บทที่ 75
หนึ่งวันให้หลัง ณ ห้องทำงานประธานอุตสาหกรรมการผลิตยาหลิ่วซื่อ
หลิ่วจาวเฟิงกำลังนั่งคุยโทรศัพท์บนโต๊ะทำงาน
“พี่เตา สวัสดีครับ ผมมีงานให้ทำนิดหน่อย……”
“เพียงแค่พี่รับปาก ทำสำเร็จแล้ว พี่แค่เอ่ยราคามาผมไม่กลับคำแน่นอน”
“ครับ ครับ……”
วางสายเสร็จ หลิ่วจาวเฟิงแสยะยิ้ม“ไป๋ยี่เฟย ครั้งนี้ ฉันจะดูว่าแกบ้าได้ขนาดไหน?กล้ามีเรื่องกับฉันหลิ่วจาวเฟิง มีแต่ตายเท่านั้น!”
พูดจบ คนระดับสูงคนหนึ่งเคาะประตูและเดินเข้ามา
“ประธานหลิ่ว ลูกค้าเก่ายกเลิกสัญญากับเราโดยไม่ทราบสาเหตุ และยินดีจ่ายค่าชดใช้”
“แกว่าไงนะ?”หลิ่วจาวเฟิงตกใจ“เกิดอะไรขึ้น?”
ชายคนนั้นพูดต่อด้วยสีหน้าขมขื่น:“ไม่เพียงแค่นั้น ซัพพลายเออร์คนเก่ายังหยุดจัดหาวัสดุให้กลางคัน การผลิตของเราหยุดชะงัก”
หลิ่วจาวเฟิงยังไม่ทันโวย ก็มีคนเคาะประตูเขามาอีก ครั้งนี้ไม่ใช่คนเดียว แต่มากันสิบกว่าคน
“ประธานหลิ่ว แผนกอนามัยมาหลายครั้งมาก พูดถึงปัญญาหาเล็กๆน้อยๆ ให้พวกหยุดการผลิตทันที ”
“ประธานหลิ่ว หน่วยดับเพลิงได้รับรายงานจากบุคคลนิรนาม บอกว่าหน่วยดับเพลิงของเรามีของด้อยคุณภาพ มีถังดับเพลิงหมดอายุ……”
“ประธานหลิ่ว นอกจากร้านยาของเรา ร้านยาและโรงพยาบาลอื่นๆ ล้วนหยุดใช้ยาของเรา และหยุดการจัดซื้อ……”
“ประธานหลิ่ว……”
ผู้คนนับสิบในห้องทำงานต่างมองหลิ่วจาวเฟิงด้วยสีหน้าจริงจัง บริษัทไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน
หลิ่วจาวเฟิงนิ่งไปนานมาก ในที่สุดก็ได้สติ เข้าใจทันทีว่านี่ต้องมีคนตั้งใจเล่นงานเขาแน่ๆ
“แม่ง!ใครเป็นคนทำวะ?กล้าทำกับบริษัทฉันงั้นเหรอ?ไม่รู้รึไงว่าฉันมีหลิ่วซื่อกรุ๊ปหนุนหลัง?แม่งเอ้ย!รีบไปสืบเดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนทำ!ฉันจะทำให้มันหายไปจากเมืองเทียนเป่ย!”
ทุกคนเห็นหลิ่วจาวเฟิงโมโห ล้วนก้มหน้ารับคำ แล้วรีบออกไป
คนพวกนั้นเพิ่งออกไป หลิ่วจาวเฟิงมีสายเข้ามา
“ประธานหลิ่ว ด้านโรงงานเหล็กซัพพลายเออร์ได้หยุดจัดหาวัสดุแล้ว……”
“ไม่เพียงเท่านี้ ผู้ถือหุ้นหลายรายถอนหุ้นแล้ว……”
“ประธานหลิ่ว โรงแรมกับห้างถูกตรวจพบว่าขายสินค้าต้องห้าม จึงปิดไป……”
“เพล้ง!”
หลิ่วจาวเฟิงขว้างโทรศัพท์ลงบนโต๊ะจนแตก“แม่งเอ้ย!ใครมันเล่นงานฉัน?กล้าเป็นศัตรูหลิ่วซื่อกรุ๊ป ให้ตายเถอะ แกรอฉันเถอะ!ฉันจัดการแกแน่ๆ!”
หลิ่วจาวเฟิงหยิบเสื้อโค้ท ขับรถไปยังอาคารสำนักงานใหญ่หลิ่วซื่อกรุ๊ป
เมื่อมาถึงห้องทำงานของหลิ่วเซียวเหยา หลิ่วจาวเฟิงโผไปยังโต๊ะทำงานหลิ่วเซียวเหยา“พี่รอง ช่วยผมด้วย……”
…..
โหวจวี๋กรุ๊ป
ชายวัยกลางคนตัวอ้วนที่สูงเพียง1.5เมตร ยืดท้องโตๆของตน เดินเข้าไปอาคารโหวจวี๋กรุ๊ป
ไป๋ยี่เฟยเพิ่งออกจากห้องทำงานพอดี เห็นหลงหลิงหลิงเลยเรียกไว้ และกำชับเรื่องบางเรื่อง
“เรื่องนิวซีกรุ๊ปยังต้องจับตาดูไว้……”
พูดได้เพียงครึ่ง ก็เห็น ชายวัยกลางคนตัวอ้วนเดินมา
“หลิงหลิง ไม่เจอกันนานเลยนะ!”
หลงหลิงหลิงเห็นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างมืออาชีพ:“ประธานจางสวัสดีค่ะ วันนี้มาบริษัทมีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”
ประธานจางมีชื่อว่าจางหรง เป็นหนึ่งในประธานกรรมการโหวจวี๋กรุ๊ป ในมือถือหุ้นอยู่เล็กบ้าง แต่ก็ไม่เยอะ ปกติถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่เข้าบริษัท
การประชุมคณะกรรมการครั้งก่อน ประธานจางไปต่างประเทศพอดี อีกทั้งยังเจอกับพายุไต้ฝุ่น เพิ่งกลับมาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง
จางหรงยิ้มและพูด:“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากถามหน่อยว่าในบริษัทมีคนชื่อไป๋ยี่เฟยไหม?”
หลงหลิงหลิงนิ่งไป ชำเลืองมองไป๋ยี่เฟยพลางตอบ:“มีค่ะ”
“มีก็ดี”จางหรงพยักหน้า“ฉันเรียกหาเขาเพราะมีเรื่องนิดหน่อย ไม่สิ ไม่ต้องเรียกเขา แค่เธอก็พอ”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วสงสัย
หลงหลิงหลิงถามด้วยความสงสัย:“ประธานจางเรียกหาไป๋ยี่เฟยทำไมเหรอ?มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“เห้อ!”ประธานจางถอนหายใจ แล้วพูด:“ฉันมีเพื่อคนหนึ่ง บอกว่าตอนเจรจาธุรกิจกับโหวจวี๋กรุ๊ปเมื่อไม่นานมานี้ เจอกับผู้จัดการคนหนึ่งชื่อไป๋ยี่เฟย”
“ไป๋ยี่เฟยคนนี้เป็นผู้จัดการของโหวจวี๋กรุ๊ปอย่างไม่เป็นธรรม เป็นคนต่ำช้า เห็นว่าตัวเองเป็นผู้จัดการโหวจวี๋กรุ๊ป จึงเสนอสิ่งที่ต้องการอย่างไม่เหมาะสม ไม่ระมัดระวังคำพูด ใช้อำนาจบาตรใหญ่ คนแบบนี้เป็นปลาเน่าของโหวจวี๋กรุ๊ป ทำให้พวกเราดูไม่ดี!”
“หลิงหลิง ผู้จัดการแบบนี้โหวจวี๋กรุ๊ปไม่ต้องการ ถ้าให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไป เกรงว่าโหวจวี๋กรุ๊ปของเราต้องจบเห่แน่!”
จางหรงพูดอย่างขุ่นเคือง ราวกับว่าไป๋ยี่เฟยเป็นคนเลวทรามที่ไม่อาจให้อภัยได้
หลงหลิงหลิงรู้สึกจบเห่แน่ แต่คนที่จบเห่ไม่ใช่ตัวเอง เป็นประธานจางที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก
ไป๋ยี่เฟยยิ้มพลางมองจางหรง ไม่พูดอะไร
จางหรงเห็นว่าหลงหลิงหลิงไม่พูด ก็รู้สึกอึดอัดและลำบากใจ จึงถามขึ้น:“แตะต้องไม่ได้งั้นเหรอ?ไป๋ยี่เฟยคนนี้เป็นญาติผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทงั้นเหรอ?”
หลงหลิงหลิงได้ยินเช่นนั้นเลยพยักหน้า
ไป๋หยุนเผิงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในโหวจวี๋กรุ๊ป แต่เพราะเมื่อก่อนฉุกละหุกเกินไป บวกกับเหตุผลอื่นๆ เลยยังไม่ได้โอนหุ้นให้ไป๋ยี่เฟย เช่นนั้นไป๋ยี่เฟยจึงเป็นญาติผู้ถือหุ้นจริงๆ
แต่ญาติคนนี้ไม่ใช่ญาติธรรมดาๆ
จางหรงพูดอย่างมีเหตุผล“หลิงหลิง บางเรื่องก็ต้องดูให้ดี เธอดูสิว่าไป๋ยี่เฟยเป็นคนยังไง?อยู่ไปก็มีแต่จะทำลายบริษัท!”
“ดังนั้นไม่ว่าเขามีความเกี่ยวข้องอะไร เธอต้องปลดเขา หากใครกล้าคัดค้าน เธอก็บอกไปว่าฉันเป็นคนพูด บริษัทเราไม่ควรมีคนแบบนี้!”
“ยังไงฉันก็เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่ง จะมองบริษัทพัฒนาไปในทางที่ไม่ดีทีละก้าวๆได้ยังไง?”
พูดเช่นนั้น ไป๋ยี่เฟยที่ได้ยินก็รู้แล้วว่าประธานจางคนนี้คือใคร
ประธานจางคนนี้เป็นหุ้นส่วนก็จริง น่าเสียดายที่หุ้นในมือมีเพียงเล็กน้อย เล็กน้อยจริงๆ เพราะหุ้น80%ของโหวจวี๋กรุ๊ปอยู่ที่ไป๋หยุนเผิง
หลังจากไป๋ยี่เฟยบริหารโหวจวี๋ ได้อ่านข้อมูลผู้ถือหุ้นแต่ละรายจึงจำได้ขึ้นใจ
นอกจากเรื่องจำเป็นและการประชุมคณะกรรมการ ปกติแล้วกรรมการบริษัทไม่เข้าบริษัท
ตอนนี้ประธานจางเข้าบริษัท แล้วยังบอกให้ปลดไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยแค่คิดก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือใคร
ยังคงจำได้ที่สองวันก่อนหลิ่วเซียวเหยามาขวางรถเขา บอกว่าเขารู้จักกรรมการบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ป
หลงหลิงหลิงลำบากใจ และมองไป๋ยี่เฟยตลอด
จางหรงเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกโกรธ“ผู้ช่วยหลง อะไรกัน?ไม่ฟังคำพูดของผู้ถือหุ้นอย่างฉัน?แล้วก็คุณมองเขาตลอดทำไม?ผมกำลังพูดกับคุณ เขาตัดสินใจแทนคุณได้รึไง?”
ที่เขาพูดนั้นไม่มีผิด เขาสามารถตัดสินใจแทนเธอได้จริงๆ
หลงหลิงหลิงพยายามยิ้ม และแนะนำ:“ประธานจาง คนนี้คือ……”
จางหรงโบกมือ“อย่าเสียเวลาเลย คนในบริษัทผมไม่สน แต่ไป๋ยี่เฟยคนนี้เป็นความหายนะของบริษัท คุณต้องปลดเขาออก!”
หลงหลิงหลิงสีหน้าไม่พอใจ สูดหายใจเข้าแล้วพูด:“ประธานจางเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า?”
“เข้าใจผิด?”จางหรงเบิกตาโต“เข้าใจผิดอะไร?เรื่องนี้จริงซะยิ่งกว่าจริง!คุณรีบไปปลดไป๋ยี่เฟยเดี๋ยวนี้เลย!”
“ไม่งั้น……”
“ไม่งั้นจะทำไม?”ไป๋ยี่เฟยพูดขัดจางหรง