บทที่ 630
ไป๋หู่เห็นสภาพก็เลยปลอบโยนพูดว่า “คุณวางใจเถอะ หมอบอกว่าไม่ได้โดนจุดสำคัญ ไม่มีอันตรายต่อชีวิต”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกัน แต่ยังคงเป็นห่วง
เพราะว่ามีเรื่องก่อนหน้านั้นของฉินหัว เขากลัวแล้วจริงๆ
เขากลัวว่าเพราะเขาแล้วพวกพี่น้องของเขาจะได้รับบาดเจ็บ ยิ่งมากกว่านั้นคือตาย
เฉินอ้าวเจียวเดินเข้ามา ถามไป๋ยี่เฟยว่า “จะแจ้งคนในบ้านของสวีลั่งหรือไม่?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว “ตอนเช้าค่อยบอกเถอะ พวกเขาน่าจะนอนกันแล้ว”
เฉินอ้าวเจียวพยักหน้าต่อๆกัน “ได้ ผมส่งคนไปเฝ้าไว้อยู่หน้าประตูบ้านของพวกเขาแล้ว”
ไป๋ยี่เฟย อืม เสียงหนึ่ง
ในเวลานี้ ไอ้หัวล้านหลิวก็รีบมาเช่นกัน
“เถ้าแก่ ล้วนสืบชัดเจนแล้ว ทั้งสามคนนั้นเป็นคนเมืองหัวซ่าง เป็นลูกน้องของหวังโหว แม่มึงเอ่ย ไอ้คนในเมืองหัวซ่างถึงขนาดวิ่งมาก่อเรื่องในเมืองเทียนเป่ย!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยสีหน้าหนักอึ้ง
“พี่เฉิน พาคนไป เหน็ดเหนื่อยสักรอบ ถอนรากถอนโคนอิทธิพลของหวังโหวให้หมดเลย ค่อยพาเขากลับมาให้ผม” ไป๋ยี่เฟยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน น้ำเสียงหนาวเย็น
เฉินอ้าวเจียวรู้สึกถึงความโมโหกับความอาฆาตของไป๋ยี่เฟยอย่างชัดเจน จากนั้นถามไปคำหนึ่ง “เอาตายหรือเอาตัวเป็นๆ?”
ไป๋ยี่เฟยเสียงเย็นชาพูดว่า “หวังโหวจับเป็นๆ คนอื่นๆ ดูอารมณ์ของคุณเถอะ”
เฉินอ้าวเจียวพยักหน้า พาคนออกไปเลย
เมืองหัวซ่างบาร์บางแห่ง
ในห้องพิเศษที่ฟุ่มเฟือยห้องหนึ่ง ผู้ชายที่อายุ 30 กว่าปีคนหนึ่งกำลังทำการออกกำลังกายที่ไม่สามารถพูดได้กับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่
อยู่ดีๆมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นสะเทือนขึ้นมา
ผู้ชายยื่นมือออกไป หยิบมือถือขึ้นมา เขาไม่ถือสาว่าเสียงแบบนี้จะทำให้คนอื่นได้ยินเลย “เถ้าแก่ ผมว่าท่านไม่สามารถรออีกสักครู่ค่อยโทรมาหรือ? แม่มึงเอ่ยตอนนี้ผมกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ!”
คนของโทรศัพท์ฝั่งโน้นไม่ได้สนใจคำพูดของผู้ชาย “หวังโหว คุณทำอะไรกันแน่? ผมไม่ใช่เคยบอกกับคุณว่าอย่าลงมือหรือ?”
หวังโหวหัวเราะ แฮ่ๆ หนึ่งที “ผมว่าเถ้าแก่ ท่านไม่กล้าเกินไปแล้วมั้ง ท่านอยากขึ้นเรือลำใหญ่ของเมืองหลวง ผมช่วยท่านฆ่าคนของไป๋ยี่เฟย ท่านน่าจะต้องดีใจจึงจะถูก”
“ที่จริงแล้วท่านก็สามารถส่งของขวัญในการพบปะอย่างใจกว้างให้กับหนึ่งบ้านหนึ่งชิ้นแล้ว ไม่ใช่หรือ?” หวังโหวยิ้มพูดอยู่
คนอยู่โทรศัพท์ฝั่งโน้นดูเหมือนโมโหมาก “แม่มึงเอ่ยเหลวไหล! งั้นผมถามคุณ คุณทำได้หรือยัง?”
หวังโหวผลักผู้หญิงที่อยู่บนกายออก ลุกขึ้นนั่ง ลักษณะแบบเกียจคร้าน “คนคนนั้นจัดการยากหน่อย ทำให้ผมเสียพี่น้องสามคนไป แต่ลูกน้องบอกว่า เขายิงคนนั้นห้านัดโดนสามนัด ถึงแม้ว่าไม่ตาย งั้นก็ต้องพิการอย่างแน่นอน”
ฝั่งโน้นส่งเสียงตื่นตระหนกร้องมา “ไอ้เลว! งั้นสามคนที่ตายไปนั่นคุณจัดการยังไงหรือ?”
“ยังจะจัดการยังไงล่ะ? ตายก็ตายแล้ว สนใจพวกเขาทำไมล่ะ?” หวังโหวไม่ใส่ใจเลย “ล้วนเป็นพวกตัวเล็กๆที่ไม่ได้อยู่ในสายตา”
ทันทีที่พูดจบ โทรศัพท์ฝั่งโน้นอยู่ดีๆเงียบไปแล้ว
หวังโหวรอสักพักไม่ได้ยินเสียง ก็เลยเพิ่มเสียงขึ้นพูดว่า “ฮัลโหล่? เถ้าแก่ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม? ไม่มีอะไร ผมจะวางสายแล้ว!”
ในเวลานี้ ในที่สุดโทรศัพท์ฝั่งโน้นก็มีเสียงแล้ว เขาเตือนสติพูดว่า “หวังโหว รีบหลบหนีไปเถอะ ถ้ายังไปไกลไม่ได้ล่ะก็ไปต่างจังหวัด”
หวังโหวอึ้งชะงักแล้วอึ้งชะงักอีก “หลบหนีหรือ? ทำไมต้องหลบหนีล่ะ?”
“ถ้าหากว่าคุณทำร้ายลูกน้องของเขา จุดไฟจัดการให้สถานที่เกิดเหตุสะอาดก็แล้วไป แต่ว่าแม่มึงเอ่ยคุณยังเหลือช่องโหว่ไว้ ตอนนี้ไม่หลบหนียังจะรอคนเข้ามาหาคุณโดยตรงหรือ?”
หวังโหวต่อสิ่งนี้เหยียดหยามมาก “เหลือช่องโหว่ไว้ก็จะเป็นยังไงล่ะ? เขาสืบได้ถึงหัวกูหรือ? ถอยอีกก้าวหนึ่งมากล่าว ถึงแม้ว่าเขาสืบกูจนได้ เขาก็จะทำอะไรได้อีกล่ะ?”
“เพียงแค่กูพูดว่าคนเหล่านี้ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ติดตามกูแล้ว กูไม่รู้ เขาก็จะทำยังไงได้ล่ะ? พูดได้อีกว่า เขาอยากจะทำกูยังไงล่ะ กูยังกลัวเขาหรือ?”
“เมืองหัวซ่างเป็นเขตอิทธิพลของกูนะ เพียงแค่กูไม่ออกจากเมืองหัวซ่าง แม่มึงเอ่ยใครจะกล้าเตะต้องกูหรือ?”
“เถ้าแก่เอ่ย ผมว่าท่านไม่กล้าเกินไปแล้ว”
คนอยู่โทรศัพท์ฝั่งโน้นได้ยินคำพูดเหล่านี้ น้ำเสียงเย็นชาลงอย่างมาก “หวังโหว ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่พ่อค้าทั่วไป คุณดูถูกเขาเกินไปแล้ว”
“คุณคิดว่าเขาจะพูดเหตุผลกับคุณหรือ? ไม่มีหลักฐานเขาก็จะทำอะไรคุณไม่ได้หรือ?”
“คุณอย่าลืมนะ ฉุงโยวเวยโดนเขาฆ่าตายนะ!”
“คนมาเฟียอย่างพวกคุณพบเจอเรื่องแบบนี้ จะหาคนกลางตกลงเงื่อนไข คนทางกฎหมาย จะพูดคุยหลักฐานกับคุณ”
“แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยทั้งสองฝั่งล้วนไม่ใช่ คนแบบนี้ ทั้งไม่ตกลงเงื่อนไขกับคุณก็ไม่พูดคุยหลักฐานกับคุณเช่นกัน”
คนอยู่โทรศัพท์ฝั่งโน้นหยุดชะงักหนึ่งที “ถ้าหากว่าคุณไม่เชื่อฟังผม รีบลบบันทึกการโทรของพวกเรา บล็อกผมออกไป กูไม่อยากตายเป็นเพื่อนมึง!”
หวังโหวอึ้งชะงักแล้วอึ้งชะงักอีก อยู่ดีๆมีความร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่ใช่ เขา……”
จากนั้นยังไม่ได้พูดจบ ฝั่งโน้นวางสายโดยตรง
“ไอ้เหี้ย!”
หวังโหวโยนมือถือออกไปโดยตรง ทันทีนั้นมือตกแตกกลายเป็นหลายชิ้น
ในเวลานี้ มือน้อยที่อ่อนนิ่มข้างหนึ่งลูบอยู่หน้าอกของหวังโหว พูดเสียงเบาๆว่า “พี่โหวเป็นยังไงแล้วหรือ? โมโหมากขนาดนี้ล่ะ?”
หวังโหวหัวเราะเหยียดหยามเสียงหนึ่ง “พ่อค้าเหี้ยๆที่มีความกล้าเล็กน้อยกลุ่มหนึ่ง ดำเนินงานใจฝ่อไปหมด กลัวโน้นกลัวนี่ แม่มึงเอ่ยยังกล้าว่ากู!”
“ก็ไม่ไปสืบหาดีๆสักหน่อย หวังโหวกูเป็นใครหรือ? ยังแย่กว่าไอ้หนุ่มที่อายุ 20 กว่าปีคนหนึ่งหรือ? อยู่ในสายตากู แม่มึงเอ่ยล้วนเป็นคนอ่อนแอ กูจะกลัวหรือ?”
หวังโหวพูดอยู่กอดผู้หญิงไว้ทันที “รอพวกเราทำธุระเสร็จ กูพาคนไปเมืองเทียนเป่ยด้วยตนเอง จัดการไป๋ยี่เฟยไปเลย ให้เขารู้ความร้ายกาจของกู!”
ผู้หญิงหัวเราะเย่อหยิ่งเสียงหนึ่ง “พี่โหวเก่งมาก!”
หวังโหวยิ้มมิจฉาหยิกหนึ่งทีอยู่บนก้นที่งดงามของผู้หญิง ผู้หญิงตื่นตระหนกร้องเสียงหนึ่ง “อ่า! น่าเกลียด!”
เห็นแบบนี้ ตัณหาอยากของหวังโหวมาอีกแล้ว ทับผู้หญิงอยู่ใต้กายทันที
จากนั้น กำลังอยู่ในเวลานี้ เสียงเคาะประตูอย่างรีบด่วนดังขึ้นอยู่นอกประตู
“พี่โหวแย่แล้ว สถานที่หลายแห่งของพวกเราโดนทุบพร้อมๆกัน ยังมีลูกน้องหลายคนถูกทำร้ายด้วย” ลูกน้องของหวังโหวตื่นตระหนกร้องพูดอยู่นอกประตู
หลังจากหวังโหวได้ยินลุกขึ้นมานั่งทันที
……
เมืองเทียนเป่ยโรงพยาบาลโว่หลง
นอกห้องผ่าตัด หยางเฉียวรีบวิ่งเข้ามา หลังจากมองเห็นไป๋ยี่เฟย ความกังวลเต็มใบหน้าถามว่า “พี่ใหญ่ไป๋ พี่ลั่งเขาเป็นยังไงแล้วหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยมองเห็นหยางเฉียวมีความแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นเกาหัวจ้องเขม็งเฉินห้าวหนึ่งที
เฉินห้าวส่ายหัวทันที บริสุทธิ์ใจพูดว่า “ผมไม่ได้บอก”
หยางเฉียวก็เลยพูดว่า “ไม่มีคนบอกกับฉัน ฉันเข้ามาด้วยตนเอง”
สัญชาตญาณของผู้หญิงแม่นมากมาโดยตลอด
ในเวลานี้ ไฟของห้องผ่าตัดดับแล้ว
หมอคนหนึ่งทั้งเดินออกจากห้องผ่าตัด ทั้งถอดผ้าปิดปากของตนเองออก
ไป๋ยี่เฟยกลุ่มนี้ล้อมรอบเข้าไปทันที “เป็นยังไงแล้วหรือ?”
หมอไม่ได้เป็นคนอื่นเลย ที่จริงเป็นหนิววั่ง เขาโล่งอกหนึ่งที พูดว่า “ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่เกรงว่าจะต้องนอนอยู่บนเตียงหนึ่งหรือสองเดือน”
ได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนล้วนโล่งอกหนึ่งที
จากนั้นไป๋ยี่เฟยพูดกับหยางเฉียวว่า “คุณดูแลเขาให้ดีๆ”
หยางเฉียวเอาจริงเอาจังพยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยวางใจเล็กน้อย เดินไปยังข้างนอก พูดว่า “รวบรวมคนทั้งหลายพวกเราไปเมืองหัวซ่าง” ไป๋หู่เฉินห้าวตามขึ้นไปทันที
ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเย็นชาว่า “ผมจะให้คนทั้งหมดล้วนรู้ เตะต้องพี่น้องของผมไป๋ยี่เฟย จะเป็นสภาพอะไรล่ะ?”
จากนั้น คืนนั้น รถสิบกว่าคันออกเดินทางจากเมืองเทียนเป่ย ขับไปยังเมืองหัวซ่าง
หลังจากไป๋ยี่เฟยและคนอื่นๆไปแล้ว สวีลั่งถูกย้ายเข้าไปในห้องผู้ป่วยที่โอ่อ่าหรูหรา หยางเฉียวเฝ้าไว้อยู่ข้างกายเขาตลอด
ตอนที่ฟ้าใกล้จะสว่าง เขาตื่นแล้ว
ตอนที่สวีลั่งลืมตาขึ้น ตาแรกที่เห็นก็คือหยางเฉียวที่สัปหงกหัวก้มแล้วก้มอีกบ่อยๆอยู่ข้างๆ
สวีลั่งอดไม่ได้ที่จะนึกถึงก้นบุหรี่ที่อยู่ในลานบ้าน และคนเสื้อดำของเมื่อคืน ยังมีการล้อมฆ่าเขาอยู่ในป่า
เขาไม่อยากเชื่อทั้งหมดนี้
กำลังอยู่ในเวลานี้ หยางเฉียวรู้สึกถึงตนเองสัปหงกอยู่ อยู่ดีๆได้สติขึ้นมา นั่งตัวตรง