คฤหาสน์ตระกูลซุน
ซุนเหาถูกโยนลงไป ไป๋ยี่เฟยก็ให้คนลากตัวซุนหมิงเจี่ยนขึ้นมา
ซุนหมิงเจี้ยนมองซุนเหาที่อยู่ข้างล่าง สีหน้าหวาดกลัว
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่ข้างเขา พูดเสียงเย็นชา “ซุนหมิงเจี้ยน ต้องโทษคุณโชคร้ายเอง ที่มาเจอผม”
พูดไปด้วย ไป๋ยี่เฟยก็หยิบมือที่ใช้บาดคอซุนเหาเมื่อกี้ขึ้นมา
ซุนหมิงเจี้ยนเห็นเลือดบนมีด ก็ตะโกนอย่างหวาดกลัว “เต้าจ่าง ช่วยผมด้วย”
ตะโกนเสร็จแล้วก็หันไปพูดกับไป๋ยี่เฟย “อย่า อย่าฆ่าผม อย่าฆ่าผม ไป๋ยี่เฟย อย่าฆ่าผม ผมจะบอกความลับให้คุณ”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ “ผมไม่สนใจ”
พูดคำนี้จบ เขาเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า
ท้องฟ้ายังคงมืด ก็ดาวกะพริบบ้าง แต่กว่าจะสว่างยังอีกยาวนาน
เพราะว่าไป๋ยี่เฟยรู้ ถ้าเขาฆ่าซุนหมิงเจี้ยน ค่ำคืนนี้ ต้องเลือดสาดแน่
แต่เขาไม่เสียใจ
ไป๋ยี่เฟยยืนมือหยิบมีด ชี้ไปที่คนข้างล่าง ตะโกนเสียงดัง “ไม่มีใครทำร้ายพี่น้องเพื่อนพ้องของผมแล้วยังอยู่อย่างสบายอีก เรื่องนี้ไม่ต้องเจรจา”
“ไม่แค่ซุนหมิงเจี้ยน พวกแก มีผลลัพธ์อย่างเดียวเท่านั้น ก็คือตาย”
“ไม่”
ซุนหมิงเจี้ยนร้องอย่างหมดหวังและหวาดกลัว
“พร๊าก”
ไป๋ยี่เฟยบาดมีดลงไป เลือดก็พุ่งออกจากคอซุนหมิงเจี้ยน เลือดสาดทั่วระเบียง พื้น และร่างไป๋ยี่เฟย
“ปัง”
ซุนหมิงเจี้ยนก็ถูกโยนลงจากระเบียง หล่นอยู่ตรงหน้าเต้าจ่างพอดี มองเต้าจ่างตายตาไม่หลับ
วินาทีนี้เงียบสงบเหมือนป่าช้า
เงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจ
เวลาเดียวกัน เสียงเต้าจ่างก็ดังขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ผลลัพธ์ของแกก็มีเพียงอย่างเดียว”
จากนั้นเต้าจ่างก็พูดกับทุกคน “ไป๋ยี่เฟยจับตาย คนอื่นตายหมด”
“ฆ่ามัน”
จากนั้นเสียงดังขึ้น การต่อสู้เริ่มขึ้น
สิบตระกูลใหญ่มาแค่ห้าตระกูล แต่ทุกตระกูลมียอดฝีมือระดับที่สามทุกบ้าน ก็เท่ากับว่าทุกตระกูลมีคนอย่างไป๋หู่อยู่หนึ่งคน
รวมกับระดับสี่บางส่วนกับพวกมือสมัครเล่นหลายสิบคน รวมกันแล้วก็มากพอสมควร ขณะนี้พวกเขาพากันบุกเข้าคฤหาสน์ ตะโกนเสียงดังเหมือนการรบกันสมัยโบราณ ดูแล้วน่าอลังการ
มิน่าสหพันธ์เมืองหลวงถึงต้องอาศัยสี่ตระกูลใหญ่ นอกจากฝีมือของเต้าจ่างเหนือคนอื่นแล้ว ยังมีศิษย์น้องของเขา และแผนกแปดสหพันธ์ธุรกิจ
แผนกแปดสหพันธ์ธุรกิจเป็นแผนการต่อสู้ แผนกนี้รับผิดชอบเรื่องที่ต้องจัดการด้วยการใช้อาวุธและความรุนแรง
ในกลุ่มนี้ก็มียอดฝีมือระดับสามและสองอยู่บ้าง
……
ไป๋ยี่เฟยที่ยืนอยู่บนระเบียงขณะนี้ มองดูคนที่บุกเข้ามา ไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย
เขารู้ว่าครั้งนี้คงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง
แต่เขาก็ยังคงยกมีดขึ้นมาอย่างหนักแน่น ใช้น้ำเสียงต่ำพูดว่า “ฆ่าออกไป”
คนทั้งสองฝ่ายเจอกันอย่างเร็ว
คนของฝ่ายไป๋ยี่เฟย นอกจากเฉินห้าวแล้ว ฝีมืออ่อนสุดก็อยู่ระดับที่สี่ แต่พวกเขารวมกันก็แค่สามสิบคน เมื่อเทียบกับคนข้างนอกมากมาย แทบเทียบไม่ได้เลย
แต่ฝีมือของฝ่ายตรงข้ามต่างกันมาก คนที่บุกเข้ามาก่อนเป็นพวกฝีมืออ่อนหัด เพราะฉะนั้นเมื่อเจอกับคนของไป๋ยี่เฟย พวกเขาก็เหมือนปลาบนเขียง ที่รอคนเชือด
จงเหลียนถือมีดใบใหญ่ของตัวเอง ในสถานที่แคบแบบนี้ กลับเห็นข้อดีของมันเลย มีดฟันไปทีเดียวก็โดนหลายคน ประหยัดแรงประหยัดเวลา
ไป๋หู่ยังคงไม่มีอาวุธ เขาใช้หมัดและขาของตัวเอง ต่อยลงบนร่างของคนที่บุกเข้ามา จนมีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างดัง
เฉินอ้าวเจียวยิ่งไม่ต้องพูดถึง มือเขาถือมีด ทุกจุดที่ผ่าน เลือดนองเต็ม
ทันใดนั้น มีเงาดำพรวดเข้ามา ต่อยเข้าร่างของคนขององค์กรขวางซา คนชุดดำกระเด็นไกล
คนที่ลงมือนั้นเป็นยอดฝีมือระดับสองของสหพันธ์ ดูแล้วอายุประมาณห้าสิบปี ไม่ค่อยสูง ตาเล็กเหมือนโจร
จากนั้นยอดฝีมือระดับสองคนนั้นก็ต่อยไปที่ร่างคนชุดดำ จากนั้นก็ส่ายหัว “ก็แค่นักธุรกิจจากเมืองเล็กๆคนหนึ่ง ถึงแม้จะมีบอดี้การ์ดระดับสี่กลุ่มหนึ่ง ก็ไม่พอ”
“เต้าจ่างกลับใช้กำลังมากขนาดนี้มาสู้กับเขา คิดมากไปแล้ว”
ขณะที่เขาเพิ่งพูดจบ ก็มีมีดปลิวมาจากข้างกายเธอ
ยอดฝีมือระดับสองที่รู้สึกถึงอันตรายรีบหันกลับมา ยกมือปัด แต่ไม่โดน
ยอดฝีมือระดับสองตะลึง จากนั้นรู้สึกถึงลมพัดผ่านข้างหู และความเร็วนั้น เขาแทบไม่ทันตอบสนอง
จึงเลือกวิธีการรักษาชีวิตไว้ก่อน เขากลิ้งบนพื้น หลบการโจมตีได้
เขายังได้ลุกขึ้นจากพื้น มีดของเฉินอ้าวเจียวก็ฟันมาข้างหน้าเขาอีก เร็วจนเขาดูไม่ทัน ดังนั้นเขาก็ตกใจรีบวิ่งหนี และยังพูดด่า “เหี้ยเอ้ย ทำไมยังมียอดฝีมือระดับสอง?”
เวลาเดียวกัน ก็มีเสียงดังขึ้น
“โคร่ง”
กำแพงในคฤหาสน์ด้านหนึ่งถล่มลงมา แตกเป็นช่องขนาดใหญ่
จากนั้นก็มีรถกระบะใหญ่ขับเข้ามา กระแทกแบนราบไปแผ่นหนึ่ง
ทุกคนที่เห็นภาพนี้แล้วก็ต่างกระเจิงไปคนละที่
มีคนลงมาจากรถสี่คน หนึ่งในนั้นคือหลินขวาง
เขาลงจากรถ ก็หัวเราะให้กับไป๋ยี่เฟยที่อยู่บนระเบียง “ฮาฮาฮา…….”
“พี่ไป๋ รวมผมด้วยคนหนึ่ง”
ไป๋ยี่เฟยเห็นหลินขวางกลับมา ก็รู้สึกตื้นตันใจ
ความจริงตั้งแต่แรก เขาไม่ได้มีความจริงใจกับหลินขวางมาก เพราะเขาไม่เชื่อหลินขวาง เพราะหลินขวางเป็นเพื่อนของไป๋เซี่ยว
แต่หลังจากนั้น จำเป็นต้องให้หลินขวางช่วย หลินขวางก็ช่วยเขาอย่างเต็มที่
มีเพื่อนแบบนี้ ยังมีเหตุผลอะไรที่เขาไม่เชื่ออีก?
สิ่งที่พิเศษก็คือเขายังเป็นคุณชายตระกูลใหญ่อีก ทั้งๆที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ยังยอมเอาตัวเองเข้าเสี่ยง จะไม่ตื้นตันได้ยังไง?
ไป๋ยี่เฟยมองหลินขวางข้างล่างแล้วตะโกนพูดว่า “หลินขวาง ถ้าวันนี้มีชีวิตออกไปได้ ฉันจะไหว้สาบานพี่น้องกับนาย”
เมื่อตะโกนเสร็จ เขาก็กระโดดลงจากชั้นสาม โดดไประเบียงชั้นสอง จากนั้นก็กระโดดอีก ลงไปสนามชั้นหนึ่ง
เขาหยิบมีดขึ้นมาใบหนึ่ง พุ่งเข้าไปในกลุ่มคน
หลินขวางยังพาคนมาอีกสามคน เป็นยอดฝีมือระดับสาม พวกเขาต่อสู้กับยอดฝีมือของสหพันธ์
ไป๋ยี่เฟยกำลังเข้าไปฝั่งหลินขวาง แต่ระหว่างทางเจอคนมากมาย พวกเขาเห็นว่าเป็นไป๋ยี่เฟย ก็พากันบุกเข้าหา
ไป๋ยี่เฟยเป็นคนมีความสามารถ ไหวพริบก็ดี ถึงแม้จะไม่ได้ฝึกจนถึงระดับลึก แต่เท่าที่ดูแล้วก็ถือว่าดีมากแล้ว
ตอนนี้ในหัวเขานึกถึงภาพที่ซาเฟยหยางถือมีดท่ามกลางผู้คน
เขาก็เลียนแบบซาเฟยหยาง พุ่งเข้าไปในกลุ่มคน เขานิ่งเฉย ท่าทางสบาย หลายคนเห็นเขาแบบนี้ ก็คิดว่าไป๋ยี่เฟยไม่มีความสามารถอะไร
ดังนั้นก็วิ่งเข้าหาเอง
ไป๋ยี่เฟยโบกมีดในมือ คนเหล่านั้นถูกฟันทุกคน
ในวินาทีนี้ ไป๋ยี่เฟยรู้สึกดีใจ เขารู้สึกว่าหาวิธีการใช้มีดได้แล้ว
แต่นี่เป็นเพียงความรู้สึก เมื่อเทียบกับซาเฟยหยางแล้วยังอีกไกล ถ้าเขาเจอคนใช้มีดเป็นอีก น่าจะโดนไปหลายครั้งแล้ว
ตอนนี้เขาเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นภาพที่ทำให้เขาตกใจ
ข้างหลังหลินขวางมียอดฝีมือคนหนึ่ง มือถือมีด จะแทงไปด้านหลินขวาง
“ระวัง” ไป๋ยี่เฟยรีบตะโกน
หลินขวางกลับมาช่วยอย่างไม่ห่วงผลลัพธ์ ก็ทำให้ไป๋ยี่เฟยดีใจแล้ว แต่ถ้าหลินขวางเกิดอะไรขึ้น แบบนั้นไป๋ยี่เฟยต้องเสียใจมาก