แต่ว่าไป๋ยี่เฟยไม่รู้สึกเช่นนี้ แม้ว่าเธอพูดคำพูดที่ไม่มีประโยชน์มากมายขนาดนี้ แต่ว่าเป็นความห่วงใยที่จริงแท้ ดังนั้นไป๋ยี่เฟยรู้สึกอบอุ่นมาก
ตอนที่คนหมดหนทางที่สุด อาจจะก็แค่หวังว่าได้รับความอบอุ่นอย่างนี้มั้ง
ไป๋ยี่เฟยอมยิ้มหนึ่งทีกับหลิวจื่อหยุนพูดว่า “แม่ ขอบคุณท่าน”
หลิวจื่อหยุนอึ้งชะงักหนึ่งที ดูเหมือนไม่เข้าใจ ไป๋ยี่เฟยทำไมพูดอย่างนี้
ในเวลานี้ประตูของห้องฉุกเฉินเปิดออกแล้ว คนทั้งหลายสีหน้าจริงจัง
หลิวเสี่ยวอิงเดินออกมาจากข้างใน พวกเขาไป๋ยี่เฟยล้วนล้อมรอบเข้าไป
“เป็นยังไงแล้วล่ะ?”
สีหน้าหลิวเสี่ยวอิงหนักอึ้ง หลังจากหยิบปากกาแท่งหนึ่งเขียนประโยคหนึ่งอยู่บนกระดาษแล้วส่งไปให้ไป๋ยี่เฟยพูดว่า “ไปรับป้าสองของฉันมาจากที่นี่ ต้องเร็ว ยังมีอีกคุณต้องไปด้วยตัวคุณเอง”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้สีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง
หลิวเสี่ยวอิงไม่ได้พูดมากกว่านี้ แต่ว่าเห็นลักษณะท่าทีของเธอก็รู้ว่าอาการร้ายแรงมาก
จากนั้นเขาไม่เอ่ยอะไรก็ออกไปเลย
อยู่ดีๆหลี่เฉียงตงพูดว่า “ขับรถของผม ผมไปด้วยกันกับคุณ”
จากนั้นทั้งสองคนรีบลงไปข้างล่าง ขับรถไปยังที่อยู่นั้นที่หลิวเสี่ยวอิงให้
ไป๋ยี่เฟยร้อนใจมาก ระหว่างทางไม่สนใจไฟแดงไม่ไฟแดงอะไรเลยสักนิด พุ่งไปยังข้างหน้าโดยตรง
เห็นกับตายังมีระยะทางแค่ไม่กี่นาที อยู่ดีๆหลี่เฉียงตงพูดว่า “มีรถตามพวกเราอยู่”
ไป๋ยี่เฟยมองจากกระจกมองหลังหนึ่งที มองเห็นข้างหลังมีรถOff Roadสีดำสี่ห้าคัน ตามพวกเขามาโดยตลอด
อยู่ตอนที่เลี้ยวโค้ง ข้างหน้าก็มีรถOff Roadสี่ห้าคันโผล่ออกมาเช่นกัน ปิดทางของพวกเขาให้ตายโดยตรง
ไป๋ยี่เฟยขับไม่ผ่านแล้ว
หลี่เฉียงตงจอดรถไว้ข้างถนนพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “ใจเย็นหน่อย”
ใจเย็นหรือ?
ใจเย็นได้ยังไงล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง เตะประตูรถออกหนึ่งทีเดินออกไป
ในเวลานี้ไฟสีแดงที่แปลกประหลาดเล็กน้อยกวาดผ่านนัยน์ตาทั้งคู่ของเขาอีก
อยู่ในสายตาของเขาน้องสาวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในใจเขาแล้ว
คนทั้งสองกลุ่มนี้ล้วนพุ่งเป้าไปยังไป๋ยี่เฟย ตังใจกั้นคนไว้อยู่ที่นี่
หลี่เฉียงตงตามลงจากรถ จับไป๋ยี่เฟยไว้ทันทีพูดว่า “จงอย่าวู่วามเด็ดขาด ให้ผมจัดการ ”
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ
หลังจากรถจอดไว้แล้ว ทั้งหมดลงจากรถเจ็ดแปดคน บวกหน้าหลังเข้ามาก็เป็นสิบกว่าคน มองอีกครั้งอย่างน้อยมียอดฝีมือระดับที่สามชั้นสูงสี่คน
มีชายวัยกลางคนที่ไว้เคราคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าสุด หลังจากเห็นไป๋ยี่เฟยแล้ว ยิ้มแล้วยิ้มอีกอย่างเหยียดหยาม “ผมได้ยินว่าระดับที่สามชั้นกลางคนหนึ่งสามารถสู้ชนะยอดฝีมือระดับที่สองชั้นต่ำคนหนึ่ง ก็ช่างตื่นตกใจหนึ่งทีจริงๆ!”
“ผลลัพธ์คืออาศัยชนะด้วยวิธีการทำร้ายตัวเอง ผมก็ถือว่าเข้าใจเช่นกัน”
“แต่ว่าโชคของคุณในวันนี้ก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นแล้ว ฝั่งนี้ของเรามียอดฝีมือระดับที่สามชั้นสูงห้าคน ยอดฝีมือระดับชั้นที่สูงกว่าคุณมากมายขนาดนี้ คุณถึงแม้ว่าทำร้ายตัวเอง เกรงว่าก็ไม่พอเช่นกันล่ะ?”
หลังจากเขาพูดจบแล้ว ผู้ชายที่รูปร่างใหญ่ล่ำอีกคนหนึ่งก็เดินออกมาเช่นกัน สายตาหยิ่งยโสจ้องมองไป๋ยี่เฟยกับหลี่เฉียงตง “ไม่ต้องใช้พวกคุณ เพียงแค่ผมคนเดียวก็จัดการเขาได้”
พวกเขาล้วนถืออาวุธอยู่ ล้อมรอบไป๋ยี่เฟยกับหลี่เฉียงตงเข้ามา
ทันทีไป๋ยี่เฟยก็มองออกว่าพวกเขามาเพื่ออะไรก็รู้ว่านี่เป็นคนอะไรแล้ว
ตอนแรกนั้นเขาทิ้งคำโหดเหี้ยมไว้พูดว่า ถ้าหากว่าหนิววั่งช่วยกลับคืนมาไม่ได้ คนทั้งหลายล้วนต้องฝั่งเป็นเพื่อนหนิววั่ง
ดังนั้น หลังจากจบเรื่องแล้วมีคนมากมายล้วนจ้องมองหนิววั่งอยู่ แต่ตอนนี้หนิววั่งตายแล้ว ดังนั้นพวกเขาหวาดกลัว
ทุกคนล้วนรู้ว่าไป๋ยี่เฟยเป็นคนบ้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะช่วยหนิววั่ง แม้แต่รองประธานของสหพันธ์ธุรกิจล้วนฆ่าแล้ว เต้าจ่างก็ไม่กลัว งั้นพวกเขาตระกูลที่มีทั้งเงินทั้งอิทธิพลยักษ์ใหญ่ทั้งสิบถือเป็นเหี้ยอะไร
ตระกูลที่มีทั้งเงินทั้งอิทธิพลยักษ์ใหญ่ทั้งสิบย่อมไม่รอไป๋ยี่เฟยไปหาอยู่แล้ว ก็ไม่ยอมลดสถานะตนเองไปขอเจรจากับพ่อค้าเล็กๆในเมืองเล็กๆคนหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาย่อมจะเลือกชิงลงมือก่อนเป็นต่ออยู่แล้ว
เพียงแค่ไป๋ยี่เฟยตายแล้ว ปัญหาทั้งหมดล้วนจัดการเสร็จ
คนเหล่านี้มาลอบสังหารไป๋ยี่เฟยก็ถือว่าโชคดีมากเช่นกัน เพราะว่าตอนนี้ไป๋ยี่เฟยร้อนใจมาก ดังนั้นปฏิกิริยาเทียบกับยามปกติไม่ได้เลยสักนิด
แต่โชคของพวกเขาก็ไม่ดีเช่นกัน เนื่องเพราะในตอนนี้เป็นเวลาที่เขาโหดเหี้ยมที่สุด
“ไสหัวออกไป!”
ไป๋ยี่เฟยตาแดงร้องตะโกนต่อพวกเขา เขาไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่
ชายไว้เคราขยับหนึ่งที นึกไม่ถึงไป๋ยี่เฟยยังสามารถแข็งกระด้างขนาดนี้ได้ก็เลยพูดส่อเสียดว่า “โอ้ว โอหังขนาดนี้หรือ? ความตายล้วนใกล้จะมาถึงแล้ว ยังกล้าร้องตะโกนใส่พวกเราหรือ?”
“ที่นี่พวกกูมียอดฝีมือระดับที่สามห้าคน คนเรื่อยเปื่อยสักคนล้วนสามารถชกคุณตายอย่างง่ายดาย!”
ในเวลานี้นัยน์ตาของไป๋ยี่เฟยความอาฆาตเข้มข้นมาก เพราะว่าพวกเขาขัดขวางมาโดยตลอด ในตอนนี้ทำให้เขาแทบอยากจะฆ่าคนเหล่านี้ใจจะขาด
เห็นกับตาวินาทีถัดไปไป๋ยี่เฟยก็จะระเบิดแล้ว อยู่ดีๆหลี่เฉียงตงกดไหล่ของเขาไว้พูดว่า “อย่าวู่วาม”
ไป๋ยี่เฟยหันหน้าไปมองหลี่เฉียงตง ไม่เข้าใจอย่างมาก น้องสาวล้วนหน้าสิ่วหน้าขวานแล้ว ไม่วู่วามอีกได้หรือ?
หลี่เฉียงตงไม่ได้ไปมองไป๋ยี่เฟย แต่ถอนหายใจหนึ่งทีพูดว่า “ยังมีชีวิตที่งดงาม ทำไมไม่อยู่ให้สงบสุขล่ะ?”
“ผมคิดว่า ตอนที่ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยตนเองบางคำพูดก็เป็นคำพูดที่โมโหเช่นนั้น ถ้าหากพวกคุณไม่โผล่ออกมาเขาอาจจะลืมไปแล้ว แต่พวกคุณจงใจที่จะซุกเข้ามา”
“ดูแล้วได้เพียงแค่โทษพวกคุณเองโง่เขลาเกินไปแล้ว พวกคุณกำลังบีบบังคับเขาทำตามคำพูด บีบบังคับเขาฆ่าพวกคุณ!”
ตอนนั้นหนิววั่งรับมีดแทนไป๋ยี่เฟยหนึ่งที ไป๋ยี่เฟยสูญเสียสติไปแล้ว คำพูดที่พูดนี้อาจจะเป็นไปได้มากว่าเป็นแค่คำพูดที่โมโหหลี่เฉียงตงพูดอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรพอที่จะเป็นความผิดพอที่จะวิจารณ์ได้เช่นกัน
แต่ว่าคนเหล่านั้นไม่ใส่ใจคำพูดของหลี่เฉียงตงสักนิด
อยู่ที่พวกเขาดูแล้ว วันนี้ไป๋ยี่เฟยตายแน่ไม่ต้องสงสัย
“เขาเป็นไก่อ่อนระดับที่สามชั้นกลางคนหนึ่ง ยังสามารถหนีพ้นจากต่อหน้าพวกเราระดับที่สามชั้นสูงหรือ?”
“วันนี้เขาจำเป็นต้องตายอยู่ที่นี่!”
“อย่าพูดจาไร้สาระกับพวกเขาอีกเลย ทุกคนลุย ฆ่าไป๋ยี่เฟยไปก่อนเลย ค่อยว่ากัน!”
“ฆ่า!”
ดังนั้นสิบกว่าคนล้วนถืออาวุธเข้ามาพุ่งไปยังไป๋ยี่เฟย
ความอดทนของไป๋ยี่เฟยหมดไปนานแล้ว ตอนนี้ถูกคนเหล่านี้ถ่วงเวลา ก็ถือว่ากำลังทำร้ายน้องสาวของเขาโดยทางอ้อมเช่นกัน เขาอยากจะระเบิดมานานแล้ว
จากนั้นตอนที่เขากำลังจะลงมือ นิ่งอึ้งไปเลย
ไป๋ยี่เฟยเบิกตาโพลงทั้งคู่ จ้องมองภาพที่อยู่ต่อหน้านี้ ทั้งตัวล้วนงุ่มง่ามเลย
หลี่เฉียงตงเดิมทียังอยู่ที่ข้างกายเขา ไม่รู้โผล่อยู่ข้างหน้าชายไว้เคราได้ยังไง ก็ล้วนมองไม่ชัดว่าทำท่าอะไรเช่นกัน ผู้ชายคนนั้นก็ถูกต่อยหนึ่งทีออกไปยี่สิบกว่าเมตร อีกทั้งชนรถOff Roadของพวกเขาไปเลย แม้แต่รถก็เกือบจะถูกชนจนพลิกคว่ำ จากนั้นทั้งตัวตกอยู่บนพื้น ตายแล้ว
ยังมียอดฝีมือระดับที่สามชั้นสูงอีกสี่คน ล้วนอยู่ตอนที่ยังไม่ทันมีปฏิกิริยา ทั้งหมดล้วนลอยออกไปเลย สภาพเหมือนดั่งชายไว้เคราคนนั้น
กระบวนการทั้งหมดอาจจะแม้แต่นาทีเดียวก็ไม่ถึง เพียงแค่ได้ยินเสียงดัง ปุ้งปุ้ง หลายเสียง จากนั้นก็กลายเป็นลักษณะในตอนนี้แล้ว
คนทั้งหลายล้วนนิ่งอึ้งไปเลย จ้องมองอย่างมึนๆ อีกทั้งแม้แต่อาวุธในมือล้วนตกอยู่กับพื้น
ยอดฝีมือระดับที่สามชั้นสูงทั้งหมดก็ตายแล้วเช่นนี้
หลี่เฉียงตงพูดเบาๆ กับสิบกว่าคนที่เหลือว่า “กลับไปบอกเถ้าแก่ของพวกคุณ ถ้าหากวันหนึ่งพวกเขาตายแล้วอย่างแปลกประหลาดมากก็อย่าไปโทษใครๆ เป็นเพราะพวกเขาหาความตายเอง”
สิบกว่าคนนั้นเพียงแค่อันธพาลธรรมดา ตกใจจนอึ้งมานานแล้ว ที่ไหนจะกล้าพูดมากกว่านี้อีก ต่างคนต่างรีบพยักหน้า
“ไสหัวออกไป!”
หลี่เฉียงตงร้องตะโกนเสียงหนึ่ง คนเหล่านั้นทั้งกลิ้งทั้งคลานทะลวงเข้าไปในรถ ออกไปอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็คืนสติแล้ว ตื่นตะลึงจ้องมองหลี่เฉียงตง “คุณเป็น!”
หลายชั่วโมงก่อนเขายังคาดเดาอยู่ว่ายอดฝีมือระดับที่หนึ่งคนนี้เป็นใคร ผลลัพธ์ถึงขนาดเป็นพ่อตาของตนเอง
หลี่เฉียงตงไม่ได้ยอมรับ ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน แต่เร่งรีบพูดว่า “รีบไป!”
ไป๋ยี่เฟยมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที รีบขึ้นรถ ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากหาป้าสองของหลิวเสี่ยวอิงเจอแล้ว ก็รีบเดินทางกลับอีก
ป้าสองของหลิวเสี่ยวอิงชื่อว่าหลิวจู๋ เธออธิบายให้ฟังสักหน่อย “ตอนที่ฉันผสมยาอยู่ไม่ชอบถูกคนรบกวน ดังนั้นปิดเสียงมือถือพวกคุณมาฉันจึงดูมือถือ พบเห็นว่าเสี่ยวอิงโทรหาฉันสิบกว่าสายแล้ว”
ครั้งก่อนหลังจากช่วยไป๋ยี่เฟยแล้ว อยู่ในเมืองเทียนเป่ย หลิวจู๋เช่าลานบ้านแห่งหนึ่งเป็นเวลาชั่วคราว ดูเหมือนกระจ่างถึงจุดใหม่แล้วก็ตั้งใจค้นคว้าวิจัยอยู่ในลานบ้าน
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้ใส่ใจเกินไป เพียงแค่พูดว่า “ลำบากท่านแล้ว”