บทที่678ชีวิตคู่ที่กลับมาดียิ่งกว่าเก่า
“ผมรู้ครับ” ไป๋ยี่เฟยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “แต่จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่ได้ทำร้ายผมเลย และผมก็คิดไม่ออกว่าเขามีเหตุผลอะไรที่ต้องทำร้ายผมด้วย”
หลี่เสว่ยังไม่สบายใจ “ระวังไว้บ้างก็ดีค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า แล้วดึงหลี่เสว่ไปนั่งที่โซฟา โดยการที่ให้หลี่เสว่นั่งอยู่บนตักของตัวเอง
หลี่เสว่ที่ตอนแรกยังกังวลอยู่เลย จู่ๆ ตอนนี้ก็เกิดหน้าแดงขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวนว่า “ไป๋ยี่เฟย ฉันกำลังพูดเรื่องสำคัญกับคุณอยู่นะคะ!”
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วเรื่องนี้มันไม่สำคัญเหรอครับ?”
ใบหน้าของหลี่เสว่แดงยิ่งกว่าเดิม “นี่คุณ……”
พอพูดออกมา ก็ถูกไป๋ยี่เฟยอุดปากไว้ก่อน
หลังจากห่างกันไปตั้งนาน พอได้มาเจอภรรยาอีกครั้ง มันก็ต้องตื่นเต้นเป็นเรื่องธรรมดา โบราณว่าไว้ ยิ่งอยู่ห่างกันพอได้มาเจอกันอีกครั้งมันก็จะรักกันมากยิ่งกว่าเดิม
ไป๋ยี่เฟยจูบลงไปที่ริมฝีปากของหลี่เสว่ และอดไม่ได้ที่จะต้องการมากกว่านั้น ณ เวลานี้ ในใจและในสายตาของเขา มีแค่หลี่เสว่คนเดียวเท่านั้น
จากนั้น หลี่เสว่ก็ค่อยๆล้มลงบนโซฟา……
……
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง
หลี่เสว่หน้าแดง ก้มหน้าก้มตาจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง ความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อกี้มันยังไม่จางหายไป
ไป๋ยี่เฟยกอดเธอจากทางด้านหลัง แล้วกระซิบข้างหูว่า “ที่รักครับ เราไปกันเถอะ”
หลี่เสว่ซบไปที่ไป๋ยี่เฟย แล้วถามไปว่า “ไปไหนเหรอคะ? งานยังไม่เสร็จเลย!”
ไป๋ยี่เฟยตอบไปว่า “ช่างเรื่องงานไปเถอะ ไม่ต้องสนใจแล้ว!”
หลี่เสว่ไม่เข้าใจ “ไม่ทำแล้วเหรอคะ?”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น เขาก็ชะงักไป แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ “ยังจำตอนที่เราแต่งงานกันใหม่ๆ ได้มั้ยครับ?”
หลี่เสว่นิ่งเงียบไม่ตอบ ได้แต่จ้องไปที่ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยพูดต่อ “ตอนที่เราเพิ่งแต่งงานกัน ผู้คนต่างก็ดูถูกผม แถมยังนินทาถึงเรื่องที่คุณมาแต่งงานกับคนจนๆ อย่างผม แต่ผมในตอนนั้นก็ไม่เอาไหนจริงๆ ไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งสักที มีแต่คนหัวเราะเยาะเรา”
“ผมรู้ดีว่าความจริงแล้วคุณรู้สึกแย่มาก ผมเองก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกัน”
“แต่ตอนนั้นผมจำเป็นต้องอดทน เพราะผมมีน้องสาวที่ต้องดูแล ส่วนร่างกายของน้องสาวผมก็แย่มาตลอด ต้องใช้ยารักษาห้ามไม่ให้ขาด”
“ตอนนั้น พ่อของคุณบอกกับผมว่า ขอแค่ผมยอมแต่งงานกับคุณ เขาก็จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายให้ แต่ว่า ครั้งที่น้องสาวของผมเกิดอุบัติเหตุนั้น ผมก็ได้เขาไปขอร้องพ่อของคุณ อยากให้เขาช่วยจ่ายค่าผ่าตัดให้ แต่ตอนนั้นเขากลับปฏิเสธผม”
“ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาไม่อยากจ่ายให้ผมอีกแล้ว ผมไม่มีทางเลือก พอเกิดอุบัติเหตุ ก็จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดผมถึงได้ไปขอร้องคุณตาของคุณ”
“ต่อมา พ่อแท้ๆ ของผมก็ตามหาผมจนเจอ เขาเอาเงินให้ผมร้อยล้าน และยกโหวจวี๋กรุ๊ปให้กับผม”
“ณ ตอนนั้น ผมคิดว่าตัวเองคงไม่ต้องกลับไปใช้ชีวิตที่ยากลำบากอีกแล้ว และผมก็สามารถทำให้คุณได้มีความสุขสักที”
“แต่แล้ว ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เล่าแล้วเรื่องเล่าก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ผมคิด ปัญหาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีคนอยากฆ่าผม จนผมเลี่ยงไม่ได้ที่จะเดินมาจนถึงจุดนี้”
“พอมาตอนนี้ เรามีทั้งเงินมีทั้งอำนาจ แต่กลับต้องแยกจากกันบ่อยๆ แทบไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเลย และไม่สามารถพบหน้าครอบครัวของอีกฝ่ายได้”
“ดังนั้น ตอนนี้ผมจึงคิดว่า ชีวิตแบบนี้มันเป็นชีวิตที่เราต้องการจริงๆ เหรอครับ?”
“เสว่เอ๋อ ผมแค่อยากใช้ชีวิตที่สงบสุขกับคุณและครอบครัวในสถานที่ที่ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีกันจริงๆ นะครับ”
พอฟังจบ หลี่เสว่ก็อึ้งไปเลย เธออดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงวันเวลาเก่าๆ ที่เคยผ่านมา
ถึงจะโดนคนดูถูก อยู่อยากยากจน แต่อย่างน้อยคนในครอบครัวก็ได้อยู่พร้อมหน้ากัน
มีคำพูดหนึ่งพูดไว้ดีมาก มีได้ก็ต้องมีเสียตอนนี้พวกเขามีเงินแล้ว พอมีเงินกลับต้องสูญเสียครอบครัวและเพื่อนฝูงไป
หลี่เสว่กระซิบเบาๆ ว่า “เมื่ออยู่ท่ามกลางเงินทองและอำนาจ มันก็ง่ายที่จะสูญเสียความเป็นตัวเองไป”
ไป๋ยี่เฟยตอบอืม แล้วจูบลงบนหน้าผากของเธอ จากนั้นก็พูดว่า “ตอนนี้ลองมาคิดดูแล้ว เรื่องบางเรื่องเราไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ”
“ตอนนั้นที่พ่อของคุณไม่ยอมช่วยจ่ายค่ารักษาให้นั้น เป็นเพราะเขาคาดการณ์ไว้แล้ว เขารู้นานแล้วว่าผมเป็นคนของตระกูลไป๋ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเสนอให้ผมแต่งงานกับคุณ”
“เขารู้การเคลื่อนไหวของตระกูลไป๋ เขาจึงเตรียมการทุกอย่างต่อจากนั้นเอาไว้ พร้อมกันนั้นยังทำให้ผมไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลย”
พอหลี่เสว่ได้ยินอย่างนั้น เธอก็ค่อยๆ ก้มหน้าลง แล้วพูดออกมาเบาๆ ว่า “แล้วคุณโกรธเขามั้ยคะ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “ผมคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้น แต่ว่า คุณล่ะโกรธเขามั้ย?”
ในตอนนั้น ตอนที่ไป๋ยี่เฟยกำลังจะกลายเป็นตัวล่อเพื่อล่อให้คนที่อยู่เบื้องหลังลงมือนั้น หลี่เฉียงตงเคยบอกไว้ว่า แค่ไป๋ยี่เฟยปลอดภัย ต่อให้ต้องเสียหลี่เสว่ไปมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ดังนั้น หลี่เสว่ต่างหากเป็นคนที่มีสิทธิ์โกรธหลี่เฉียงตงที่สุด
เพียงแต่ หลี่เสว่เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการกตัญญูที่สุด เธอส่ายหน้าเบาๆ “เขาเป็นพ่อของฉัน”
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็พูดต่อว่า “ตอนนี้เราสามารถเลือกเองได้แล้ว”
“เราไม่จำเป็นต้องไปสนใจแผนการที่พวกเขาวางไว้ ไม่ต้องไปสนใจพวกตำแหน่งบ้าบอของวงศ์ตระกูล ไม่ต้องสนใจสหพันธ์ธุรกิจหรือเต้าจ่าง เราไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้อีก มันไม่เกี่ยวอะไรกับเราทั้งนั้น”
“ขอแค่เราสามารถตัดขาดจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง เราก็สามารถใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการได้แล้ว”
“เราไปย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา อยู่กันอย่างพร้อมหน้า ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แบบนี้มันดีมากเลยไม่ใช่เหรอครับ?”
พอหลี่เสว่ได้ยินอย่างนั้น เธอก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที เธอเองก็อยากใช้ชีวิตแบบนั้นเหมือนกัน ว่าแล้วเธอก็พยักหน้า “ค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะตอนแรกเขายังกังวลอยู่เลยว่าหลี่เสว่อาจจะตัดใจไม่ลง เขาจึงเตรียมเหตุผลร้อยแปดมาเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ แต่เขากลับไม่ต้องใช้มันเลย
ฉินหัวต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา สวีลั่งต้องบาดเจ็บสาหัสจนลุกไม่ขึ้น หนิววั่งจำเป็นต้องหักหลังเขาเพื่อลูกชายของตัวเอง และพวกเขายังเคยตายอยู่ในถ้ำทองคำบนหลันเต่าด้วย
สิ่งที่สองพี่น้องหยางเฉียวกับหยางหลินต้องพบเจอ ซาเฟยหยางต้องถูกจองจำนับสิบปี อีกทั้งยังมีสิ่งที่ต้องประสบบนเรือระหว่างที่เดินทางกลับอีก
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มันทำให้ไป๋ยี่เฟยสามารถตระหนักได้สักที
เขาจะปล่อยวางทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า แล้วไปไล่ตามความฝันของตัวเอง
หลี่เสว่หันมาถามไป๋ยี่เฟยว่า “แล้วคุณคิดจะทำยังไงต่อคะ?”
ไป๋ยี่เฟยตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ผมคิดมาแล้วครับ ยกเฟยเสว่กรุ๊ปให้หวังโหว ยกโหวจวี๋กรุ๊ปให้หลงหลิงหลิง ยกโรงพยาบาลโว่หลงให้หลิวเสี่ยวอิง ชูริเวอร์รีสอร์ตก็ยกให้ไอ้หัวล้านหลิวไปดูแล”
“ยกศูนย์การค้าสักแห่งให้สวีลั่ง ไป๋หู่สามารถดูแลย่านการค้าสักแห่งได้ จงเหลียนก็ไปดูแลภัตตาคารในเครือสักที่ส่วนเฉินห้าวนั้น……”
ไป๋ยี่เฟยได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว
“จากนั้นครอบครัวของเราก็ไปจากที่นี่ แล้วหาสถานที่สักแห่งใช้ชีวิตที่เรียบง่ายของเราไป”
พอหลี่เสว่ได้ฟังเรื่องทั้งหมด เธอก็พยักหน้าอย่างมีความสุข “ได้ค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยยังพูดกับหลี่เสว่อีกว่า “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้คุณก็ไปลาออกเลยครับ”
แต่หลี่เสว่กลับตอบมาว่า “ช่างมันสิ ไม่ต้องลาออกแล้ว เราไปทั้งอย่างนี้เลยค่ะ!”
“ไป!”
ทั้งคู่เดินจูงมือกันเตรียมที่จะออกจากห้องทำงานไป
แต่ในตอนนั้นเอง ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก หลิวเสี่ยวอิงวิ่งตาตื่นเข้ามา พอเงยหน้ามาก็พบหลี่เสว่และไป๋ยี่เฟยเข้า
หลิวเสี่ยวอิงอึ้งอยู่กับที่
หลี่เสว่รู้สึกแปลกใจมาก “เธอมาทำอะไรเหรอ?”
พูดจบ หลี่เสว่ก็เกิดหน้าแดงขึ้นมา ถ้าหลิวเสี่ยวอิงเกิดเข้ามาเร็วกว่านี้อีกสักนิดละก็ มันก็คง……
หลี่เสว่ไม่กล้ามองหน้าหลิวเสี่ยวอิง เธอเอาแต่ก้มหน้า
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับไม่เป็นไรเลย เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมมาหาภรรยาของผม จากนั่นก็จะพาตัวเธอไป”
หลิวเสี่ยวอิงอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนจะตั้งสติได้ “ไปไหน?”
เธอถามออกมาแบบไม่ค่อยสนใจนัก จากนั้นก็พูดด้วยความดีใจว่า “เสว่เอ๋อ ฉันตั้งใจมาบอกข่าวดีกับเธอ”
“ข่าวดีอะไรเหรอ?” หลี่เสว่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมา
หลิวเสี่ยวอิงรีบเดินเข้าไปจับมือของหลี่เสว่เอาไว้ จากนั้นก็พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ก่อนหน้านี้ที่ฉันเจาะเลือดเธอ แล้วเอาไปให้อารองดู อารองบอกว่าสามารถรักษาได้ พรุ่งนี้อารองจะมาที่เมืองหลวงเลย ถึงตอนนั้นก็สามารถรักษาให้เธอได้แล้ว”
ทุกคนต่างก็รู้ดี ว่าสิ่งที่หลิวเสี่ยวอิงกำลังพูดถึงนั้นคือเรื่องที่หลี่เสว่ไม่สามารถมีลูกได้
พอหลี่เสว่ได้ยินอย่างนั้น เธอก็รู้สึกดีใจมากเหมือนกัน “จริงเหรอ? ดีจริงๆ!”
แต่จู่ๆ หลิวเสี่ยวอิงที่สูดหายใจอย่างแรงก็ต้องขมวดคิ้ว “นี่มันกลิ่นอะไร?”
พอหลี่เสว่ได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำแล้วเงียบไปทันที
ไป๋ยี่เฟยเองก็รู้อยู่แก่ใจ แต่กลับทำเหมือนไม่รู้ “กลิ่นอะไรเหรอ? ไม่เห็นมีเลย!”
หลี่เสว่รีบพยักหน้า “ไม่มีนะ”