บทที่679ทำอะไรน่ะ
หลิวเสี่ยวอิงจับจ้องมาที่ทั้งคู่ด้วยสายตาที่สงสัยและดูประหลาดมาก
พอไป๋ยี่เฟยเห็นอย่างนั้นก็รีบพูดไปว่า “ไป ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”
……
ไป๋ยี่เฟยได้จองห้องวีไอพีของภัตตาคารสุดหรูที่อยู่ไม่ไกลจากตึกของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็นึกถึงชายใส่สูทคนนั้น เขาจึงทำแสร้งถามไปว่า “จริงสิ ตอนที่เจอคุณ ผู้ชายคนนั้นเขาทำอะไรเหรอครับ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้โง่ เขารู้ว่าชายคนนั้นกำลังจ้องคนรักของเขาอยู่ ถึงเขาจะเชื่อใจหลี่เสว่ แต่ก็ต้องถามให้แน่ใจ
หลี่เสว่ยังไม่ทันได้ตอบ โจวฉวี่เอ๋อก็ชิงพูดขึ้นก่อน “เขาเป็นพนักงานคนหนึ่ง ชื่อซุนเหา พ่อของเขาก็เป็นรองประธานเหมือนกัน”
“ในแวดวงของทางสหพันธ์ธุรกิจนั้นเขาค่อนข้างกว้างขวางอยู่ บวกกับพ่อเขาที่เป็นรองประธาน เลยทำให้เขาไม่ค่อยให้เกียรติพวกนักธุรกิจสักเท่าไหร่”
“อืม จริงด้วย เขายังสนใจในตัวหลี่เสว่ด้วย คุณต้องระวังเรื่องนี้หน่อยนะ!”
หลี่เสว่ถลึงตาใส่โจวฉวี่เอ๋อ ค่อยหันมาพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “อย่าไปฟังที่เธอพูดเลยค่ะ คนที่ทำงานโดยอาศัยบารมีของพ่อนั้นฉันไม่ค่อยสนใจหรอกค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “ยังไงต่อไปก็ไม่ได้เจอแล้ว”
พอโจวฉวี่เอ๋อได้ยินอย่างนั้น เธอก็ตกใจทันที “ไม่จริงใช่มั้ย? คุณไม่ได้จะฆ่าเขาทิ้งใช่มั้ยคะ?”
ไป๋ยี่เฟย “……”
ไม่รู้ทำไม ในสายตาของโจวฉวี่เอ่อเขาได้กลายเป็นปีศาจที่เห็นใครขัดหูขัดตาก็จะฆ่าทิ้งหมดเลย
“ผมไม่ใช่คนที่เห็นใครก็ฆ่าสักหน่อย” ไป๋ยี่เฟยตัดพ้อ
โจวฉวี่เอ๋อยิ้มแหะๆ “แหม๋ๆ มันก็ไม่ต่างกันหรอก!”
โจวฉวี่เอ๋อตอนนี้สามารถก้าวออกจากความทุกข์เรื่องฉินหัวได้แล้ว เธอไม่ได้เอาแต่ดูแลฉินหัวอยู่ในโรงพยาบาลแล้วเพราะเธอรู้ดีว่าฉินหัวไม่อยากเห็นเป็นแบบนั้น ด้วยเหตุนี้เธอจึงเลือกที่จะติดตามหลี่เสว่มาด้วย
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ต่างก็ได้ยิ้มออกมา จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้นว่า “ผมกับหลี่เสว่เราได้ตกลงกันแล้ว ว่าเราจะถอนตัวตั้งแต่ตอนนี้”
“ว่าไงนะ?”
หลิวเสี่ยวอิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจไม่ต่างกัน เธอเบิ่งตาจ้องไปยังคนทั้งสอง “นี่พวกคุณพูดเรื่องอะไรเนี่ย?”
ไป๋ยี่เฟยได้เล่าเรื่องที่เขาพูดกับหลี่เสว่ให้พวกเธอฟังแบบคร่าวๆ
โจวฉวี่เอ๋อกับหลิวเสี่ยวอิงนิ่งเงียบไม่พูด
ภายในห้องเงียบลงไปมาก จากนั้นโจวฉวี่เอ๋อก็ค่อยๆ พูดออกมาว่า “ความจริงมันก็ไม่เลวนะ”
หลิวเสี่ยวอิงก็พูดสนับสนุน “มันก็ดีจริงๆ นั่นแหละ”
พอเห็นพวกเธอเห็นด้วย ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ก็โล่งอกไปมาก
แต่จู่ๆ มือถือของโจวฉวี่เอ๋อก็ดังขึ้น โจวฉวี่เอ๋อเอามือถือออกมาแล้วเดินออกจากห้องไป
“ฮัลโหล?”
ภายในห้องวีไอพี ไป๋ยี่เฟยได้หันไปถามหลี่เสว่ว่า “มีคนกำลังตามจีบฉวี่เอ๋ออยู่ใช่มั้ยครับ?”
“ไม่รู้เหมือนกันนะคะ! ไม่มีมั่ง?” หลี่เสว่รู้สึกแปลกใจมาก “ทำไมจู่ๆ คุณถึงถามแบบนั้นล่ะคะ?”
ไป๋ยี่เฟยเอาแต่ขำ แล้วก็ส่ายหน้า
ตอนที่หลี่เสว่กำลังประชุมอยู่แล้วไป๋ยี่เฟยก็ได้รอเธออยู่ข้างนอก โจวฉวี่เอ๋อได้เดินออกมารับสายที่โถงทางเดิน เขาได้ยินเธอพูดถึงเรื่องที่ไม่ต้องโทรมาเกี่ยวกับเรื่องกินข้าวหรืออะไรนี่แหละ
……
พอกินอาหารเสร็จ ฟ้าก็มืดแล้ว
พวกเขาจึงนั่งรถไปเยี่ยมหลงหลิงหลิงที่โรงพยาบาล
แต่ตอนที่ไปถึงโรงพยาบาลนั้น แท็กซี่ที่พวกเขานั่งมาก็เกือบชนกับรถคาดิลแลคคันหนึ่งเข้า ทำเอาคนขับตกใจจนอกสั่นขวัญหาย
ความจริงตอนแรกก็ไม่ใช่ความผิดของคนขับแท็กซี่ แต่จู่ๆ คาดิลแลคคันนั้นก็เปลี่ยนเลน จนเขาต้องเบรกกะทันหันและเกือบชนกับรถคันนั้น
แต่เจ้าของรถคาดิลแลคกลับไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป
คนที่ลงมาจากรถคือชายผมยาวคนหนึ่ง พอพุ่งมาถึงก็เคาะกระจกของแท็กซี่ทันที แต่พอเห็นชายคนนี้เข้า พวกไป๋ยี่เฟยก็พากันอึ้งไปเลย
เขาเป็นคนที่มีหน้าตาเหมือนฉินหัว คนที่ชื่อว่าฉินซานนั่นเอง
กระจกลดเปิดออก ก่อนที่คนขับจะได้พูดอะไร กลับถูกฉินซานห้ามไว้ก่อน จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับโจวฉวี่เอ๋อที่นั่งอยู่ข้างคนขับว่า “ทำไมคุณถึงได้ลั่นอย่างนี้เนี่ย? ชวนคุณไปกินข้าวคุณยังไม่พอใจอีก คุณบอกว่าคุณไม่ว่าง ไม่มีเวลาแล้วมาโรงพยาบาลได้ไง?”
เดิมทีโจวฉวี่เอ๋อก็เป็นคนที่ค่อนข้างโผงผาง อารมณ์ร้อนอยู่แล้ว พอได้ยินอย่างนั้น เธอก็เปิดประตูออกไปทันที เธอเดินไปหาฉินซาน แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “คุณนี่ประสาทรึไง? อยากตายใช่มั้ย! ถ้าอยากตายก็ไปตายคนเดียว อย่าลากเราไปเอี่ยวด้วย!”
“ใครมันจะอยากไปกินข้าวกับคุณ ฉันไม่อยากไป แล้วมันจะทำไม? ฉันจะมาโรงพยาบาล แล้วมันจะทำไม?”
ถึงฉินหัวจะโดนต่อว่าไป เขาก็ยังไม่ยอมถอดใจ แถมยังพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “นี่ที่รัก ผมรักคุณแล้วจริงๆ นะครับผมไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย คุณบอกมาสิว่าคุณต้องการอะไร ผมสามารถให้คุณได้ทุกอย่าง”
“ไม่ว่าเป็นรถหรือเป็นบ้านก็ได้หมด ผมสามารถโอนให้คุณได้หมดเลย ผมไม่มีพ่อแม่ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ ชีวิตนี้ผมมีคุณแค่คนเดียว จะมีลูกก็แค่กับคุณเท่านั้น”
โจวฉวี่เอ๋อ “……”
โจวฉวี่เอ๋อยืนอึ้งไปพักหนึ่งกว่าจะตั้งสติได้ พอได้สติเธอก็คำรามออกไปว่า “คุณเรียกใครว่าที่รักห๊ะ? ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ! แล้วนี่คุณกำลังพูดบ้านอะไรอยู่?”
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ยังนั่งอยู่ในรถ พอเห็นแบบนี้จึงรู้สึกงงกันทั้งคู่ “ที่รัก นี่มันเรื่องอะไรครับ?”
หลี่เสว่ก็งงไม่ต่างกัน “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ!”
ไป๋ยี่เฟยยังสงสัยไม่หาย “คนที่มีหน้าตาแบบนี้จะต้องชอบโจวฉวี่เอ๋อทุกคนเลยรึไง?”
หลี่เสว่ส่ายหน้า เพื่อสื่อว่าเธอเองก็ไม่รู้
จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็ตัดพ้อออกมา “ฉินหัวเขาไม่ได้ทะเลาะเก่งแบบนี้นะ ดูฉินซานสิ สามารถพ่นออกมาได้เป็นชุดๆ ช่างน่านับถือจริงๆ”
หลี่เสว่ “……”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวด้วยความจนใจ เปิดประตูออกแล้วถามโจวฉวี่เอ๋อไปว่า “ต้องให้ช่วยมั้ย?”
โจวฉวี่เอ๋อตอบด้วยสีหน้าที่ไม่ชอบใจว่า “ไม่อ่ะ พวกคุณไปก่อนเลยค่ะ” พอฉินหัวเห็นไป๋ยี่เฟย เขาก็จ้องหน้าอยู่พักหนึ่ง “น้องชายคนนี้หน้าคุ้นๆ นะ อ๋อ นึกออกแล้ว ถึงว่าล่ะทำไมถึงไม่ยอมไปกินข้าวกับผม ที่แท้ก็……”
โจวฉวี่เอ๋อรีบพูดขัดเขาทันที “อย่าพูดบ้าๆ นะ เขาเป็นสามีของเพื่อนรักฉัน ไม่สิ ฉันจะอธิบายให้คุณฟังทำไมเนี่ย? ทำไมคุณถึงได้เป็นคนน่ารำคาญแบบนี้เนี่ย?”
แล้วทั้งคู่ก็เริ่มเถียงกันอีกครั้ง
ตอนนี้คนขับกำลังนั่งดูอยู่ข้างๆ ไป๋ยี่เฟยยื่นเงินให้เขาไป แล้วพูดว่า “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่เคยเห็นคนทะเลาะกันรึไงครับไม่ต้องทอน รีบไปได้แล้วครับ!”
คนขับรับเงินมา พอพวกไป๋ยี่เฟยไปหมดแล้ว เขาก็ขับรถจากไป
หลังจากพวกไป๋ยี่เฟยทั้งสามคนลงจากรถก็ไม่ได้สนใจโจวฉวี่เอ๋อจริงๆ พวกเขาเดินตรงเข้าไปในโรงพยาบาลเลย
ความจริงไป๋ยี่เฟยนั้นดูออก ว่าฉินซานนั้นสนใจโจวฉวี่เอ๋อจริงๆ ส่วนเรื่องที่โจวฉวี่เอ๋อไม่ยอมให้พวกเขาช่วยนั้น ไม่แน่เธออาจจะมีอะไรอยู่ในใจก็ได้
แต่นี่คือเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ก็ควรให้พวกเขาจัดการกันเอง
แต่ตอนที่เดินผ่านทั้งสองคนนั้น จู่ๆ ฉินซานก็ดึงแขนของซาเฟยหยางเอาไว้
ซาเฟยหยางหยุดเดินแล้วยิ้มให้เขา ฉินซานพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “เหมือนยังไม่เคยเห็นหน้าน้องชายคนนี้มาก่อนเลย!”
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ก็หยุดเดินด้วยเหมือนกัน แล้วมองไปยังซาเฟยหยางกับฉินซาน
ซาเฟยหยางไม่เข้าใจ “ทำไมเหรอครับ?”
ฉินซานใช้ความคิดไปแปบหนึ่ง แล้วโบกไม้โบกมือ “ไปจากที่นี่ซะ อย่ามาจุ๊นจ้านกับการจิบกันของผมกับภรรยา!”
ซาเฟยหยางขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
โจวฉวี่เอ๋อเริ่มโวยวายอีกแล้ว “ใครเป็นภรรยาของคุณห๊ะ? มาจงมาจีบอะไร? คุณช่วยระวังคำพูดหน่อยได้มั้ย? อย่าพูดอะไรมั่วๆ แบบนี้นะ……”
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ส่ายหน้าด้วยความจนใจ จากนั้นเดินเข้าโรงพยาบาลไปพร้อมกับซาเฟยหยาง แต่ไป๋ยี่เฟยก็ยังมองซาเฟยหยางด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจอยู่ดี
คำพูดของฉินซานเมื่อกี้เหมือนจะมีความนัยแอบแฝงอยู่
เหมือนซาเฟยหยางจะรู้ว่าไป๋ยี่เฟยกำลังสงสัยอยู่ เขาจึงพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้เขาเตือนผมเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า
ที่บอกว่าให้ไปจากที่นี่ มันหมายถึงให้เขาไปจากโลกใบเล็กๆ ของพวกเขา หรือบอกให้เขาไปจากเมืองหลวงกันแน่นะ?
“ผู้อาวุโสเองก็ดูไม่ออกเหรอครับ?” ไป๋ยี่เฟยเอ่ยถาม
ซาเฟยหยางตอบด้วยสีหน้าที่จริงจัง “มันค่อนข้างน่าแปลก”
“แปลกเหรอครับ? แล้วอะไรที่แปลก?” ไป๋ยี่เฟยถาม
ซาเฟยหยางส่ายหน้า แต่ก็ไม่ได้ตอบ
ฉินซานเป็นคนของท่านหลินรอง ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูกชายของท่านหลินรองหลินขวางนั้นก็ถือว่าไม่เลวดังนั้น ถึงคนๆ นี้จะดูประหลาดแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมาก