ใครใช้ให้เขาพูดจาทิ่มแทงไป๋ยี่เฟยกันล่ะ?
น้องสาวของเขาเพิ่งจากไปไม่นาน คนคนนี้ก็ยังเอาแต่พูดมันออกมาอีก ไม่เท่ากับเป็นการสาดเกลือใส่หัวใจของไป๋ยี่เฟอย่างนั้นเหรอ?
ทันใดนั้นไป๋ยี่เฟยก็เงยหน้าและหันไปมองทางชายคนั้นและพูดอย่างเย็นชา: “อยากตาย!”
“โอ๊ะโอ ไอ้กระจอกนี่บ้าดีนะ?” ชายแซ่เกาลอยหน้าลอยตาแต่ครู่ต่อมาก็ยกขวดเหล้าในมือขึ้นและกระแทกที่หัวของไป๋ยี่เฟย
“ไอ้กระจอก ฟังกูให้ดี คนระดับรากหญ้าในสังคมอย่างมึงไม่มีคุณค่าพอที่จะพูดอะไร กูอยากตีก็ตี ไม่อย่างนั้นกูจะให้มึงรับกรรม!”
“เพล้ง!”
เสียงดัง ขวดไวน์ถูกฟาดใส่หัวของไป๋ยี่เฟย
เสียงดังขนาดนี้ทำให้ทุกคนบนโต๊ะต่างพากันหันมามอง และใตอนนั้นเองทุกคนต่างร้องอุทานอย่างไม่ทันตั้งตัว
ฟางหยันและหัวหน้าแผนกเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
ส่วนกลุ่มเพื่อนของชายแซ่เกาก็พากันตื่นเต้น
แน่นอนว่ายังมีโจวหลิน ใบหน้าของเขากลับมีแต่ความหวาดกลัว
มีเพียงหลิวเสี่ยวอิงที่มีสีหน้าไม่เปลี่ยน
หลิวเสี่ยวอิงไม่กังวลเลยว่าขวดเหล้าขวดเดียวจะทำอะไรไป๋ยี่เฟยได้ ท้ายที่สุดคนอย่างไป๋ยี่เฟยนั้นอึดทึกทนจะตาย
ดูแล้วไป๋ยี่เฟยไม่มีปฏิกิริยาอะไร ชายแซ่เกายังเข้าใจผิดว่าตนเองทำให้เขากลัวจนอึ้งไปแล้ว ขณะเดียวกันเขาก็ทุบขวดเหล้าและพูดจาดูถูกเขา “ไม่รู้ว่าเถ้าแก่น้อยมาจากไหน บังอาจต่อหน้ากู?”
“มึงแม่มันก็เป็น…”
อย่างไรก็ตามเขาหยุดกะทันหันก่อนจะพูดจบ
เพราะไป๋ยี่เฟยค่อยๆ หันหน้ากลับมาและเงยหน้ามองเขา สายตาที่ลึกล้ำนั้นมองดูเขาอย่างสงบนิ่งแต่กลับทำให้รู้สึกหวาดกลัว
ตอนนี้ฟางหยันได้สติและมองไป๋ยี่เฟยที่โดนทำร้ายแล้วพูดด้วยความโกรธทันที: “พวกคุณทำอะไรกันน่ะ? ทำไมถึงทำร้ายคนอื่น?”
เมื่อครู่นั้นมันช่างน่าตกใจจนทำให้เธอลืมไปแล้วว่าไป๋ยี่เฟยไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะปล่อยให้คนอื่นมารังแกได้ตามใจ นับประสาอะไรกับพวกที่อยู่ตรงหน้า ทั้งหมดนี้ไม่มีค่าพอให้ไป๋ยี่เฟยปรายตามองด้วยซ้ำ
“แม่งมึงกล้ามองกูแบบนี้?” ชายแซ่เการู้สึกกลัวในสายตาที่ไป๋ยี่เฟยมองเขา จากนั้นก็ได้สติและรู้สึกว่าตัวเองถูกทำให้คนคนหนึ่งทำให้กลัวจนขายหน้าจึงยิ่งโกรธ
เขาจึงหยิบขวดเหล้าเปล่าขึ้นมาอีกขวดแล้วคิดจะฟาดไปที่หัวของไป๋ยี่เฟยต่อ
แต่ครั้งนี้กลับไม่สำเร็จ
“ผัวะ!”
“เพล้ง!”
“อ๊าก!”
ไป๋ยี่เฟยลุกขึ้นและต่อยไปที่ขวดเปล่า ขวดนั้นแตกละเอียด จากนั้นเขาก็หันไปต่อยชายแซ่เขาหนึ่งหมัด
ชายคนนั้นร้องโหยหวน
เมื่อทุกคนเห็นสิ่งนี้ก็ถอนหายใจพร้อมกัน
ชายแซ่เกาเป็นสมาชิกตระกูลเการุ่นที่สามซึ่งเป็นญาติสนิท การทำร้ายชายแซ่เกาไม่เท่ากับหาเรื่องตระกูลเกาด้วยอย่างนั้นเหรอ?
ดังนั้นนอกจากโจวหลินแล้ว พวกเขาต่างลุกขึ้นยืนและด่าไป๋ยี่เฟย
“มึงกินดีเสือดาวมากจากไหน กล้ามาทำพี่เกา!”
“ฉันว่าแกเบื่อจะอยู่มีชีวิตอยู่บนโลกแล้วสินะ!”
“มึงรออยู่ตรงนี้แหละ วันนี้อย่าได้คิดจะหนีได้ไปจากที่นี่!”
ไป๋ยี่เฟยเฉยเมยต่อคำด่าว่าและข่มขู่ของคนเหล่านั้น เขาเพียงเดินเข้าไปตรงหน้าของชายแซ่เกา ผู้ชายคนนั้นเพิ่งจะถูกหมัดของเขาต่อยลงไปกองกับพื้น และกำลังจะลุกขึ้นในตอนนี้
ไป๋ยี่เฟยใช้เท้าเหยียบลงไปที่หัวของเขา
“โครม!”
หัวของเขากระทบแนบแน่นกับพื้น
ชายแซ่เกาขยับตัวไม่ได้ เลยตะโกนใส่เขา “เชี่ยเอ้ย มึงกล้าต่อยกู มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร? รู้ไหมว่าหาเรื่องกูแล้วผลลัพท์จะเป็นยังไง?”
จากฐานะของเขาที่ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อนไม่เพียงแค่โดนคนทำร้าย ตอนนี้ยังถูกเหยียบ เรียกได้ว่าขายหน้าจนทำให้เขาเดือดดาล
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่เคยจะเห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตา จะด่าก็ด่าไปเขาก็ไม่สนใจ แต่ชายแซ่เกาคนนี้เอาแต่ด่าจี้จุดของไป๋ยี่เฟย
น้องสาวของไป๋ยี่เฟยเพิ่งจากไปได้ไม่นาน แล้วมาพูดเรื่องนี้พอดีไม่เท่ากับหยิบมีดมาทิ่มแทงหัวใจของไป๋ยี่เฟยงั้นเหรอ?
“ไอ้สารเลวยังไม่ปล่อยเขาอีก!”
“ปล่อยเขาเร็วเซ่ ไม่อย่างนั้นตระกูลเกาทั้งหมดไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
“มึงมันรนหาเรื่องจริงๆ!”
ทุกคนต่างตกใจและหวาดกลัว
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้ามองพวกเขาอย่างเฉยเมยและพูดอย่างไร้อารมณ์: “อ้อ งั้นก็ใช้คนตระกูลเกาเข้ามาคุยกับฉันแล้วกัน”
พูดจบไป๋ยี่เฟยก็ยกเท้าตัวเองขึ้น จากนั้นก็กระทืบลงไปที่หัวของชายแซ่เกาอย่างแรง
“โครม!”
“โอ้ย!”
หัวของชายแซ่เกากระแทกกับพื้นและมีเลือดไหลเป็นทาง
สิ่งที่ตามมาคือเสียงกรีดร้องของเขา
ทุกคนที่เห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึงและนิ่งไป
พวกเขาทั้งหมดคิดไม่ถึงเลยว่าทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นคนตระกูลเกาก็ยังกล้าลงมือ!
ในตอนนี้เองฟางหยันก็หวนคิดขึ้นได้ว่าไป๋ยี่เฟยเป็นคนแข็งแกร่ง แต่เธอก็ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
ส่วนหัวหน้าแผนกของคลับที่เห็นไป๋ยี่เฟยทำร้ายชายแซ่เกานั้นก็ได้แอบวิ่งออกไปเรียกบอดี้การ์ดแล้ว
ชายเกามีเลือดไหลเป็นทางออกมาจากหัว ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างหวาดกลัว
และตัวเขาเองยิ่งหวาดผวามากขึ้น ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนท่าทีและขอความเมตตาทันที: “ไม่เอาแล้ว ๆ ปล่อยผมไปเถอะ!”
“คุณอยากได้อะไร? ผมให้หมดเลย อยากได้เงินไหม? ผมให้คุณได้นะ! ขอล่ะอย่าทำร้ายผมเลย ผมจะให้ตระกูลเกาปล่อยคุณไป”
เขากลัวแล้วจริงๆ เมื่อครู่ตอนที่กระทืบเท้าลงมา หากเปลี่ยนเป็นคนที่มีแรงเยอะกว่านี้อีกนิด คาดว่าคงจะระเบิดสมองของเขาตายไปแล้ว
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเฉยเมย: “เราก็ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน ฉันก็ไม่คิดจะหาเรื่อง แต่ใครใช้ให้คุณแม่งหาเรื่องผม?”
“ปัง!”
ไป๋ยี่เฟยกระทืบลงไปอีก
“โอ้ย!”
ชายแซ่เการ้องออกมาอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง
ใบหน้าของเขาหันลงพื้น เพราะการกระทืบครั้งนี้ทำให้ดั้งของเขาหัก และเลือดก็ไหลลงมาที่ริมฝีปากของเขาเป็นภาพเบลอ
ทุกคนเห็นอย่างนั้นก็รีบขู่
“หยุดนะ ผลของมันแกรับไม่ไหวหรอก!”
“หากแกยังทำต่อไปจนถึงชีวิต ตระกูลเกาไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
“ฉันแจ้งให้ตระกูลเกาทราบแล้ว ตอนนี้แกหยุดก็ยังทัน!”
รอบตัวไป๋ยี่เฟยมีแต่ความเย็นยะเยือกทำให้ทุกคนรู้สึกว่าควรอยู่ให้ห่างเขาไม่มีใครกล้าเข้าไป
เขาเห็นทุกคนแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “ตระกูลเกา?”
“ไม่เคยได้ยิน เก่งมากรึไง?”
“หรือว่าเก่งกว่าสี่ตระกูลผู้ยิ่งใหญ่?”
“เก่งกว่าเต้าจ่างรึเปล่า?”
เมื่อทุกคนได้ยินประโยคนี้ต่างก็ตกตะลึง เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าไป๋ยี่เฟยถามแบบนี้หมายความอย่างไร
แต่พวกเขารู้ว่าสี่ตระกูลผู้ยิ่งใหญ่และเต้าจ่าง แต่ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือไป๋ยี่เฟยไม่ใช่พวกบ้านนอกอย่างที่พวกเขาคิด ที่สุดแล้วรู้เรื่องพวกนี้ต้องไม่ธรรมดา
หลังจากนั้นคำพูดของไป๋ยี่เฟยก็ทำให้พวกเขาตั้งตกใจจนกรามค้าง
“คุณชายตระกูลฉุงแห่งสี่ผู้ยิ่งใหญ่มาหาผม ก็ถูกผมฆ่า!”
“เต้าจ่างหาเรื่องทำก็ยังต้องแพ้ผม!”
“พวกคุณบอกว่าตระกูลเกาไม่มีทางปล่อยผม?”
“ตระกูลเกาจะมีอะไร!”