ในเวลานี้อยู่บนเก้าอี้หวายของสวนดอกไม้อีกฝั่งหนึ่ง มีคู่รักกำลังจูบกันกอดกันอยู่
หลังจากหยางเฉียวได้เห็นใบหน้าแดงขึ้นทันที
สวีลั่งสังเกตเห็นหยางเฉียวแล้ว จากนั้นก็หันหน้าไปมองหนึ่งทีเช่นกัน ทันใดนั้นสีหน้าก็แดงขึ้นเล็กน้อย ยังมีความอึดอัดเล็กน้อยพูดว่า “วัยรุ่นเหล่านี้ในปัจจุบันช่างไม่รู้จักอายจริงๆ!”
“แต่ว่า……” สวีลั่งหยุดชะงักหนึ่งที
ได้ยินว่าหยุดชะงักแล้ว โดยจิตใต้สำนึกของหยางเฉียวเงยหน้าไปมองสวีลั่ง จากนั้นก็เห็นสวีลั่งมีลักษณะท่าทีที่แบบอยากรู้อยากเห็น พูดว่า “แต่ว่าความรู้สึกที่จูบกันเป็นแบบไหนหรือ?”
หยางเฉียวอึ้งชะงักหนึ่งที จากนั้นสีหน้ายิ่งแดงแล้ว ก้มหัวลงอย่างแรง อยากจะหารอยร้าวสักที่ทะลวงเข้าไป
และฉีฉีที่หลบอยู่หลังต้นไม้หมุนตัวไป ซุกซ่อนตัวเองไว้โดยสิ้นเชิง จากนั้นเงยหน้าขึ้นฟ้ากะพริบตาอย่างรุนแรง อยากจะกะพริบให้น้ำตาที่ใกล้จะไหลออกมากลับคืนไป
……
ไป๋ยี่เฟยกลับถึงบ้าน ได้เห็นหลี่เสว่ภรรยาของตนเองกำลังรอเขาอยู่ในลานบ้าน
ชั่วพริบตาเดียวใจของไป๋ยี่เฟยก็พึงพอใจแล้ว
ตอนเย็นทั้งสองคนอาบน้ำเสร็จนอนอยู่บนเตียง หลี่เสว่กอดไป๋ยี่เฟยไว้ ลูบหัวของไป๋ยี่เฟยอยู่อย่างเบาๆรักเอ็นดูถามว่า “เจ็บไหม?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวเล็กน้อย ก็กอดหลี่เสว่ไว้เช่นกัน ดมแล้วดมอีกอยู่ที่ลำคอของหลี่เสว่อย่างแรง ดมกลิ่นหอมที่อยู่บนกายของหลี่เสว่ พึงพอใจพักหนึ่ง
ทั้งสองคนกอดกันไว้อย่างเงียบๆสักพัก อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยพูดว่า “ขอบคุณครับ ภรรยาจ๋า”
ไม่มีต้น ไม่มีปลาย แต่ว่าหลี่เสว่ฟังเข้าใจเลย
ตอนที่คนพบเจอกับสภาพที่ลำบากยากแค้นที่ตนเองไม่สามารถแก้ไขจัดการได้ ล้วนมักจะรู้สึกหมดหนทางมากและอยู่ในเวลานี้สามารถทำให้คุณประคองต่อไปได้โดยส่วนใหญ่ล้วนมักจะเป็นจุดเล็กน้อยนั้น ถ้าไม่ก็เป็นเรื่องเรื่องหนึ่งถ้าไม่ก็เป็นคนคนหนึ่ง แต่พูดจนถึงสุดท้ายยังคงเพราะว่าคนคนหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยไม่ต้องพูดมาก หลี่เสว่ก็รู้ว่าอยู่ในเมืองหลวงเกิดอะไรขึ้น ถึงยังไงหลี่เสว่ก็เคยเป็นรองประธานสหพันธ์ธุรกิจอยู่ช่วงหนึ่ง
หลี่เสว่นึกถึงความล่อแหลมอันตรายในตอนนั้นก็เจ็บปวดใจกับนึกกลัวในภายหลังอย่างมาก แต่ว่าเธอยังสามารถเข้าใจถึงไป๋ยี่เฟย
หลี่เสว่ลูบศีรษะของไป๋ยี่เฟยลูบแล้วลูบอีก พูดเสียงเบาๆว่า “อยากทำก็ไปทำเถอะ เรื่องที่พวกเราจะวางมือช้าสักหน่อยก็ได้”
ไป๋ยี่เฟยเงียบไปเลย
หลี่เสว่ไม่ได้รอให้ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ ก้มหัวลงเล็กน้อยจ้องมองหนึ่งที จึงพบเห็นไป๋ยี่เฟยถึงขนาดกอดเธอไว้นอนหลับไปแล้ว
หลี่เสว่อมยิ้มหนึ่งที สายตาอ่อนโยน ใช้มือขาวสะอาดหมดจดคู่นั้นลูบหน้าของไป๋ยี่เฟยอยู่อย่างเบาๆ
“สามีจ๋า แท้ที่จริงฉันมีข่าวดีเรื่องหนึ่งอยากจะบอกคุณ”
“แต่ว่าฉันกลัวว่าเนื่องด้วยเหตุนี้คุณกลับเพิ่มความกังวลอีก จัดการเรื่องราวก็จะไม่มีความเด็ดขาดอย่างเมื่อก่อน”
“ระมัดระวังรอบคอบแท้ที่จริงก็ไม่มีอะไรไม่ดี แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้”
“สามีจ๋าพวก……เรารักคุณ”
……
หลังจากสามวัน
ในสุสานเมืองเทียนเป่ย หนิวต้ายลูกชายของหนิววั่งกำลังยืนอยู่หน้าป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพของหนิววั่ง
มือทั้งสองของหนิวต้ายล้วนเต็มไปด้วยผ้าพันแผล ดอกไม่สดที่เขาถือมาได้เพียงแต่ใช้แขนหนีบไว้
หนิวต้ายจ้องมองรูปถ่ายหนิววั่งที่อยู่บนป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพอย่างเย็นชา หนิววั่งที่อยู่ในรูปถ่ายยังอมยิ้มอยู่
“คราวนี้ท่านพอใจแล้วล่ะ?”
“ผมไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมท่านสามารถเชื่อคนนอกคนหนึ่งไม่สนใจไยดีความเกิดการตายของลูกชายแท้ๆล่ะ?”
หนิวต้ายสีหน้าหนาวเย็น ทั้งมีความบิดเบี้ยวเล็กน้อย “ตกลงว่าท่านเคยถือว่าผมเป็นลูกชายของท่านหรือไม่?”
“ตกลงว่าท่านคิดยังไงกันแน่?”
“ยังไปรับมีดแทนเขาหรือ? ท่านเคยนึกถึงผมหรือไม่ล่ะ?”
“อ่า?”
เขาพูดอยู่ยิ่งมายิ่งโมโห ดอกไม้ที่เดิมทีควรวางไว้อยู่หน้าป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพ ถูกเขาโยนทิ้งอยู่กับพื้นโดยตรง ยังใช้เท้าเหยียบอย่างรุนแรง
“แม่ยังบอกว่าให้ผมมาเยี่ยมท่าน เยี่ยมเหี้ยอะไร ท่านมีสิทธิอะไรหรือ? ตอนที่ผมถูกพวกเขาตัดนิ้ว ทำไมไม่ไปขอร้องคนล่ะ?”
“รู้หรือไม่เวลานั้นผมมีความหวาดกลัวกับหมดหนทางขนาดไหน?”
“ท่านไม่คู่ควรเป็นพ่อของผมเลยสักนิด!”
“ฮึ! ท่านวางใจ ผมจะไปหาไป๋ยี่เฟยแก้แค้น แต่ว่า ไม่ใช่เพื่อท่านแต่เพื่อตัวผมเอง!”
นิ้วของหนิวต้ายเกือบถูกตัดหมดเลย ถึงแม้ว่าตอนนี้ต่อเข้าไปใหม่ ตอนที่ใช้ก็ยังมีความแตกต่างกับเมื่อก่อน
เขากรีดร้องโมโหตะโกนซักถามต่างๆนานาอย่างโกรธจนเต้นเร่าๆ อยู่หน้าป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพ
แต่ว่า พูดถึงครึ่งหนึ่ง กะพริบตาอีก ก็ได้มองเห็นดอกไม้สดใหม่ช่อหนึ่งโผล่ออกมาอยู่หน้าป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพของหนิววั่ง
หนิวต้ายอึ้งชะงักหนึ่งที แล้วจ้องมองดอกไม้ที่ถูกตนเองเหยียบเลอะอยู่กับพื้นอีกหนึ่งที ทันใดนั้นจ้องมองไปยังข้างๆ
มีคนคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆเขา ก็คือไป๋ยี่เฟยที่ไม่รู้โผล่ออกมาจากเมื่อไหร่นั่นเอง
ไป๋ยี่เฟยนำดอกไม้มา ยังนำเหล้ามาด้วย
เขาไม่ได้สนใจหนิวต้ายเลย แต่โค้งคำนับแล้วโค้งคำนับอีกกับป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพของหนิววั่งก่อน จากนั้นเอาเหมาไถที่ดีเยี่ยมขวดหนึ่งเทอยู่หน้าป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพ สีหน้าจริงจังพูดว่า “พี่ ผมรู้ เพราะว่าอาชีพของคุณ คุณไม่ค่อยได้กินเหล้าเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ก็ไม่ต้องร้อนใจแล้วและไม่ต้องกังวลแล้วเช่นกัน พักผ่อนให้ดีๆเถอะ”
แต่ก่อนตอนที่ไป๋ยี่เฟยไปหาหนิววั่งกินเหล้า หนิววั่งมักจะบอกว่า ถ้าหากมีเครสต้องผ่าตัด ดื่มเหล้าไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจหนิวต้ายเหมือนเดิม แต่นั่งอยู่หน้าป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพ พูดเสียงเบาว่า “แท้ที่จริงผมก็ไม่ค่อยได้ดื่มเหล้าเท่าไหร่เช่นกัน แต่ถ้าไม่นำเหล้ามา ผมก็ไม่รู้ว่าควรนำอะไรมาบ้าง”
หนิวต้ายอึ้งชะงักจ้องมองไป๋ยี่เฟย
เขาไม่รู้ว่าไป๋ยี่เฟยมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คำพูดเหล่านั้นที่เขาพูดไป๋ยี่เฟยได้ยินหรือไม่ ทันทีนั้นมีความหวาดกลัวไม่เป็นสุขเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยพูดคุยจู้ๆจี้ๆกับหนิววั่งมาโดยตลอด พูดไปแล้วสักพัก เขาจึงลุกขึ้น ยิ้มพูดกับหนิววั่งว่า “วันนี้อยู่เป็นเพื่อนถึงนี่ก่อน ในบ้านยังมีธุระ วันหลังผมค่อยมาใหม่”
หลังจากพูดคำนี้จบ ก็ไม่มองหนิวต้ายแม้แต่สักที หมุนตัวก็ไป
หนิวต้ายจ้องมองไป๋ยี่เฟยมาโดยตลอด พบเห็นว่าเขาแม้แต่จ้องมองตนเองสักทีก็ไม่ สีหน้าดูแย่มาก
ในเวลานี้ อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยหยุดการย่างก้าว หันไปบอกกับหนิวต้ายว่า “นั่งรถผมไปด้วยกันเถอะ”
หนิวต้ายโมโหเหลือเกิน แม่มึงเอ่ยใครอยากนั่งรถคุณล่ะ?
กูจะมาฆ่ามึงนะ
ล้วนเนื่องเพราะไอ้เหี้ยมึงคนนี้ พ่อของกูจึงตาย กูจึงได้รับความทรมานแบบนี้!
แม่มึงเอ่ยตอนนี้มึงออกมาแสร้งทำเป็นเมตาเห็นใจหรือ?
หนิวต้ายรู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยมีเจตนา เขาย่อมไม่หวังดีอย่างแน่นอน
แต่ว่าหนิวต้ายเห็นไป๋ยี่เฟยยืนรอเขาอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ไม่มีสีหน้าที่หงุดหงิดสักนิด อีกทั้งแม้แต่อารมณ์อื่นๆล้วนไม่มี หนิวต้ายกัดฟันพูดไปคำหนึ่งว่า “ได้”
หลังจากนั้นขึ้นรถ ไป๋ยี่เฟยสตาร์ทรถทันที
หนิวต้ายนั่งอยู่แถวข้างหลัง ตาทั้งคู่ของเขาอาฆาตแค้นจ้องมองไป๋ยี่เฟย ในสมองกวาดผ่านวิธีที่จะสามารถฆ่าเขาได้หลายรูปแบบนับไม่ถ้วน
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับทั้งขับรถทั้งพูดเบาๆว่า “ผมกับพ่อของคุณไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ แต่สำหรับผมมากล่าวแล้วยิ่งเหนือกว่าพี่น้องแท้ๆ”
“เนื่องเพราะผม เขาจึงตายจริงๆ ผมรู้ว่าคุณจะแค้นผมมาก คิดว่าน่าจะไม่ปล่อยวางเช่นกัน ผมก็ไม่เกลี้ยกล่อมคุณให้ปล่อยวางเช่นกัน แต่ว่าผมจะใช้สุดความพยายามของตนเองชดใช้ให้พวกคุณ”
“ผมจะให้เงินก้อนหนึ่งแก่พวกคุณเพียงพอใช้ทั้งชีวิต ถ้าหากว่ายังไม่พอล่ะก็ สามารถมาเอากับผมอีก ผมก็จะให้อีก”
“อย่างอื่นผมก็จะหาหมอฟื้นฟูที่ดีที่สุดในโลกใช้สุดความพยายามทำให้นิ้วของคุณฟื้นฟูคืนถึงลักษณะท่าทีเหมือนดังเดิม”
พูดจบไป๋ยี่เฟย หันไปจ้องมองหนิวต้ายหนึ่งที
ทันใดนั้นหนิวต้ายสั่นระริกหนึ่งที พยักหน้าทันที “ได้”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มแล้วยิ้มอีก พูดต่ออีกว่า “คุณอยากจะฆ่าผม ผมรู้ แต่ขอให้คุณวางไว้ก่อนเป็นเวลาชั่วคราว ถึงยังไงตอนนี้คุณก็ไม่มีพลังความสามารถนั้น ยังมีอีกก็คือ ผมยังมีเรื่องต้องจัดการ ตอนนี้ยังตายไม่ได้”
“อีกสองปีเถอะ นี่เป็นเวลาที่ให้ผม ก็เป็นเวลาที่ให้คุณด้วยเช่นกัน”
หนิวต้ายไม่ได้พูด แต่ในใจเขาด่าไป๋ยี่เฟยไปหลายรอบมานานแล้ว คำพูดที่ไม่น่าฟังอะไรล้วนด่าเขาไปหมดแล้ว
แม่มึงเอ่ยก็แค่แสร้งทำเป็นเมตาเห็นใจคนหนึ่ง!
ถ้ากูมีความสามารถฆ่ามึงได้ กูจึงจะไม่วางไว้ก่อน!
ไอ้เหี้ย ถ้าหากว่าในตอนนี้ในมือกูมีมีดด้านหนึ่ง แทงเข้าไปข้างหลังของคุณหนึ่งทีคุณจะไม่ตายหรือ!
กำลังอยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยถามเขาคำหนึ่งว่า “ลงรถที่ไหนหรือ?”
หนิวต้ายคืนสติในทันที ตอบกลับว่า “หมู่บ้านคอนโดลู่จิ่ง”
ไป๋ยี่เฟยขับรถถึงหน้าประตูหมู่บ้านคอนโดลู่จิ่ง หลังจากหนิวต้ายลงจากรถ ไป๋ยี่เฟยกำชับคำหนึ่งว่า “ระวังความปลอดภัยด้วย”
หนิวต้ายอมยิ้มหนึ่งทีต่อไป๋ยี่เฟย ยังโบกมือพูดว่า “ขอบคุณ!”
แต่ว่าพูดจบก็เสียใจภายหลังแล้ว เขาโบกมือทำไมหรือ?