“ถุย!”
หลี่เสว่ถ่มน้ำลายใส่เขา จากนั้นก็เบี่ยงหน้าหลบออกจากมือของหูเฟยหง
หูเฟยหงยื่นมือขึ้นมาเช็ด โดยที่ไม่ได้รู้สึกโกรธ แถมยังยิ้มออกมาอีกด้วย
“สาวน้อยนี่เร้าใจใช้ได้เลยนี่” หูเฟยหงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
จากนั้นเขาก็โบกมือให้พวกคนที่เฝ้าหลี่เสว่ “พวกแกออกไปก่อน”
พวกคนที่เฝ้าหลี่เสว่หันมาสืบตากัน พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าหูเฟยหงต้องการจะทำอะไร พวกเขาแค่ขำออกมาอย่างชั่วร้ายจากนั้นก็เดินจากไป และไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ด้วย
ตอนนี้ในห้องเหลือแค่คนทั้งสองแล้ว หลี่เสว่รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมา “คุณคิดจะทำอะไร?”
“แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะคนสวย?” หูเฟยหงหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายทีหนึ่ง
หลี่เสว่สีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา จากนั้นเธอก็ข่มขู่ไปว่า “ฉันเป็นรองประธานของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง ฉันขอเตือนว่าคุณอย่างคิดทำอะไรบ้าๆ ดีกว่า ไม่อย่างนั้น……”
“ไม่อย่างนั้น?” หูเฟยหงพูดขัดหลี่เสว่ไว้ก่อน จากนั้นก็ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “เป็นรองประธานสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงแล้วยังไง? หึ……เธอคิดว่ายังสามารถเอาตำแหน่งนี้มาข่มขู่ฉันได้อีกเหรอ?”
“ซุนหมิงเจี้ยนก็เป็นรองประธานของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงเหมือนกัน ถึงจะเป็นรองประธานเหมือนกัน แต่ฐานะกับชื่อเสียงของเขาก็ยังอยู่สูงกว่าเธอ ก็ยังถูกไป๋ยี่เฟยฆ่าตายอยู่ดีไม่ใช่รึไง?”
“แล้วทำไมฉันจะนอนกับเธอไม่ได้ล่ะ?”
“อีกอย่างนะ เธอเป็นภรรยาของไป๋ยี่เฟย ถ้าฉันนอนกับเธอแล้ว ฉันคิดว่าเต้าจ่างก็น่าจะดีใจมากแน่ๆ?”
“สุดท้าย พอสามีของเธอตายแล้ว เธอคือว่าเธอยังจะสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งของรองประธานได้อีกรึไง?”
“หึ!”
หูเฟยหงพูดไปก็เอามือมาแกะเนกไทของตัวเองออก จากนั้นก็ยื่นมือไปบีบคางของหลี่เสว่เอาไว้
“เหนือดวงจันทร์……”
จู่ๆ ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น
หูเฟยหงถึงกับขมวดคิ้ว “แม่งเอ๊ย! ใครมันกล้ามาขัดจังหวะฉันในเวลาแบบนี้เนี่ย?”
แต่พอเขาหยิบมือถือขึ้นมาดู และตอนที่จะกดตัดสายอยู่นั้น เขาก็ชะงักไปแปบหนึ่งก่อนจะรับสายในที่สุด
“ได้ ผมเข้าใจแล้ว”
หลังวางสาย หูเฟยหงก็หันมามองหลี่เสว่ด้วยความรู้สึกที่ทั้งไม่พอใจและเสียดาย จากนั้นก็กัดฟันพูดไปว่า “รออยู่นี่แหละ คืนนี้เธอเสร็จฉันแน่!”
พอพูดเสร็จเขาก็เดินดุ่มๆ ออกไปเลย
พอหูเฟยหงมาถึงห้องรับแขก เขาก็เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงโซฟา ส่วนด้านหลังของเขาก็มีจูฉวนอู่ยืนอยู่อย่างสุภาพเรียบร้อย
“พี่ใหญ่ พี่มาได้ยังไงเนี่ย?” หูเฟยหงรีบเดินมาข้างหน้า
ชายคนนั้นแค่เงยหน้าขึ้นมามองเขาแวบเดียว จากนั้นก็มองไปทางอื่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “ฉันไม่อยากฟังคำอธิบายจากพวกแก และไม่อยากรู้ในสิ่งที่พวกแกคิดด้วย”
“ตอนนี้รีบปล่อยคนไปซะ”
พอได้ยินอย่างนั้น หูเฟยหงกับจูฉวนอู่ก็หันมาสบตากัน ด้วยสีหน้าที่แปลกใจทั้งคู่
“พี่ใหญ่ แต่หลี่เสว่คนนี้……” หูเฟยหงพูดด้วยความลังเล
พอชายคนนั้นได้ยินแบบนั้นก็ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา “พวกแกรู้รึเปล่าว่าตัวเองได้ไปทำให้ไป๋หยุนเผิงโกรธเข้าแล้ว!”
“ตอนนี้ทั้งเมืองกำลังวุ่นวาย ถ้าพวกแกยังไม่ยอมปล่อยคนไป คืนนี้ต้องถูกไป๋หยุนเผิงหาเจอแน่ พอถึงตอนนั้น พวกแกจะมานั่งเสียใจก็ไม่ช่วยอะไรแล้ว!”
กับเรื่องนี้ หูเฟยหงกลับไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “ไป๋หยุนเผิงมันถูกพวกตาแก่ในตระกลูริบอำนาจไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ? แล้วมันจะเอาความสามารถจากไหนมาตามหาเราครับ?”
ชายคนนั้นเหลือบมองหูเฟงหงด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจ “แกรู้อะไรมั้ย?”
“เมื่อสองชั่วโมงก่อน ไป๋หยุนเผิงได้รับอำนาจทั้งหมดกลับคืนมาแล้ว รู้รึเปล่าว่าเพราะอะไร?”
“มันเป็นเพราะว่าหลี่เสว่ หรือก็คือผู้หญิงที่พวกแกจับตัวอยู่นั่นแหละ สะใภ้ตระกูลไป๋ ตอนนี้เธอกำลังอุ้มท้องที่เป็นทายาทของตระกูลไป๋อยู่ ตอนนี้พวกแกไม่ได้แค่กำลังมีปัญหากับแค่ไป๋ยี่เฟยคนเดียวเท่านั้น แต่พวกแกกำลังมีเรื่องกับไป๋หยุนเผิงรวมถึงตระกูลไป๋ทั้งตระกูลด้วย!”
สิ้นเสียง หูเฟยหงกับจูฉวนอู่ก็อึ้งไปตามๆ กัน ในเวลาเดียวกัน เหงื่อเย็นๆ ก็ผุดออกมาจากแผ่นหลัง
จริงอยู่ที่ สิบอันดับยักษ์ใหญ่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนทั่วไปนั่นสูงส่งมาก แต่ถ้าเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้วกลับไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ
อำนาจของสี่ตระกูลใหญ่นั้นมีมากกว่า สิบอันดับยักษ์ใหญ่อย่างเทียบไม่ติด จนอยู่กันคนละระดับไปแล้ว
เสียงของหูเฟยหงเริ่มสั่นแล้ว “ตะ…แต่…หลี่เสว่…เห็นหน้าผมแล้ว……”
“เพรี๊ยะ!”
พอชายคนนั้นได้ยิน ก็เข้ามาตบหน้าหูเฟยหงทันที
การตบในครั้งนี้ค่อนข้างแรง จนหูเฟยหงถึงยังเซไปหลายก้าว และเกือบล้มลงพื้น
“ปัญญาอ่อน!”
“ไอ้หน้าโง่!”
ชายคนนั้นโมโหมาก พร้อมกับชี้หน้าด่าทอหูเฟยหง “นี่แกไม่มีสมองเลยรึไง? ทำอะไรไม่รู้จักนึกถึงผลที่จะตามมาเลยรึไง?”
หูเฟยหงได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าโต้แย้งอะไร
หลังจากที่ชายคนนั้นด่าทอไปชุดหนึ่งแล้ว เขาจึงพูดออกมาเบาๆ ว่า “พี่ใหญ่ ผมผิดไปแล้ว แต่……ตอนนี้ควรแก้ไขยังไงดีครับ?”
ชายคนนั้นทำเสียงฮึดฮัด ขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ แล้วคิดว่าควรทำยังไงต่อไปดี
สักพัก ชายคนนั้นก็ตบโต๊ะทีหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ในเมื่อถูกเห็นหน้าแล้ว ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ก็มีแต่ต้องกำจัดหลี่เสว่ทิ้งซะ กำจัดจนไม่ให้เหลือร่องรอย”
“จากนั้นฉันจะจัดการคนให้ ส่งพวกแกไปซ่อนตัวสักระยะ”
หูเฟยหงมองชายคนนั้นด้วยความอึ้ง
“พี่ใหญ่……ต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับ? คุณไม่ต้องไปกลัวตระกูลไป๋ก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ?”
ชายคนนั้นทำเสียงฮึดฮัด “ไม่ต้องพูดมาก ถ้าอยากรอดก็ทำตามที่ฉันสั่ง”
“ครับ!”
หูเฟยหงกับจูฉวนอู่รีบตอบรับทันที
ชายคนนั้นตะโกนออกไปนอกห้อง “เสี่ยวชี แกตามพวกมันไป ช่วยพวกมันจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย จากนั้นก็ส่งไปที่สนามบิน”
“ครับ”
ชายร่างสูงใหญ่ที่ดูไม่ค่อยล่ำนักเดินเข้ามาจากด้านนอก
ก่อนที่ชายที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่จะออกไป เขาก็หันมาเตือนหูเฟยหงกับจูฉวนอู่ว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะดูแลครอบครัวของพวกแกให้ แต่ที่พวกแกต้องจำไว้ก็คือ คืนนี้ฉันไม่เคยมาที่นี่ และเราก็ไม่เคยพบกัน”
“เข้าใจแล้วครับ” ทั้งสองคนรีบพยักหน้าตอบทันที
ชายคนนั้นจากไปแล้ว หูเฟยหงกับจูฉวนอู่หันมาสบตากัน ต่างคนต่างเห็นสายตาที่แน่วแน่ของอีกฝ่าย
จากนั้นพวกเขาก็สั่งให้ลูกน้องเฝ้าข้างนอกไว้ แล้วตัวเองก็เข้าไปในห้องใต้ดิน ชายที่ชื่อเสี่ยวชีก็ตามลงไปด้วยเหมือนกัน
“พูดตามตรงนะ ผมยังไม่เคยเจอผู้หญิงที่สวยขนาดนั้นมาก่อนเลย ถ้าฆ่าไปทั้งอย่างนี้มันดูจะน่าเสียดายไปหน่อยนะ” หูเฟยหงเอามือลูบบนใบหน้าที่ถูกตบ พร้อมพูดด้วยความรู้สึกที่เสียดาย
จูฉวนอู่หันมามองเขา แล้วยิ้มออกมาอย่างไม่ชอบใจ “เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว คุณยังมีใจไปคิดถึงเรื่องแบบนี้อีกเหรอ?”
แต่หูเฟยหงยังไม่ยอมตายใจ เขาจึงหันไปถามเสี่ยวชีว่า “พี่ใหญ่บอกว่า ให้จัดการให้เร็วที่สุด แต่มันก็ต้องมีเวลาที่ไม่ทันการณ์สินะ?”
เสี่ยวชีขมวดคิ้วแล้วมองหน้าหูเฟยหง จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “ช้าสุดก็ก่อนฟ้าสางครับ”
“ฮึฮึ……” หูเฟยหงขำออกมาทันที “พี่ชี พี่ดูสิ กว่าจะเช้ายังมีเวลาอยู่อีกตั้งหลายชั่วโมง ผู้หญิงคนนั้นยังไงก็ต้องถูกเราฆ่าอยู่แล้ว ก่อนจะฆ่าก็ให้ผมได้เสพสุขสักหน่อยเป็นไง?”
เสี่ยวชีขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม แต่เขาก็ไม่ได้ตอบ แล้วหันไปมองจูฉวนอู่
จูฉวนอู่ทำหน้าบึ้งตึง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “แกนี่คงได้ตายเพราะผู้หญิงเข้าสักวัน จนเวลาแบบนี้แล้วยังจะคิดเรื่องแบบนี้อยู่อีก!”
หูเฟยหงพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “มันยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงไม่ใช่รึไง? ยังไงก็ต้องฆ่าอยู่แล้ว แต่ก่อนฆ่าก็ขอผมมีความสุขหน่อยไม่ได้รึไง?”
“อีกอย่างนะ ยังไงตอนนี้เราก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ไม่มีใครใหญ่ไปกว่าใครทั้งนั้น ถ้าคุณยังพูดแบบนี้กับผมอีก จะมาหาว่าผมไร้มารยาทไม่ได้นะ!
“พอจูฉวนอู่ได้ยินอย่างนั้น เขาก็โมโหขึ้นมาทันที “ฮึ แกคิดว่าฉันกลัวรึไง!”
“แน่จริงก็เข้ามา! ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าแกจะทำยังไงกับฉัน?”
ระหว่างที่พูด จูฉวนอู่ก็ชักมีดออกมาเล่มหนึ่ง
เมื่อหูเฟยหงเห็นแบบนั้นก็ไม่ยอมเหมือนกัน เขาจึงปลดเข็มขัดของตัวเองออกมา พร้อมกับพูดกวนประสาทจูฉวนอู่ไปด้วย “มาสิ คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ!”
เสี่ยวชีเอาแต่ยืนมองพวกเขาอยู่ตรงนั้น โดยไม่คิดจะห้าม เพราะเจ้านายสั่งให้เขาแค่ช่วยจัดการคนให้เรียบร้อย จากนั้นก็ส่งไปที่สนามบิน
ทันใดนั้น
เข็มขัดของหูเฟยหงก็เข้ามารัดคอของเสี่ยวชีไว ส่วนจูฉวนอู่ก็แทงมีดเข้าที่กลางอกของเสี่ยวชีอย่างแรง
เสี่ยวชีถึงกับอึ้ง
เสี่ยวชีนั้นเป็นยอดฝีมือ แต่ยังไงก็นึกไม่ถึงว่า ทั้งสองคนจะแกล้งทำเป็นทะเราะกัน แล้วหันมาลอบฆ่าตัวเองจนสำเร็จแบบนี้