หลิวเสี่ยวอิงหัวเราะออกมาแห้งๆก่อนจะพูด “คุณอย่าคิดมากไปเลยค่ะ ทำตามหัวใจของตัวเองก็พอ”
“คือว่าฉันยังต้องไปจัดยาค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
หลังจากพูดจบหลิวเสี่ยวอิงก็รีบเดินกลับไปที่ห้องเรือทันที เรื่องของปัญหาหัวใจหลิวเสี่ยวอิงไม่อยากพูดถึงมากนัก หลี่เสว่มองตามเธอที่เดินออกไปทันใดนั้นก็คิดว่า ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเธอ เธอจะทำอย่างไรกัน?จะคิดยังไงนะ?
ตอนนี้โจวฉวี่เอ๋อก็เดินออกมาจากห้องเรือพอเห็นหลี่เสว่ก็ยิ้มพลางพูด “ทำไมมาอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ?ไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนสามีของเธอล่ะ?”
หลี่เสว่หลุดออกมาจากภวังค์ของตัวเอง เห็นโจวฉวี่เอ๋อหน้าแดงเดินเข้ามาก็ชะงักไปครู่หนึ่
ก่อนจะได้สติกลับมาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางพูด”ดูเธอจะกระวนกระวายใจนะ”
“ไปที่อื่นเลย!” โจวฉวี่เอ๋อถลึงตาใส่หลี่เสว่
ทั้งหน้าของหลี่เสว่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นทั้งสองคนก็คุยไปหัวเราะไปอย่างมีความสุข ฉากแห่งความสุขนี้ตกอยู่ในสายตาของเหลียงยู่ที่อยู่ชั้นหนึ่ง
เหลียงยู่ยืนอยู่ที่ชั้นหนึ่งคนเดียว เดี๋ยวมองท้องทะเล เดี๋ยวก็หันมามองหลี่เสว่และโจวฉวี่เอ๋อ
ทันใดนั้น เธอก็นึกย้อมกลับไปถึงตอนที่เธอและโจวฉวี่เอ๋อถูกจับตัวไปด้วยกันในคืนนั้น
พวกเธอต่างก็ทุกข์ระทมเหมือนกัน
แต่ว่าพอมาตอนนี้ โจวฉวี่เอ๋อไม่ได้เศร้าอีกต่อไปและไม่ต้องทนทุกข์
แต่เหลียงยู่กลับเป็นทุกข์ยิ่งกว่าเดิม
ราวกับว่าโลกทั้งใบนี้เหลือเพียงเธอคนเดียว ไม่มีใครสนใจไม่มีให้เป็นห่วงเธอเลย
เธอรู้สึกหนาวเหน็บมากๆไม่ใช่ที่ร่างกาย แต่เป็นที่หัวใจของเธอ
ทันใดนั้นเธอก็มีความคิดอะไรบางอย่าง
กระโดดลงไปในท้องทะเลนี้
เพราะถึงยังไงก็ไม่มีใครเป็นห่วงเป็นใยเธออยู่แล้ว คาดว่าถ้าเธอโดดลงไปก็คงไม่มีใครสังเกต
ดังนั้นเหลียงยู่จึงก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวๆจนถึงริมระเบียง
เธอจับราวไว้แน่น ความคิดในจิตใจคอยบอกให้เธอกระโดดลงไปซะ
ในตอนนี้มือของเธอก็ถูกจับเอาไว้
เหลียงยู่ตัวสั่นอย่างตกใจ และรีบหันหน้ากลับไปมอง
ขณะเดียวกันเสียงที่เธอคุ้นเคยก็ดังขึ้น “ยัยคนโง่ เธอจะทำอะไรน่ะ?”
เหลียงยู่มองใบหน้าที่คุ้นเคยก็ตกใจช็อกทันที
……
สามวันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงเมืองหลวง
พอเรือสำราญเทียบท่า คนทั้งหมดก็พากันลงจากเรือไป๋ยี่เฟยนับจำนวนคน แต่กลับไม่พบเหลียงยู่
ดังนั้นเขาจึงรีบเดินไปหาเฉินอ้าวเจียว “ศิษย์พี่ ทำไมศิษย์น้องยังไม่ลงมาอีกล่ะ?”
พอได้ยินดังนั้นเฉินอ้าวเจียวก็ตกใจรีบวิ่งขึ้นเรือไปตามหา
ยี่สิบนาทีต่อมา เฉินอ้าวเจียวก็กลับมาส่ายหน้าด้วยสีหน้าหนักใจ “หาบนเรือทั่วทุกที่แล้วหาไม่เจอเลย”
ไป๋ยี่เฟยกังวลใจมากเอ่ยถามทุกคนว่ามีใครเห็นเหลียงยู่บ้างมั้ย
แต่ทว่าทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกับว่าไม่เห็นเลย
จื่ออีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลใจหลังจากนั้นก็คิด “บางทีเธออาจจะลงจากเรือไปคนเดียวก่อนหน้านี้แล้วก็ได้นะ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็ได้สติขึ้นมาทันที ตัวเองนั้นละเลยเหลียงยู่ตอนอยู่บนเรือนี้
และเหลียงยู่ก็สนิทคุ้นเคยกับเขาแค่เพียงคนเดียว กับคนอื่นๆก็ไม่ค่อยสนิท แม้กระทั้งเฉินอ้าวเจียวที่เป็นศิษย์พี่
และเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เหลียงยู่เป็นคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ภายในใจไป๋ยี่เฟยรู้สึกผิดมาก
ตอนนั้นเองหลินขวางก็มาถึง
ไป๋ยี่เฟยมองหลินขวางที่อยู่ริมฝั่ง ดวงตาทั้งสองข้างก็คอยมองคนที่เดินลงมาจากเรือ
เห็นดังนั้น ไป๋ยี่เฟยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา จากนั้นก็พูดกับเฉินอ้าวเจียว “ไปกันเถอะ”
บาดแผลบนร่างกายของไป๋ยี่เฟยสาหัสมาก ไม่สามารถเดินได้ ดังนั้นตอนนี้ไป๋ยี่เฟยจึงนั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร์
เฉินอ้าวเจียวเป็นคนเข็นรถวีลแชร์เดินลงมาจากเรือ จนมาถึงข้างกายหลินขวาง
พอมาถึงบนฝั่งก็พบว่ามีตำรวจจำนวนมากมาด้วย
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้ามองหลินขวางลังเลอยู่นานก่อนจะเอ่ย “นายรู้เรื่องแล้ว?”
หลินขวางพยักหน้าด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“ผมขอโทษแทนพ่อผมด้วย” หลินขวางเอ่ยนิ่งๆน้ำเสียงไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจก่อนจะเอ่ยอย่างจนปัญญา “ถ้าทำกับฉันแค่คนเดียวฉันก็จะไม่ถือสาอะไร แต่เขาไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ฉันคนเดียว แถมเรื่องที่เขาทำทั้งหมดมันก็เกินกว่าที่ฉันจะเข้าใจได้”
“และเรื่องที่เขาทำผิดควรที่จะรับผิดชอบคนเดียว”
หลินขวางพยักหน้าจากนั้นก็เอ่ยนิ่งๆ “ผมรู้ดีครับ แต่ไม่ว่าท่านจะทำอะไรลงไปยังไง ท่านก็เป็นพ่อของผม”
ไป๋ยี่เฟยเงียบไม่พูดอะไร
ตอนนั้นเองหลินขวางก็เดินผ่านหน้าไป๋ยี่เฟยไป เพราะหลินยู่ชังเดินลงมาแล้ว
หลินขวางเดินมาถึงตรงหน้าของหลินยู่ชัง ก่อนจะก้มหน้าเล็กน้อยเอ่ยถาม “พ่อครับ ผมต้องทำยังไงบ้าง?”
หลินยู่ชังไม่เต็มใจอย่างมากมาตลอดทาง แต่หลังจากได้เห็นหลินขวางความไม่เต็มใจทั้งหมดก็หายไป
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตบบ่าของหลินขวางเอ่ย “ดูแลตระกูลหลินให้ดี”
พอพูดจบ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามานำตัวของหลินยู่ชังไปจากมือของฉินหัว
หลินขวางยังคงยืนอยู่กับที่พลางก้มหน้า
ไป๋ยี่เฟยเห็นดังนั้นก็รู้สึกเสียใจมาก
หลินยู่ชังเดินตามเจ้าหน้าที่ขึ้นรถตำรวจไป มองตามเขาไปย่างช้าๆ รอบตัวมีความรู้สึกเก่าๆที่บรรยายออกมาไม่ได้
ในขณะที่เขากำลังจะเดินขึ้นรถ ทันใดนั้นหลินยู่ชังก็เห็นคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาที่สุด
หลินยู่ชังชะงักไปทันที
ในตอนนี้ก็มีเงาแว๊บเข้ามาที่ด้านข้างของเขา”ฉึก” และแว๊บหายไป
หลินยู่ชังตัวแข็งทื่อไปทันที
จากนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกจึงก้มลงไปดู
เขาพบว่าที่หน้าอกของตัวเองกำลังมีเลือดไหลออกมา
คนๆนั้นรวดเร็วมาก คนอื่นๆยังไม่ทันได้ตั้งตัว แม้แต่เจ้าหน้าที่สองคนที่ควบคุมตัวหลินยู่ชังยังล้มลงไปที่พื้น
จากนั้นหลินยู่ชังก็ล้มลงไป
เวลาเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะ
หลินขวางเงยหน้าขึ้นมามองไปที่ฉากตรงหน้า จากนั้นเขาก็ร้องออกมาเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง “รถพยาบาล! เรียกรถพยาบาล!”
เขาพุ่งไปที่หลินยู่ชังอย่างบ้าคลั่ง
ไป๋ยี่เฟยได้สติกลับมาก็พยายามลุกขึ้นมาอย่างไม่สนใจบาดแผลของตัวเอง ก่อนจะวิ่งเข้าไป
ฉินหัวและเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มุงกันเข้าไป
พริบตาเดียวผู้คนก็ต่างล้อมรอบตัวของหลินยู่ชัง
ตอนนั้นเอง ไป๋ยี่เฟยที่พยายามจะเบียดเข้าไป แต่หลินขวางก็กลับผลักเขาออกมาอย่างรุนแรง
“ไสหัวออกไป!”หลินขวางตะคอกใส่ไป๋ยี่เฟย มองไปที่ไป๋ยี่เฟยด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด
ไป๋ยี่เฟยกัดฟันแน่น เพราะจุดที่หลินขวางผลักเขาออกมาคือบริเวณหน้าอกและกระดูกซี่โครงของเขาที่หักอยู่ การผลักนี้ทำเอาไป๋ยี่เฟยเกือบจะร้องออกมา
แต่เขาอดทนอยู่ เพราะเขารู้ว่าหลินขวางนั้นเจ็บกว่าและเจ็บที่หัวใจ
ถึงแม้ว่าหลินยู่ชังจะทำความผิดมากมาย แม้ความตายก็ชดใช้ไม่ได้ แต่ยังไงแล้วเขาก็เป็นพ่อของหลินขวาง
ก่อนหน้านี้หลินขวางช่วยไป๋ยี่เฟยไว้หลายเรื่องมาก ไป๋ยี่เฟยเองก็มองหลินขวางนั้นเป็นเพื่อนที่จริงใจ
เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของหลินขวาง
คนที่ฆ่าหลินยู่ชังนั้นรวดเร็วมาก ราวกับพริบตาเดียวก็หายไปจากหมู่คน
นี่คือการฆ่าเพื่อเก็บความลับ
เมื่อหลินยู่ชังเสียชีวิต ก็ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะกล่าวหาเหลียงเหว่ยชาวและเต้าจ่างในสิ่งที่พวกเขาทำทั้งหมด
จะเห็นได้ว่า คนที่ลอบสังหารหลินยู่ชังต้องเป็นเหลียงเหว่ยชาวหรือไม่ก็พรรคพวกของเธอ
เหลียงเหว่ยชาวรู้ที่ตั้งของคลังเก็บทองแล้ว แต่พวกเขาไม่กล้าปรากฏตัวในขณะนี้ แต่ทว่ารอให้เรื่องซาไปสักพักหนึ่ง พวกมันต้องไปที่คลังเก็บทองอย่างแน่นอน
ฉินหัวต้องการซุ่มโจมตีรอบๆคลังเก็บทอง รอวันที่พวกนั้นจะกลับมาอีกครั้ง