เลือดบนท้องของฉางเชี่ยวไหลไม่หยุด ย้อมเสื้อจนแดงไปทั้งแผ่น เขาหลังพิงกำแพง หายใจหอบ สีหน้าเฉยชา เขาพูดว่า “ฉันเคยตกลงกับเพื่อน จะปกป้องด้วยชีวิต”
นี่ไม่ใช่คำพูดเดิมของเขา แต่เป็นคำพูดตรงกันข้ามกัน
ยอดฝีมือระดับสามถอนหายใจพูด “น่าอิจฉาเขา”
“เพราะอะไร?” ฉางเชี่ยวถาม
“เพราะเขาเป็นเพื่อนนาย”
ยอดฝีมือระดับสามพูดจบแล้ว ส่ายหัวพูดต่อ “แต่ว่า รถที่นายชนคันนั้น ข้างในมีคนตายไปคนหนึ่ง”
“ออ” ฉางเชี่ยวไม่ได้รู้สึกสนใจ ตายก็ตาย
ยอดฝีมือระดับสามพูดเสียงเย็นชา “เขาคือคุณชายตระกูลจู”
“นายฆ่าเขา”
เห็นได้ชัดว่า ยอดฝีมือระดับสามสองคนนี้ไม่ปล่อยเขาไปแน่
วินาทีต่อมาพวกเขาขยับพร้อมกัน เข้าหาฉางเชี่ยว
ฉางเชี่ยวบาดเจ็บสาหัส สู้กับสองคนนี้ไม่ไหวอยู่แล้ว แม้แต่คนเดียวก็ไม่ไหว
เขารู้ว่าตัวเองหนีไม่รอด เงยหน้าขึ้นหัวเราะ มีร่างที่คุ้นเคยปรากฏในสมองของเขา ข้างหูยังมีเสียงแว่ว “พี่ฉางเชี่ยว”
……
คฤหาสน์ตระกูลซุน
การสู้ฟันจากในคฤหาสน์มาถึงนอกคฤหาสน์
เต้าจ่างต่อสู้กับซาเฟยหยาง
เต้าจ่างใส่ชุดจีนโบราณ แบบหลวม ตอนสู้กับซาเฟยหยาง แขนเสื้อก็เหมือนถูกลมพัด สะบัดไหวไปมา
ทั้งสองคนโดนไปแค่ฝ่ามือเดียว ดูเหมือนเบาหวิว แต่เต็มไปด้วยเรี่ยวแรง
“โคร่ง”
ทั้งสองคนต่างก็ถอยไปหลายก้าว
พวกเขายังไหว แต่แรงของฝ่ามือนี้เต็มไปด้วยเรี่ยวแรงลึกลับ เรี่ยวแรงนั้นทำให้คนรอบข้างสะเทือนจนล้มไปกับพื้น
เต้าจ่างมองซาเฟยหยางอย่างตะลึง “คุณเป็นใคร?”
ซาเฟยหยางมีสีหน้าเคร่งเครียดเป็นครั้งแรก
ฝ่ามือเมื่อครู่ดูออกว่า ฝีมือทั้งสองไม่ต่างกันมาก เพราะฉะนั้นซาเฟยหยางถึงได้เคร่งเครียด
แต่พวกเขาหยุดกันโจมตีทั้งสองคน จากนั้นก็ถอยหลังทั้งสองคน
ไป๋ยี่เฟยมองซาเฟยหยางกับเต้าจ่างอย่างตื่นเต้น เพราะเขาอยากเห็นว่าคนฝีมือระดับพวกเขาสู้กันแล้วจะเป็นยังไง
แต่พอเขาหันกลับไปดูเพื่อนของตัวเอง ในใจก็เริ่มรู้สึกหนักใจขึ้นมา
คนที่เขาฝึกฝนขึ้นมาอย่างไม่ง่ายเลย ตอนนี้สูญเสียไปแปดคนแล้ว
ไป๋หู่กับจงเหลียนบาดเจ็บไม่เบา ตอนแรกเฉินอ้าวเจียวยังไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนี้ก็บาดเจ็บแล้ว
แน่นอนฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้ดีไปถึงไหน
คนฝีมือธรรมดาตายกันเป็นแถว ฉีฉีกับเฉินอ้าวเจียวต่างฆ่ายอดฝีมือระดับสองไปหนึ่งคน ระดับสามก็ตายไปหลายคน ระดับสี่ตายไปเยอะกว่า
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่เต้าจ่างกับซาเฟยหยางอีกครั้ง
ซาเฟยหยางสีหน้าหนักใจ ไม่ได้ตอบคำถามเต้าจ่าง แต่พูดกับเต้าจ่างว่า “ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง คุณอยากเป็นนกขมิ้นตัวไหนเหรอ?”
“ที่น่าเสียดายคือ อาจารย์ของคุณให้คุณรับใช้อีกคนหนึ่ง คุณกลับใช้ข้ออ้างนี้ เพื่อเติมเต็มความโลภของตัวเอง”
“ดูจากหน้าคุณแล้ว ภัยร้าย คาดว่าชีวิตไม่ยาว”
“พูดไปเลื่อย คุณเป็นใครกันแน่?” เต้าจ่างหน้าเครียด
ซาเฟยหยางติดอย่างตั้งใจแล้วพูดว่า “เมื่อก่อนจำไม่ได้แล้ว ตอนนี้ผมเป็นเพื่อนของไป๋ยี่เฟย”
พูดจบแล้วก็รู้สึกเหมือนไม่ถูก จึงหันไปมองไป๋ยี่เฟย ถามอย่างไม่แน่ใจ “ใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าจริงจัง “ใช่”
เต้าจ่างก็หันมามอง สีหน้าไม่เข้าใจ “ดูถูกคุณไปหน่อย”
ในใจไป๋ยี่เฟยเพราะว่าพี่น้องตัวเองแต่ละคนได้รับบาดเจ็บกัน ยังตายไปหลายคน เต้าจ่างพูดแบบนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีใจแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้รู้สึกโกรธ “เกี่ยวอะไรกับแก ไอ้โง่”
คำพูดนี้ทำให้เต้าจ่างโมโหทันที
เต้าจ่างทำเสียงในคอ ขยับตัว พุ่งเข้าหาไป๋ยี่เฟยเหมือนเงา
เขารวดเร็วมาก ทำให้คนมองแทบไม่ทัน
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็ตะลึง หัวใจขึ้นมาถึงลำคอ
เขาเพิ่งเคยเห็นความเร็วของคนเร็วได้ขนาดนี้ เร็วจนเห็นแค่เงา ทำให้คนหลบไม่ทัน
และเวลาเดียวกัน ซาเฟยหยางก็ขยับตัวไปข้างหน้า ไปอยู่ข้างหน้าเต้าจ่าง จากนั้นก็ใช้ท่าไทเก๊กแปดทิศ
ได้ยินเพียงเสียงดัง แล้วเห็นซาเฟยหยางถอยไปหลายก้าว เต้าจ่างขยับไปข้างหน้า
ไป๋ยี่เฟยได้แค่ยื่นมือไปประคองซาเฟยหยาง สีหน้าเคร่งเครียด ถามอย่างเป็นห่วง “ผู้อาวุโส เป็นอะไรมากไหมครับ?”
ซาฟยหยางเลือดซึมที่มุมปากนิดหน่อย ยิ้มพูด “คนนี้วิชาสูง”
เมื่อกี้ทั้งสองประลองฝีมือกัน เต้าจ่างออกไปสามฝ่ามือ ซาเฟยหยางใช้แขนขวางไปสามฝ่ามือ แต่แค่ครั้งแรกเต้าจ่างก็รู้ถึงแรงของซาเฟยหยางแล้ว ดังนี้ครั้งนี้เขาจึงใช้แรงแบบที่ซาเฟยหยางใช้
สะบัดแขนด้วยความเร็ว ใกล้ถูกเป้าหมายแล้วค่อยใช้แรงลึกลับ
ซาเฟยหยางต้องถอนหายใจ พูดกับเต้าจ่างว่า “จุดเด่นของฉันก็คือการใช้แรงลึกลับ ลองมือกันแค่ไม่กี่ครั้ง ก็ฝึกได้แล้ว”
จากนั้นก็พูดว่า “คุณสืบทอดวิชาของซินชิว กับสิ่งนี้แล้ว ผมสู้คุณไม่ได้”
ได้ยินคำพูดของซาเฟยหยางแล้ว ไป๋ยี่เฟยกับคนอื่นๆที่เห็นต่างก็ตะลึง
แค่ลองมือกันเพียงไม่กี่ครั้ง ก็สามารถรู้วิธีการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม จากนั้นก็นำมาใช้เอง ความสามารถแบบนี้ คือระดับไหนกัน?
จากที่ดูแล้ว เต้าจ่างยอดฝีมือระดับสองความสามารถตามชื่อเสียง
เต้าจ่างยืนนิ่งแล้วมือไขว้หลัง พูดด้วยเสียงเรียบ “คุณมีความสามารถขนาดนี้ก็ไม่ธรรมดา ทำไมต้องเอาชีวิตเข้าแลกกับคนที่เพิ่งรู้จัก?”
“ถ้าคุณเข้าร่วมสหพันธ์ธุรกิจ ด้วยความสามารถของคุณแล้ว ความร่ำรวยตลอดชีวิต สบายได้ทั้งชาติ”
“ยังไง?”
เต้าจ่างอยากให้ซาเฟยหยางเป็นคนของตัวเอง เพราะความสามารถอย่างซาเฟยหยางไม่ได้หาง่ายๆ เขารู้สึกเสียดาย แต่เป้าหมายหลักของเขาก็คือฆ่าไป๋ยี่เฟย
ขอแค่ซาเฟยหยางเปลี่ยนข้าง อย่างนี้ จะฆ่าไป๋ยี่เฟย ก็เป็นเรื่องง่ายดาย
แต่แรงดึงดูดด้วยความร่ำรวยสำหรับซาเฟยหยางแล้วไม่ใช่แรงดึงดูดแม้แต่น้อย
ซาเฟยหยางคิดถึงเวลาสิบหกปีที่เขาถูกขังในถ้ำทองคำ ก็หัวเราะ “เงิน เป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบและเกลียดที่สุด”
พูดไปซาเฟยหยางก็มองไป๋ยี่เฟย แล้วพูดกับเต้าจ่างอย่างจริงจัง “เมื่อเทียบกับเงิน สิ่งที่ผมชอบคือความอิสระ เขาให้ความอิสระกับผม ดังนั้น ผมไม่รับ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแล้วก็รู้สึกดีใจ ก่อนหน้านี้เขายังคอยระวังซาเฟยหยางอยู่ เพราะตัวตนเขายังทำให้คนวางใจไม่ได้ แต่ตอนนี้ เขารู้สึกขอโทษในใจ
เวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกว่า ตั้งแต่วันนี้จะไม่สงสัยซาเฟยหยางอีก
สีหน้าเต้าจ่างไม่ดี หรี่ตามองซาเฟยหยาง “ตายก็ไม่กลัวเหรอ?”
เต้าจ่างรู้แนวทางการต่อสู้ของซาเฟยหยางแล้ว บวกกับซาเฟยหยางก็ยอมรับเองแล้ว สู้เขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นการปฏิเสธของซาเฟยหยางก็เท่ากับตาย
เวลาเดียวกัน รถเก๋งรุ่นเก่าคันหนึ่งขับเข้ามา
จากนั้นก็มีคนเดินลงจากรถ เสียงดังกึกก้อง “ถ้ารวมฉันเข้าไปด้วยละ?”
หลายคนได้ยินก็หันไปมอง คือไป๋หยุนเผิงมาแล้ว
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นไป๋หยุนเผิงแล้ว ก็รู้สึกวุ่นวายใจ
เขาไม่รู้จะเผชิญหน้ายังไงกับพ่อแท้ๆคนนี้ เพราะเขาถูกส่งออกไปตั้งแต่เล็ก ยี่สิบปีมานี้เขาไม่เคยทำหน้าที่ของคนเป็นพ่อเลย
แต่ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็เป็นพ่อลูกที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด
ก็เพราะไป๋หยุนเผิง ไป๋ยี่เฟยถึงมีโอกาสได้รับช่วงต่อโหวจวี๋กรุ๊ป ทำให้ชีวิตเขามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ระหว่างนี้เพราะเรื่องของเหลียงหมิงเยว่ ไป๋หยุนเผิงเอาโหวจวี๋กรุ๊ปให้เย่เจี่ย แต่ตอนนั้นไป๋ยี่เฟยสามารถเอาโหวจวี๋กรุ๊ปกลับมาได้
สิ่งที่ทำให้เขาโมโหก็คือ ไป๋เซี่ยว น้องชายแท้ๆของเขา จะฆ่าเขาให้ตาย ส่วนไป๋หยุนเผิงแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ความลำเอียงอย่างชัดเจน เพื่ออะไร?