“ฉันไว้หน้ามัน? มันคิดว่าตัวเองอยากทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ? ห๊ะ?”
ฟางหยันยังมองไปที่เทียนถังเก๋อ จากนั้นเธอก็พูดออกมาอย่างรีบเฉยว่า “เขาอาจจะเป็นไป๋ยี่เฟยก็ได้”
“ไป๋ยี่เฟยเป็นใคร? ไป๋ยี่เฟยมันเก่งมากเลยเหรอ? ไป๋ยี่เฟย……” เอเจนซี่ยังโมโหไม่หาย โดยไม่ได้เอะใจกับชื่อนั้นเลยแต่พอพูดๆ ไปเขาก็รู้ตัวขึ้นมา “ไป๋ยี่เฟยเหรอ?”
“คนที่ไปต่อกรกับไป๋ยี่เฟยนะเหรอ?”
เอเจนซี่อึ้งไปเลย
ฟางหยันไม่ได้ตอบ เพราะเธอเองก็ยังไม่มั่นใจเหมือนกัน
ตอนนี้สีหน้าของเอเจนซี่ได้ซีดเผือดไปแล้ว ขาสองข้างอ่อนแรง
เขานึกถึงการแสดงออกที่ตัวเองมีต่อไป๋ยี่เฟยในคลับ แล้วนึกถึงตอนที่คนจากตระกูลเกาถูกไป๋ยี่เฟยฆ่าตาย พอเกาจื๋อมาถึงก็ทำตัวเหมือนหนูที่เจอแล้ว
ที่แท้เขาก็คือไป๋ยี่เฟยนั่นเอง
ทุกคนต่างก็รู้ดี ว่าไป๋ยี่เฟยเป็นคนบ้า
เขาจะไม่ตามมาฆ่าฉันใช่มั้ย
เอเจนซี่รู้สึกใจคอไม่ดีเลย
……ในเวลาเดียวกัน ภายในสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง โจวฉวี่เอ๋อเดินเข้ามาในห้องทำงานของหลี่เสว่ “เสว่เอ๋อ ฉันเพิ่งไปหาข้อมูลที่ห้องจัดเก็บเอกสารมา ข้อมูลของสิบอันดับยักษ์ใหญ่นั้นไม่สมบูรณ์”
พอหลี่เสว่ได้ยินอย่างนั้น ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมา “ตอนที่ฉันเพิ่งมาที่นี่ ฉันเองก็เคยดูเอกสารชุดนั้นแล้วเหมือนกัน”
“ฉันเองก็ดูแล้ว” โจวฉวี่เอ๋อพยักหน้า
ถึงหลี่เสว่จะไปกับไป๋ยี่เฟย แต่เธอก็ไม่เคยลาออก ดังนั้นตอนนี้เธอก็ยังเป็นรองประธานของทางสหพันธ์ธุรกิจอยู่
และตอนที่เธอเพิ่งเข้ามาในสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงนั้น เธอก็ได้บังเอิญไปเห็นเอกสารลับที่เกี่ยวกับสิบอันดับยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งในห้องจัดเก็บเอกสารของทางสหพันธ์ธุรกิจเข้า
แต่ตอนนั้นหลี่เสว่คิดว่ามัมไม่มีประโยชน์จึงไม่ได้จนใจ
แต่พอไป๋ยี่เฟยบอกว่าจะมาที่เมืองหลวง งั้นเอกสารฉบับนั้นมันก็ต้องจำเป็นต่อไป๋ยี่เฟย
อย่างน้อยก็น่าจะเอามาใช้ควบคุมพวก สิบอันดับยักษ์ใหญ่ได้บ้าง ทำให้เต้าจ่างได้รับผลกระทบไปทุกทาง
หลี่เสว่ถามไปว่า “ช่วงนี้คนที่ดูแลคลังเอกสารมีพฤติกรรมที่ผิดปกติไปรึเปล่า?”
โจวฉวี่เอ๋อพยักหน้า “ฉันก็ถามมาเหมือนกัน มีแค่พนักงานคนหนึ่งที่ชื่อเฉินลี่ได้ลายาวไปหลายวันแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ก็ปกติดี”
พอได้ยินอย่างนั้น หลี่เสว่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ทันใดนั้น หลี่เสว่ก็ลุกฮวบขึ้นมาแล้ววิ่งไปในห้องน้ำ
“แหวะ……”
โจวฉวี่เอ๋อตกใจจนรีบวิ่งตามเข้าไป แล้วถามไปด้วยความเป็นห่วงว่า “นี่เธอเป็นอะไร?”
หลี่เสว่ใช้น้ำบ้วนปาก จากนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาพูดว่า “ไม่เป็นไร เราไปหาเฉินลี่กัน”
โจวฉวี่เอ๋อยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่
พอหลี่เสว่เห็นอย่างนั้น เธอก็พูดเสริมไปว่า “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ”
จากนั้นหลี่เสว่ก็ให้โจวฉวี่เอ๋อโทรหาเฉินลี่ แต่ก็โทรไม่ติด ทั้งคู่จึงไปสืบหาที่อยู่ของเฉินลี่ แล้วขับรถไปที่บ้านของเฉินลี่
หลังจากพวกเธอขับรถออกไปไม่มนาน ในห้องทำงานของเต้าจ่างที่อยู่บนยอดตึก มีชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วรายงานกับเต้าจ่างว่า “ท่านประธานครับ รองประธานหลี่ได้ออกไปพร้อมกับเลขาของเธอแล้วครับ”
เต้าจ่างค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “แจ้งเรื่องนี้ให้สิบอันดับยักษ์ใหญ่รู้”
“ครับ”
หลังจากที่ชายชุดดำจากไป เต้าจ่างก็พูดออกมาเบาๆ ว่า “ท้องแล้วอย่างนั้นเหรอ น่าเสียดายที่เลือกผิดคน”
……
ไป๋ยี่เฟยโทรหาเฉินอ้าวเจียว บอกให้พวกเขามาเจอกันที่คลับ
คลับแห่งนี้ใหญ่มาก ใหญ่พอที่จะให้พวกเขาพังอยู่ที่นี่
ส่วนคำพูดของเมิ่งฉิงนั้นเดี๋ยวเขาค่อยจัดการทีหลัง
พอจางหัวปินมาถึง ไป๋ยี่เฟยก็ให้เขาไปเดินเรื่องกับเมิ่งฉิง
ตอนนี้ภายในห้องวีไอพีเหลือแค่เขากับหลิวเสี่ยวอิงแล้ว
ตอนแรกไป๋ยี่เฟยตั้งใจจะออกไปข้างนอก แต่พอเห็นหลิวเสี่ยวอิงที่ทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรกับเขา เขาจึงพูดกับเธอไปว่า “มีอะไรก็พูดมาเลยครับ”
หลิวเสี่ยวอิงส่ายหน้า
พอไป๋ยี่เฟยเห็นอย่างนั้น เขาก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา “นี่คุณอยากให้ผมเป็นพ่อสื่อระหว่างคุณกับเมิ่งฉิงใช่มั้ย?”
เพราะตอนที่เมิ่งฉิงปรากฏตัวนั้น หลิวเสี่ยวอิงถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วทำตาเป็นประกาย
พอหลิวเสี่ยวอิงได้ยินอย่างนั้น เธอก็หน้าแดงขึ้นมาทันที แล้วทำเป็นโมโห “อย่ามาพูดบ้าๆ นะ!”
“คุณเป็นห่วงเรื่องของตัวเองดีกว่า ภรรยาของตัวเองไม่ปกติแท้ๆ ยังไม่รู้ตัวอีก ยังจะมีใจมาแซวฉันอีก”
หลิวเสี่ยวอิงพูดมาอย่างไม่ทันคิด แต่ไป๋ยี่เฟยก็ได้ยินแล้ว เขาจึงค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นกับภรรยาผม?”
หลิวเสี่ยวอิงรู้ตัวแล้วว่าด้วยสถานการณ์ที่คับขันเมื่อกี้ตัวเองดันเผลอพูดเรื่องนั่นออกไป เธอจึงรีบเอามือปิดปากเอาไว้
ไป๋ยี่เฟยจ้องเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
พอหลิวเสี่ยวอิงเห็นอย่างนั้น เธอก็รู้สึกผิดมาก พอคิดๆ ดูเธอจึงกัดฟันพูดไปว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่ก่อนหน้านี้เธอเอาแต่อาเจียนไม่ใช่รึไง?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
หลิวเสี่ยวอิงพูดต่อ “การที่ผู้หญิงคลื่นไส้อาเจียนนั่นมันหมายความว่ายังไง?”
“หมายความว่ายังไงเหรอครับ?” ไป๋ยี่เฟยถามไปด้วยความมึนงง เขาจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ?
หลิวเสี่ยวอิงเหลือกตามองบน ในเมื่อพูดแล้วก็ไม่ต้องผิดอีก “ยังมีหน้ามาบอกว่ารักภรรยาของตัวเองนักหนาอีกแม้แต่เรื่องแบบนี้ก็ยังไม่รู้!”
“แน่นอนว่าเธอกำลังตั้งท้อง แถมยังเป็นลูกแฝดด้วย”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งไปทั้งตัว
ตั้งท้องเหรอ?
แถมเป็นลูกแฝดด้วย!
เขาเป็นพ่อคนแล้ว!
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาอยากจะวิ่งไปหาหลี่เสว่แล้วกอดเธอตอนนี้เลย
แต่ความรู้สึกที่แสนตื่นเต้นนั้นก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น
ไป๋ยี่เฟยรับสาย
“พี่ไป๋ครับ ผมให้คนไปเช็คดูแล้ว พี่สะใภ้เธอกลับไปที่สหพันธ์ธุรกิจจริงๆ แต่ว่า……”
“แต่อะไรครับ?”
“แต่คนของผมไม่สามารถติดต่อเธอได้อีก เหมือนเธอจะหายตัวไปแล้ว”
คนที่โทรมาคือหลินขวาง ทันทีที่ไป๋ยี่เฟยมาถึงเมืองหลวง เขาก็โทรหาหลินขวาง เขาอยากใช้ความสัมพันธ์ของตระกูลหลินเพื่อเข้าหาหลี่เสว่
เนื่องจากคราวที่แล้วเขากับเต้าจ่างทะเลาะกันใหญ่โตขนาดนั้น ถ้าเขายังเข้าไปในสหพันธ์ธุรกิจอีกทางนั้นคงไม่ปล่อยเขาให้เดินเข้าไปแน่นอน
ไป๋ยี่เฟยตกใจทันที “เกิดอะไรขึ้นครับ?”
พอวางสายไป ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
ไม่มีทางที่หลี่เสว่จะหาไปอย่างไม่มีสาเหตุแน่นอน มีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะกำลังตกอยู่ในอันตราย
ที่สำคัญ เขาเพิ่งได้รู้เองว่าหลี่เสว่กำลังตั้งท้องอยู่ แต่หลี่เสว่ก็มาหายตัวไป มันยิ่งทำให้เขารู้สึกร้อนรนและเป็นห่วงขึ้นไปอีก
เขาจะปล่อยให้หลี่เสว่เป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด
ว่าแล้วไป๋ยี่เฟยก็ตัดสินใจไปที่สหพันธ์ธุรกิจ
ไป๋ยี่เฟยเดินทางไปที่สหพันธ์ธุรกิจคนเดียว เขาไม่ถูกขัดขวาง แต่ก็ไม่เจอเต้าจ่างเหมือนกัน
เขาลองถามพนักงานของสหพันธ์ธุรกิจดู แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าหลี่เสว่ไปไหน
หลังออกจากสหพันธ์ธุรกิจมา ไป๋ยี่เฟยก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ เขากำลังร้อนรนมาก
เมืองหลวงที่ใหญ่ขนาดนี้ จะให้เขาไปหาที่ไหนกัน?
ที่สำคัญ ถ้าหาเจอช้าเท่าไหร่ หลี่เสว่ก็จะตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
เขากลัว
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยก็นึกถึงตระกูลไป๋ขึ้นมา
ในช่วงหัวค่ำ ไป๋ยี่เฟยก็ไปที่วิลล่าของตระกูลไป๋ เขากดกริ่ง
คนที่มาเปิดประตูคือชายอายุห้าสิบกว่าคนหนึ่ง เขาอยู่ในชุดTailcoat และสวมแว่นที่มีกรอบสีทองเอาไว้