ดังนั้นไป๋เฟยหลงจึงเงียบลง และที่เงียบเช่นนี้ก็คือการเห็นด้วยกลายๆ
บอดี้การ์ดคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นยอดฝีมือระดับที่สามชั้นสูง ส่วนไป๋ยี่เฟยเป็นแค่ระดับที่สามชั้นกลาง แถมตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บหนัก
คนชุดดำที่อยู่ข้างกายไป๋ยี่เฟยมีแค่สองคน คนหนึ่งตอนนี้กำลังนอนสลบอยู่บนพื้น อีกคนหนึ่งเป็นแค่ระดังสี่ชั้นกลางเท่านั้น คนอย่างพวกเขาต้องการจับตัวไป๋ยี่เฟย ก็ทำได้ง่ายดายอย่างยิ่ง
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่มีความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นยังพยุงตัวขึ้นมาหัวเราะเยาะเบาๆ
การหัวเราะเยาะเช่นนี้ถูกยอดฝีมือเห็นเข้าก็โกรธจัดยิ่งกว่าเดิม เพราะรู้สึกว่าตนเองถูกดูแคลน
คนคนนั้นตะโกนเสียงดังว่า “ไป๋ยี่เฟย นี่แกหาเหาใส่หัวเองนะ วันนี้จะทำให้แกได้เห็นจุดจบที่กล้าหัวเราะเยาะฉัน!”
หลังพูดประโยคนี้จบ ก็พุ่งเข้าไปหาไป๋ยี่เฟย
“พลั่ก!”
ตอนที่ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว คนคนนั้นก็ปลิวกระเด็นออกไปทันที กระแทกเข้ากับกำแพงห้อง เกิดเป็นเสียงของตกลงกับพื้น
ทุกคนต่างตะลึงงันกันไปหมด มองไป๋ยี่เฟยอย่างไม่เชื่อสายตา
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด แค่เพิ่มน้ำเสียงเหน็บแนมว่า “ตอนนี้นอกจากมือสองข้างแล้ว ก็ยังมีขาคู่นั้นอีก”
เวลานี้เองที่ข้างตัวไป๋ยี่เฟยมีคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
พวกเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายวัยกลางคนคนนี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกทั้งเขาแค่แตะเบาๆ ก็อัดยอดฝีมือระดับที่สามคนนั้นกระเด็นออกไปด้วยหมัดเดียว
คนทั้งหมดต่างมองคนผู้นั้นอย่างตกตะลึง
ไม่ต้องบอก คนผู้นี้ย่อมเป็นซาเฟยหยาง
อันที่จริงซาเฟยหยางอยู่ตรงนี้มาตลอด เพียงแค่พวกเขาไม่เคยสังเกตเห็นเท่านั้นเอง
พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ไปสถานที่เมื่อวาน ย่อมไม่รู้จักซาเฟยหยางผู้นี้ ดังนั้นพวกเขาจึงตกตะลึงอย่างมาก
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้หันไปมองพวกเขาอีก แต่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “นายซา รบกวนคุณทำลายมือเท้านายคนนั้นให้ด้วย”
ไป๋เฟยหลงพลันตกใจทันที ต่อมาก็กล่าวอย่างรีบร้อนว่า “ไป๋ยี่เฟย ฉันเป็นลุงเธอนะ เขาเป็นลูกน้องฉัน เธออย่าทำเกินไปนักสิ!”
เพราะมีซาเฟยหยาง ไป๋เฟยหลงจึงถูกทำให้ตกใจกลัว
เรื่องเมื่อเย็นวาน พวกเขาแค่ได้ยินจากข่าวลือ อีกทั้งในมุมมองของพวกเขาข่าวลือพวกนี้ก็แค่พูดเกินจริงเท่านั้น รู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย ก็บุญมากแล้ว
แต่เรื่องเหล่านี้เป็นไป๋หยุนเผิงกับหลินขวางจงใจทำเช่นนี้
ทว่าไป๋เฟยหลงคิดไม่ถึงว่าในบรรดาลูกน้องของไป๋ยี่เฟย จะถึงกับมียอดฝีมือที่น่ากลัวขนาดนี้ด้วย
ไป๋ยี่เฟยฟังคำพูดของไป๋เฟยหลงแล้ว จึงทนหัวเราะเยาะไม่ไหว “คุณบอกว่าคุณเป็นลุงของผม?”
“ที่พูดมาก็จริงอยู่ ลูกน้องของคุณลุงก็คือพี่น้อง แล้วลูกน้องของผมไม่ใช่พี่น้อง?
“พี่น้องผมเป็นห่วงผม เฝ้าประตูให้ผม ไม่ให้คนแปลกหน้าเข้ามา เขาทำผิดอะไร?”
“แต่คุณเพียงเพราะสิ่งนี้ ก็ให้ลูกน้องคุณเล่นงานพี่น้องผมจนมีสภาพแบบนี้ ยังบอกว่าไม่เกินไปอีกหรือ?”
“ยิ่งกว่านั้นหากผมทำเกินไปบ้าง คุณจะทำอย่างไรได้?”
ไป๋เฟยหลงอ้าปาก แต่กลับพูดไม่ออกสักคำ
ไป๋เฟยหลงเป็นฝ่ายผิดจริงๆ แม้ภายในใจจะไม่พอใจมากเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าให้คนลงมืออีก ถึงอย่างไรก็ยังมีซาเฟยหยางอยู่ที่นี่อีกหนึ่งคน
และซาเฟยหยางไม่ได้สนใจว่าไป๋เฟยหลงเห็นด้วยหรือไม่ เขาฟังเพียงคำพูดของไป๋ยี่เฟย ดังนั้นตอนที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน เขาก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนคนนั้นแล้ว
คนคนนั้นตกใจจนโบกมือติดๆ กัน “ไม่ๆๆ ผมสำนึกผิดแล้ว ผมขอโทษ ผม……”
“อ๊าก!”
คำพูดของเขาถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องโหยหวน
การกระทำของซาเฟยหยางรวดเร็วมาก ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปเฉยๆ หักไปที่มือของคนคนนั้นเบาๆ ก็หักแล้ว
ไป๋เฟยหลงพลันตาแดงอย่างร้อนใจทันที น้ำเสียงเองก็อ่อนลงกว่าเดิมมาก “ไป๋ยี่เฟย เห็นแก่หน้าลุง มีอะไรก็พูดกันดีๆ”
เขาคิดว่าขอเพียงเขาวางท่าทีให้อ่อนลง ไป๋ยี่เฟยก็จะแล้วกันไป แต่เขาไม่ได้รู้จักไป๋ยี่เฟยเลยสักนิด
ไป๋ยี่เฟยเพียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คำที่ผมเคยพูดไปแล้วจะต้องทำให้ได้ เรื่องนี้ไม่มีการต่อรอง จะหน้าใครก็เปล่าประโยชน์ รวมถึงไป๋หยุนเผิงด้วย!”
“กร๊อบ!”
เกิดเสียงของหักดังขึ้น แขนอีกข้างหนึ่งของคนคนนั้นถูกหักลง
“อ๊าก!”
คนคนนั้นกุมแขนตัวเองร้องโหยหวน ถึงขนาดกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น
ไป๋เฟยหลงเห็นภาพนี้ ก็กำหมัดแน่น จ้องไป๋ยี่เฟยเขม็ง “ไป๋ยี่เฟย!”
“ทำต่อ”
ซาเฟยหยางแตะเบาๆ ต่อ ขาสองข้างของคนคนนั้นก็หักลง
สิบกว่านาทีให้หลัง สีหน้าไป๋เฟยหลงมืดครึ้ม ส่งคนคนนั้นไปห้องฉุกเฉิน
ไป๋ยี่เฟยเองก็ให้นำคนชุดดำที่ได้รับบาดเจ็บไปส่งห้องฉุกเฉินเช่นกัน
ตอนนี้ไป๋เฟยหลงเยือกเย็นลงมาก เขาสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้คลี่คลายแล้ว ไป๋ยี่เฟย อย่างไรพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันไม่ทะเลาะกับเธอแล้ว ตอนนี้รีบปล่อยเจียวเจียวเถอะ ต่อไป หากเธอมาเมืองหลวง ต้องการความช่วยเหลือ ลุงจะต้องช่วยสุดความสามารถแน่”
“หากเป็นคนอื่น ผมปล่อยไปนานแล้ว เพราะอย่างไรในสายตาผม เธอก็แค่คนโง่คนหนึ่งเท่านั้น แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่เธอแซ่ไป๋” ไป๋ยี่เฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เธอหมายความว่ายังไง?” ไป๋เฟยหลงร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ตระหนักถึงความร้อนใจของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว จึงปล่อยน้ำเสียงให้คลายลงแล้วพูดว่า “ขอเพียงหลานปล่อยเธอ ต่อไปลุงจะเฝ้าดูเธออย่างเข้มงวด ไม่ปล่อยให้เธอไปตั้งตัวเป็นศัตรูกับหลานอีก”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้าน้อยๆ พลางกล่าวว่า “คุณลุงเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของผมคือ คนตระกูลไป๋โง่ขนาดนี้ พูดออกไปผมจะขายหน้าเอาได้ ดังนั้นขังเธอไว้สักหนึ่งวัน ผมก็จะปล่อยเธอไป แต่หากเธอยังทำตัวโง่ต่อไปอีก อย่างนั้นผมก็จะไม่ถือสาช่วยคุณลุงสั่งสอนเธอสักหน่อย”
ไป๋เฟยหลงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ดำมืดจนน่ากลัว
ลูกบ้านใครถูกผู้อื่นบอกว่าโง่เขลา คาดว่าคงจะไม่ดีใจกันทั้งนั้น แต่ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็คลายปากที่กัดของไว้เสียที ทำให้เขาวางใจลงได้บ้าง
“วางใจ ลุงจะสั่งสอนให้มากๆ เอง” ไป๋เฟยหลงฝืนฉีกยิ้มออกมา จากนั้นก็หมุนตัวต้องการจะจากไป
ไป๋ยี่เฟยกลับร้องเรียกกะทันหัน “คุณลุง”
ไป๋เฟยหลงหยุดเดิน หันหน้ามามองเขา
ไป๋ยี่เฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเรียบเฉยว่า “ในที่สุดผมก็ได้รู้เสียทีว่าเพราะอะไรหัวหน้าตระกูลถึงไม่ใช่คุณ”
ไป๋เฟยหลงที่มีสีหน้าไม่สู้ดีเป็นทุนเดิมพลันเพิ่มความไม่น่าดูมากขึ้นไปอีก ภายในใจมีความโกรธสายหนึ่งอยากจะปะทุออกมา แต่ตอนนี้ไป๋เจียวยังอยู่ในเงื้อมมือไป๋ยี่เฟย จึงได้แต่กักเก็บเอาไว้
ไป๋ยี่เฟยพูดต่อ “การที่ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลไม่ใช่คุณ จึงจะเป็นการเลือกที่ฉลาดที่สุด”
ไป๋เฟยหลงกำหมัดแน่น แค่นเสียงเย็นชาออกมา คิดดูแล้วในใจยังคงไม่ยินยอม
เวลานี้ไป๋ยี่เฟยเอ่ยปากขึ้นอีกว่า “ยังมีอีกเรื่อง พี่น้องของผมถูกลูกน้องคุณทำร้ายจนบาดเจ็บ ค่ารักษาจะให้ไปทวงกับคุณ หรือลูกน้องคุณ?”
ไป๋เฟยหลงตอบเสียงเย็น “มือเท้าคู่นั้นของเขาก็ถูกแกหักนะ!”
หรือว่านี่ยังไม่พออีกใช่ไหม?
ไปยี่เฟยพูดเสียงเรียบ “คุณลุง คำพูดอย่าเที่ยวพูดสุ่มสี่สุ่มห้า ตอนนี้ผมยังได้รับบาดเจ็บหนักอยู่นะ จะไปหักแขนขาของยอดฝีมือระดับที่สามชั้นสูงคนหนึ่งได้อย่างไรกัน?”
“เรื่องนี้ต้องพูดให้ชัดเจน คนที่หักแขนขาลูกน้องคุณคือเขา ค่ารักษาพยาบาลคุณไปเก็บที่เขาได้ แต่พี่น้องคุณทำร้ายพี่น้องผม ค่ารักษานี้หากคุณไม่ออกล่ะก็ ผมคงได้แต่ไปทวงเอากับเขาแล้ว” ไป๋ยี่เฟยทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งชี้ไปที่ซาเฟยหยาง
ไป๋เฟยหลงเบิกตากว้าง ลอบมองซาเฟยหยางแวบหนึ่ง ยอดฝีมือที่ร้ายกาจเช่นนี้อย่างซาเฟยหยาง ใครจะกล้าไปทวงเงินกับเขากัน?
สุดท้าย ไป๋เฟยหลงก็กัดฟันพูดเสียงลอดไรฟันว่า “ได้!”
“ต้องการเท่าไหร่?”
“แสนหนึ่งแล้วกัน หากเกินค่อยคืนคุณ” ไป๋ยี่เฟยกล่าวยิ้มๆ
ไป๋เฟยหลงเกือบถูกความโกรธของตัวเองฆ่าตาย แสนหนึ่งสำหรับไป๋ยี่เฟยและเขาแล้วล้วนเป็นเงินเพียงเล็กน้อย แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเงิน ว่ากันถึงที่สุดแล้ว ไป๋ยี่เฟยแค่จะอาศัยเรื่องนี้มาฉีกหน้าเขาเท่านั้น
……
หลังไป๋เฟยหลงจากไปก็มีมาอีกคนหนึ่ง ต้องการพบไป๋ยี่เฟย คนนี้ก็คือฟางหยัน
ไป๋ยี่เฟยเพิ่งจะเริ่มไม่อยากพบเธอ แต่เมื่อวานเย็นฟางหยันอยู่ที่บ้านซุนหมิงเจี้ยน เช่นนี้แล้ว ฟางหยันก็คงจะรู้จักสิ่งต่างๆ มากขึ้น
ไป๋ยี่เฟยให้เฉินห้าวพาฟางหยันเข้ามา
ฟางหยันในเวลานี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เธอได้ยินผลเมื่อวานแล้ว เธอเห็นเขาเป็นไอดอลน่าเคารพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอผ่านเรื่องเมื่อวานไปก็ยิ่งน่าเคารพกว่าเดิม
ตอนนี้เธออยากจะพบไอดอลคนนี้จะแย่แล้ว จึงตื่นเต้นจนยากจะระงับ
แต่ตอนที่เธอโอบความรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปในห้องผู้ป่วย ก็ต้องสงบจิตใจลงทันที เพราะแต่ละคนภายในห้องมีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดอย่างมาก บรรยากาศภายในห้องก็มาคุด้วยเช่นกัน ทำให้เธอหวาดกลัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว