“นี่ฟางหยันไม่ใช่เหรอ?”
“คุณหนูฟาง ฉันเป็นแฟนคลับของคุณ ถ่ายรูปกันได้ไหม?”
“คุณหนูฟางขอลายเซ็นได้ไหม?”
คนกลุ่มนี้กระตือรือร้นมาก พวกเขาอยู่รอบๆ ฟางหยัน ต้องการถ่ายรูปและขอลายเซ็น และบางคนถึงกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อบันทึกวิดีโอ
ฟางหยันรักษารอยยิ้มเหมือนนางฟ้าของตนเองไว้ แต่ไม่พูดอะไรสักคำ กลับเป็นชายสวมสูทที่อยู่ข้างเธอที่ยิ้มและพูด “ทุกท่านกรุณารอสักครู่ ฟางหยันของเรายินดีจะทำตามคำเรียกร้องของท่านๆ ผู้ประสบความสำเร็จทุกคน ไม่ต้องรีบนะครับ ทีละคน”
ชัดเจนว่าชายสวมสูทคนนี้คือผู้จัดการของฟางหยัน
และหัวหน้าแผนกคลับนี้ก็ดีใจมากหลังเซอร์ไพรส์นี้ถ้ามีดาราดังมาที่คลับ ก็จะนำชื่อเสียงมาให้คลับแห่งนี้มากขึ้นด้วยแน่นอน
ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นอยู่นั้น ฟางหยันกลับหันไปมองที่ไป๋ยี่เฟย
ในตอนที่เพิ่งเข้ามานานฟางหยันไม่ทันสังเกตเห็นไป๋ยี่เฟย ตอนนี้เห็นแล้วจึงเซอร์ไพรส์เล็กน้อย
“บังเอิญจัง!” ฟางหยันยืนยิ้มเล็กน้อยอยู่ตรงหน้าไป๋ยี่เฟย
ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นฉากนี้
นี่มันเรื่องอะไร?
ฟางหยันนั้นเป็นดาราดัง ทำไมถึงได้รู้จักคนจนตัวเล็กๆ แบบนี้?
เถ้าแก่พวกนั้นไม่เพียงแต่ตกตะลึง ผู้จัดการของฟางหยันเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
ส่วนไป๋ยี่เฟยน่ะเหรอ พอเห็นฟางหยันแล้วก็กระอักกระอ่วนเล็กน้อย ที่จริงแล้วเขาปล่อยโฮต่อหน้าเธอในคืนนั้น
ไป๋ยี่เฟยยิ้มแทบไม่ออก “บังเอิญมาก”
ตอนนี้เองผู้จัดการเดินเข้าไปหาฟางหยันและเตือนเธอเบาๆ ที่ข้างหู: “ฟางหยัน ระวังภาพพจน์ของเธอด้วย!”
ฟางหยันมีภาพพจน์เป็นดั่งนางฟ้า แล้วจะมาพูดคุยกับพวกบ้านนอกตามอำเภอใจแบบนี้ได้ยังไง?
ฟางหยันกลับไม่เก็บมาใส่ใจและมองไปที่หัวหน้าแผนกแล้วมองไปที่ไป๋ยี่เฟยแล้วจึงถามขึ้น: “นี่เกิดเรื่องอะไรกันขึ้นคะ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวเล็กน้อยและพูด: “ไม่มีอะไร”
อันที่จริงไป๋ยี่เฟยโล่งใจเล็กน้อยเพราะฟางหยันไม่ได้พูดถึงเรื่องในคืนนั้น จากนั้นเขาก็ถามฟางหยัน “ทำไมคุณถึงมาที่นี่?”
ฟางหยันยิ้มแล้วตอบ: “บริษัทอยู่ไม่ไกลก็เลยแวะเข้ามาดู คิดว่าเราก็ต้องเข้าสังคมบ้าง ก็เลยเข้าใช้งานและทำสมาชิกที่นี่”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการแสดงออกว่าเข้าใจ
เมื่อหัวหน้าแผนกได้ยินเรื่องทำสมาชิกก็ยิ่งดีใจและรีบเสนอหน้าเข้าไปและพูด: “ถือเป็นเกียรติที่คุณหนูฟางมาที่คลับของเรา หากไม่รังเกียจขอเชิญคุณหนูฟางรับประทานอาหารที่นี่สักมื้อ”
เมื่อกลุ่มเถ้าแก่เหล่านั้นได้ยินว่าฟางหยันจะอยู่กินข้าวที่นี่ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา “คุณหนูฟาง ต่อไปพวกเราก็จะเป็นสมาชิกของที่นี่ หากมีโอกาสได้พบกันอีกบ่อยๆ อยู่กินข้าวด้วยกันที่นี่จะได้ทำความรู้จักกันให้คุ้นเคย”
“ใช่แล้วๆ พวกเราก็มาสมัครสมาชิกเหมือนกัน”
ฟางหยันได้ยินคำพูดนี้แล้วมองไปที่หัวหน้าแผนกอย่างมีความนัย
ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องอะไรเธอไม่รู้ แต่ดูจากตอนนี้เธอสามารถเดาได้จากทัศนคติของคนเหล่านี้ ส่วนคำเตือนของผู้จัดการนั้นเธอกลับไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย
ดังนั้นฟางหยันจึงหันไปมองไป๋ยี่เฟยและพูด “ถ้าอย่างนั้น เพื่อนของฉัน…”
หัวหน้าแผนกเห็นแบบนี้แล้วก็ลำบากใจไม่น้อยเลย
เมื่อครู่ไป๋ยี่เฟยยั่วโมโหเถ้าแก่กลุ่มนี้ พวกเขาอยากจะไล่ไป๋ยี่เฟยออกไป ใครจะรู้ว่าไอ้คนจนคนนี้ดันรู้จักกับฟางหยัน
ดังนั้นเขาเองก็ตัดสินใจไม่ได้
แต่กลุ่มเถ้าแก่พวกนั้นกลับสนใจที่จะทำความรู้จักฟางหยันมากกว่า ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วทำไมถึงไม่ให้เกียรติฟางหยัน ดังนั้นทั้งหมดจึงไม่ใส่ใจหรืออย่างน้อยก็พูดออกมาอย่างใจกว้าง
“ในเมื่อเป็นเพื่อนของคุณหนูฟาง ถ้าอย่างนั้นก็กินข้าวด้วยกันเถอะ!”
“นั่นสิ หากมีอะไรเข้าใจผิด แค่ชนแก้วก็แก้ไขได้แล้ว”
“ใช่ๆ ๆ…”
ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างเมื่อครู่มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย
ผู้จัดการเบิกตาโพลงด้วยความไม่พอใจและกระซิบกับฟางหยัน “อยากจะโต้แย้งใช่รึเปล่า?”
ฟางหยันไม่สนใจ
หัวหน้าแผนกเห็นทุกคนเป็นแบบนี้แล้วจึงรีบสั่งให้พนักงานต้อนรับสาวสวยคนนั้นไปจัดเตรียม จากนั้นเธอก็พาทุกคนไปห้องรับรองหรูหราขนาดใหญ่
เลย์เอาต์ในห้องรับรองดูสดชื่นและสง่างาม มีกระถางต้นไม้หลายต้นซึ่งดูมีศิลปะทีเดียว
เมื่อทุกคนเข้ามาก็แยกย้ายกันนั่งและมีสีหน้ายินดี เพราะนี่คือโอกาสที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ที่จะได้นั่งร่วมโต๊ะกับดาราใหญ่อย่างฟางหยัน
แต่มีเพียงโจวหลินเท่านั้นที่มีสีหน้ากังวล ร้อนรนอยู่ในใจ
เถ้าแก่กลุ่มนั้นเริ่มพูดจาโอ้อวดกับฟางหยันอีกครั้ง พูดดีอย่างนั้นอย่างนี้แต่กลับไม่สนใจไยดีไป๋ยี่เฟยเลย
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาเองก็ขี้เกียจจะเออออไปกับคนพวกนี้ด้วยเหมือนกัน ตอนนี้เขาอยากจะกินข้าวให้เสร็จเร็วๆ แล้วไปคุยธุระกับเถ้าแก่ของที่นี่
หลิวเสี่ยวอิงที่อยู่ข้างๆ เขาก็ไม่มีใครคุยด้วย ดังนั้นจึงพูดหยอกไป๋ยี่เฟยที่อยู่ข้างๆ “ตายแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้านายของเราก็รู้จักดาราดังด้วย!”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเรียบเฉย: “บังเอิญรู้จักน่ะ ไม่สนิท”
หลิวเสี่ยวอิงกลอกตาใส่เขา “เชอะ”
……
ไม่นานอาหารก็ถูกนำขึ้นโต๊ะ ทุกคนมีเหล้าอยู่ในมือ ผู้ชายแซ่เกายกแก้วขึ้นแล้วพูด: “คุณหนูฟางคุณนิสัยดีจังเลยนะครับ แม้แต่คนธรรมดาก็เข้าถึงได้ง่าย กระผมนายเกานับถือจริงๆ”
“ผมขอดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว”
พูดว่าคนธรรมดา เขากำลังดูถูกไป๋ยี่เฟย
ฟางหยันได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยังยกแก้ว อย่างไรเสียนี่ก็เป็นมารยาทพื้นฐานที่ต้องทำ
ส่วนผู้จัดการ เขายิ้มและพูด: “ฟางหยันปฏิบัติกับแฟนคลับอย่างเรียบง่ายเป็นกันเองเสมอครับ”
กลุ่มเถ้าแก่ยังคิดในใจ ฟางหยันกับไป๋ยี่เฟบนดูสนิทกันมาก เดี๋ยวคงจะต้องชนแก้วกับไป๋ยี่เฟยสักนิด เข้าไปตีสนิทเสียหน่อย แต่คำพูดของผู้จัดการทำให้พวกเขาเข้าใจได้ว่าไป๋ยี่เฟยก็เป็นเพียงแค่แฟนคลับคนหนึ่ง
ทำให้สายตาทุกคนที่มองไป๋ยี่เฟยเปลี่ยนไปเป็นดูถูกและเหยียดหยันอีกครั้งไม่ปิดบังใดๆ อีก
ชายแซ่เกาส่งเสียงหึออกมาเบาๆ แล้ววางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ แล้วพูดพร้อมกับสีหน้าเหยียดหยาม: “ที่แท้ก็แค่แฟนคลับ ทำไมหน้าด้านขนาดนี้? สถานที่แบบนี้แกเข้ามาได้รึไง?”
อีกคนหนึ่งก็เสริม “นั่นสิ ที่นี่เป็นคลับส่วนตัวระดับสูง ไม่ใช่สถานที่สำหรับคนชั้นต่ำอย่างแกจะมาได้!”
“รีบไสหัวไปซะ!”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจพวกเขาและก้มหน้ารับประทานของตนเองไป
ทันใดนั้นบรรยากาศก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ฟางหยันเองยังอึ้ง คนพวกนี้ทำไมถึงได้เปลี่ยนท่าทีเร็วนัก
หัวหน้าแผนกจึงรีบลุกขึ้นและเข้ามาไกล่เกลี่ย “เป็นเกียรติของเราเป็นอย่างมากที่คุณๆ เถ้าแก่มาเยือนคลับของเรา วันนี้ขอดื่มให้ทุกท่านและคุณหนูฟางหนึ่งแก้ว”
ในตอนกล่าวเพื่อชนแก้วเธอยังรวมฟางหยันเข้าไปด้วย แบบนี้ทุกคนย่อมชนแก้วด้วย เรื่องเมื่อครู่จึงได้ยุติลง
บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงอีกครั้ง และไป๋ยี่เฟยก็ถูกพวกเขามองข้าม
อย่างไรก็ตามยังมีอีกคนที่ไม่ได้มองข้ามเขาเลยตั้งแต่ต้นจนจบก็คือโจวหลิน
โจวหลินตัวสั่นงันงกอยู่ตลอดและไม่กล้าจะพูดอะไรเลย
เขาเหลือบมองชายที่ชื่อเกา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
และคิดในใจว่าหากว่าคนพวกนี้รู้ว่าผู้ชายคนนี้คือไป๋ยี่เฟยแล้วล่ะก็ จะกลัวจนฉี่แตกไปเลยหรือเปล่านะ?
ทุกคนร่วมกินดื่มและทันใดนั้นก็เงียบไปพร้อมกัน
ตอนนี้เองชายแซ่เกาถือแก้วเหล้าแล้วเดินเข้าไปหาไป๋ยี่เฟยและพูด: “มา ไอ้กระจอก ชนแก้วกับฉันสักแก้ว?”
เขาดื่มไปค่อนข้างเยอะและเมาอย่างเห็นได้ชัด แต่เขารู้ว่าตัวเองต้องการทำอะไร
ไป๋ยี่เฟยกลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ยังคงสนใจแต่การกินอาหารของตัวเอง
ชายแซ่เกาเห็นแบบนี้แล้วก็โกรธในทันที เขาวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะและยื่นมือไปผลักไหล่ไป๋ยี่เฟย “กูคุยกับมึงอยู่นะเว้ย หูหนวกรึไง?”
“มึงมันก็แค่ไอ้กระจอกจากบ้านนอก กูชนแก้วกับมึง มึงจะกล้าเมินกูอีก?”
“แถมมึงแม่งยังทำหน้าบึ้งอีก ที่บ้านมีใครตายเหรอ? หรือยังไง?”
โจวหลินเห็นแล้วหน้าซีดเผือด เขาคิดจะห้ามแต่ก็ไม่กล้าพูด
ส่วนไป๋ยี่เฟยน่ะเหรอ เขาไม่คิดจะสนใจคนพวกนี้ แต่ชายแซ่เกาคนนี้ก็เอาแต่รนหาที่ตายอยู่นั่น