หลี่เสว่ตกตะลึง
หลิวเสี่ยวอิงเห็นหลี่เสว่ยิ้มแบบนี้ก็ยิ่งมีความสุข “เสว่เอ๋อเก่งจริงๆ ท้องลูกแฝดทันที นี่จะต้องบอกให้ไป๋ยี่เฟยรู้แล้ว เขาจะต้องดีใจมากแน่!”
หลิวเสี่ยวอิงดีใจแทนหลี่เสว่และไป๋ยี่เฟยจริงๆ แต่เธอไม่ได้สังเกตหลี่เสว่เลย
ที่สุดแล้วหากเป็นคนอื่นใครๆ ก็ต้องดีใจกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามหลี่เสว่จับมือของเขาและพูดอย่างกังวลใจ: “ไม่ได้!”
“ทำไมจะไม่ได้?” ทันใดนั้นหลิวเสี่ยวอิงที่ยิ้มอยู่ก็หยุดลง
หลี่เสว่พูดกับหลิวเสี่ยวอิงอย่างจริงจัง “เสี่ยวอิง ขอร้องล่ะ อย่าเพิ่งบอกเขา”
หลิวเสี่ยวอิงได้ยินแบบนี้แล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เหมือนจะเข้าใจที่หลี่เสว่พูดแล้วยิ้มและพูด: “เธออยากจะเซอร์ไพรส์เขาใช่ไหมล่ะ? ได้ๆ ๆ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ห้าม…”
“ไม่ใช่เวลา? หมายความว่ายังไง? เธออยากจะมีลูกให้ไป๋ยี่เฟยมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”
หลิวเสี่ยวอิงไม่เข้าใจหลี่เสว่จากนั้นก็คิดอะไรบางอย่างได้และร้องออกมาด้วยความตกใจ “เธอคงไม่ได้รู้สึกว่าลูกสองคนมันน้อยเกินไปหรอกนะ?”
หลี่เสว่ส่ายหน้าอย่างวิตกกังวลและพูดกับหลิวเสี่ยวอิงด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ไม่ใช่แบบนั้น เสี่ยวอิงรับปากฉันสิ อย่าเพิ่งให้ไป๋ยี่เฟยรู้ ฉันไม่อยากให้เขามีห่วงเพิ่มขึ้นอีก อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังบอกเขาไม่ได้”
หลิวเสี่ยวอิงประหลาดใจและในที่สุดก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่ก็ยังไม่เข้าใจพฤติกรรมของหลี่เสว่
“รับปากเธอก็ได้” หลิวเสี่ยวอิงพยักหน้าและถามเธอกลับ “แต่เรื่องนี้คงจะปิดไว้ได้ไม่นาน เธอก็รู้ พอรูปร่างเปลี่ยนก็รู้แล้ว”
อย่างไรก็ตามหลี่เสว่ไม่ได้ตอบคำถามของหลิวเสี่ยวอิง เพียงแค่พูดออกมาเบา ๆ “ขอบคุณ!”
หลิวเสี่ยวอิงมองหลี่เสว่แล้วพูดไม่ออก แต่สุดท้ายก็ไม่ถามอะไรมากอีก
……
หลิวเสี่ยวอิงไปได้ไม่เท่าไหร่ ไป๋ยี่เฟยก็มาถึงโรงพยาบาล เขายังตั้งใจถามหลิวเสี่ยวอิง “เสว่เอ๋อมารึยัง?”
หลิวเสี่ยวอิงไม่ได้หันไปมองไป๋ยี่เฟยแต่จดจ่ออยู่กับเรื่องของตัวเองแล้วพูด “มาแล้ว ไม่มีอะไร ก็แค่ปวดท้อง สั่งยาให้เธอแล้ว กินไปก็หาย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นไป๋ยี่เฟยก็วางใจ
“คุณช่วยโทรบอกสวีลั่ง อีกครึ่งชั่วโมงให้เขาไปรอผมที่ห้องประชุม ผมมีเรื่องจะปรึกษาเขา” ไป๋ยี่เฟยพูดกับหลิวเสี่ยวอิง
หลิวเสี่ยวอิงมองเขาด้วยความสงสัย “ทำไมต้องให้ฉันโทรด้วย?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบและเดินออกไปจากห้องทำงานทันที
“หึ สองคนนี้เดี๋ยวก็ให้ฉันทำแบบนี้ ให้ฉันทำแบบนั้น ไม่รู้อะไรสักอย่าง!” หลิวเสี่ยวอิงเบ้ปากด้วยความโกรธ
หลังจากไป๋ยี่เฟยออกจากห้องทำงานก็โทรไปหาฉีฉีทันทีและพูด: “มีเรื่องอยากให้คุณช่วย”
“เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? ทำไมฉันต้องช่วยนาย?” ฉีฉีพูดอย่างเย็นชา
ไป๋ยี่เฟยย่อมมีวิธีจัดการกับฉีฉี “ไม่ช่วยก็ได้ งั้นผมไปหาสวีลั่ง มีอะไรก็พูดให้เคลียร์ เรื่องนี้มันอันตราย”
“นาย!” ฉีฉีโกรธทันที และในที่สุดก็กัดฟันถาม “นายอยู่ที่ไหน?”
“อีกครึ่งชั่วโมงมาหาผมที่ห้องประชุมโรงพยาบาลโว่หลง” ไป๋ยี่เฟยตอบและยิ้ม
……
ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงสวี่ลั่งก็มาถึงห้องประชุมแล้ว แต่ในห้องประชุมไม่มีใคร สวี่ลั่งจึงโทรหาไป๋ยี่เฟยแต่กลับปิดเครื่อง จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งรออยู่ในห้องประชุม
ส่วนไป๋ยี่เฟยที่ปิดเครื่องนั้น ตอนนี้กำลังจ้องมองที่หน้าจอมอนิเตอร์ต่อหน้าเธอกับหลิวเสี่ยวอิงในสำนักงานของเธอ และที่หน้าจอก็เป็นในห้องประชุม
หลิวเสี่ยวอิงถามขึ้นด้วยความสงสัย “เธอจะมาไหม?”
ตอนนี้เองหลิวเสี่ยวอิงก็เดาได้ว่าจุดประสงค์ของไป๋ยี่เฟยในการทำแบบนี้คืออะไร
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างมั่นใจ “มา!”
หลิวเสี่ยวอิงไม่เข้าใจสิ่งนี้เลย “พวกเขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนจะเจอกัน คุณไปกังวลแทน หากเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง?”
“ทั้งสองคนนี้รุกไม่เป็น หากไม่มีคนจัดให้พวกเขา นำให้พวกเขา ไม่แน่คงต้องรอเป็นชาติ” ไป๋ยี่เฟยยิ้มและพูด
หลิวเสี่ยวอิงมองบนไป๋ยี่เฟย จากนั้นก็ตั้งใจมองมอนิเตอร์
ผ่านไปไม่นานประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดเข้ามา
“ไป๋ยี่เฟย นายต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
ฉีฉีโกรธมากดังนั้นจึงโพล่งออกไปทันทีในขณะที่เปิดประตูห้อง
ส่วนสวีลั่งที่ได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นทันทีและอึ้งไปเมื่อเห็นฉีฉี
ฉีฉีก็ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู
สองพี่น้องมองหน้ากันโดยมีโต๊ะคั่น นิ่งสนิทเหมือนกับประติมากรรมสองชิ้น
“ฉัน…”
“ไป๋ยี่เฟย…”
ทั้งสองคนพูดอย่างเป็นนัยๆ พร้อมกัน แต่ได้ยินอีกฝ่ายพูดและปิดปากพร้อมกัน
ในห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
และยิ่งเพิ่มความกระอักกระอ่วนใจ
สุดท้ายสวี่ลั่งก็สูดหายใจและพูดขึ้นช้า ๆ “น้อง พี่หาเธอมายี่สิบปี”
ฉีฉีได้ยินคำพูดนี้แล้วดวงตาของเธอก็แดง และเธอก็อดไม่ได้ที่จะรีบเข้าไปกอดสวี่ลั่ง “พี่ชาย!”
สวี่ลั่งก็กอดฉีฉีช้าๆ และมุมปากยกยิ้มและน้ำตาซึมที่หางตา
สองพี่น้องกอดกันเงียบ ๆ และรู้สึกถึงความรักที่หายไปนาน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนทั้งสองจึงได้แยกกัน
ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นสวี่ลั่งก็พูดเพื่อลดความกระอักกระอ่วนใจเมื่อครู่ “คงเป็นฝีมือของเจ้าไป๋ยี่เฟยแน่ ๆ!”
ฉีฉีเช็ดน้ำตาที่มุมหาตาแล้วพยักหน้าและพูด “เขานั่นแหละ เป็นเขาแน่ ๆ! เขาจงใจ เดี๋ยวเจอเขาจะทุบให้สักที!”
สวีลั่งพยักหน้าและพูด “ดี พี่จะช่วยเอง!”
ส่วนไป๋ยี่เฟยที่อยู่ในห้องทำงานของหลิวเสี่ยวอิงนั้นเมื่อเห็นฉากสุดท้ายก็พูดออกมา “หึ โกรธชะมัด ทั้งสองคนนี้ไม่มีมโนธรรม ทำดีเพื่อพวกเขาแล้วยังจะมาทำร้ายกันอีก ไม่มีมโนธรรมเลย!”
หลิวเสี่ยวอิงเห็นดังนั้นจึงหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างสาแก่ใจ
…..
เมื่อแก้ไขเรื่องนี้ได้แล้วไป๋ยี่เฟยก็ไปจัดการเรื่องอื่นต่อ เช่น ให้ซูเปอร์มาเก็ตกับจางหัวปิน ให้เคทีวีกับเฉินห้าว และให้เงินกับซาเฟยหยางจำนวนหนึ่ง
ตอนเย็นไป๋ยี่เฟยกลับบ้านและอยากจะเข้าไปถามหลี่เสว่ว่าเธอปวดท้องดีขึ้นรึยัง แต่กลับไม่เจอหลี่เสว่
ในตอนแรกไป๋ยี่เฟยไม่ได้เอะใจ อย่างไรก็ตามในตอนที่เขาเตรียมตัวจะเข้านอนนั้นก็พบว่าที่หัวนอนมีโน้ตแผ่นหนึ่ง
ในโน้ตเขียนว่า: “ที่รัก เราเป็นสามีภรรยากัน ดังนั้นเรื่องที่คุณอยากทำฉันก็อยากทำด้วย ฉันรู้ว่าคุณคงจะไม่เห็นด้วย ดังนั้นฉันจึงล่วงหน้าไปก่อนนะ!”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกเป็นกังวลหลังจากได้อ่านข้อความแล้ว
หลังจากการต่อสู้ครั้งก่อนในเมืองหลวง เขาได้ฉีกหน้าเต้าจ่างแล้ว หลี่เสว่ไปเมืองหลวงจะไปไหนได้? นอกเสียจากสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงไม่มีทางเป็นอื่นไปได้
แต่สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดจะให้เธอไปได้อย่างไร?
“ไม่ได้!”
ไป๋ยี่เฟยยิ่งคิดยิ่งเป็นกังวลและรีบขับรถออกไปสนามบินทันที
สนามบินช่วงกลางดึกนั้นมีคนบางตา ไป่อี้เฟยค้นหาหลายครั้งที่จุดตรวจรักษาความปลอดภัยในอาคารผู้โดยสารของสนามบินแต่ก็ไม่พบหลี่เสว่
ไปยี่เฟยยิ่งวิตกกังวล เขาโทรหาหลี่เสว่ไม่ติดชัดเจนว่าปิดเครื่องไปแล้ว
สุดท้ายไป๋ยี่เฟยทำได้เพียงไปถามที่เคาน์เตอร์ว่าตั๋วเครื่องบินไปเมืองหลวงไฟล์ทที่เร็วที่สุดคือกี่โมง จากนั้นเขาก็ซื้อตั๋วและค้นหาต่อไปในล็อบบี้
ไป๋ยี่เฟยเพิ่งฟื้นจากความเศร้าโศกที่น้องสาวจากไป ในช่วงเวลานี้อันที่จริงแล้วในใจของเขายังอ่อนแอมาก ดังนั้นพอรู้ว่า หลี่เสว่ไปเมืองหลวงเพื่อเขา ก็เกิดความวิตกกังวลใจอย่างยิ่งยวด
ตั๋วเครื่องบินที่เขาซื้อคือไฟล์ทอีกสองชั่วโมง หลังผ่านไปสองชั่วโมง ไป๋ยี่เฟยก็รับตั๋วและขึ้นเครื่องบิน
เขาก้มลงมองหมายเลขที่นั่งบนตั๋ว จากนั้นก็เดินไปหาที่นั่งของตนเอง
แต่เมื่อเดินไปใกล้ที่นั่ง เขาก็เงยหน้าขึ้นมองและตกตะลึง
เพราะเป็นช่วงกลางคืนบวกกับความเป็นไปได้ว่าเขามาค่อนข้างเร็ว ในเครื่องบินจึงมีคนไม่มาก ที่นั่งหลายที่ยังว่างอยู่และตอนนี้มีคนนั่งใกล้ที่นั่งของเขาอยู่หลายคน
เขารู้จักกลุ่มคนตรงนั้นทั้งหมด
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงได้ตกตะลึง