหายใจลึกๆหลายครั้ง “คนหนีไปได้”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวทันที “หนีไม่พ้นหรอก หนีพ้นต้นเดือน หนีไม่พ้นวันที่สิบห้า พี่ลั่ง ตอนนี้คุณอย่าสนใจสิ่งเหล่านี้เลย ล้วนมอบให้ผมเถอะ”
สวีลั่งยิ้มแล้วยิ้มอีก “เป็นผมที่ประมาทเกินไป นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะพกปืน”
“วางใจเถอะ ไม่ได้ยิงโดนจุดสำคัญ ยังไม่ถึงแก่ชีวิต”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็เลยโล่งอกอย่างรุนแรงหนึ่งที แต่ว่าบนกายเขายังเลือดไหล่ไม่หยุด ไป๋ยี่เฟยไม่กล้าประมาท “รถพยาบาลอาจจะมาไม่ทันแล้ว โทรหาเฉินอ้าวเจียวถามว่าพวกเขาถึงไหนแล้ว?”
ผ่านไปไม่นาน เฉินอ้าวเจียวพาคนเข้ามา
เฉินอ้าวเจียวนำหน้า คนเสื้อดำกลุ่มหนึ่งพุ่งลงมาจากรถ
หลังจากได้เห็นสภาพการณ์อย่างนี้ เฉินอ้าวเจียวแบกสวีลั่งขึ้นมาทันที ทั้งวิ่งไปยังรถฝั่งโน้นทั้งสั่งหลายคนพูดว่า “กลับโรงพยาบาล!”
คนอื่นๆล้วนเฝ้าอยู่ข้างกายไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองศพที่นอนอยู่บนพื้นเมื่อกี้หนึ่งที สั่งไว้ว่า “พากลับไป!”
“ได้!”
ทั้งหมดมีศพสามศพ ล้วนถูกคนขององค์กรขวางซาพากลับไปแล้ว
นอกห้องผ่าตัดโรงพยาบาลโว่หลง ไป๋ยี่เฟยรออยู่อย่างร้อนรนไม่สงบ