บนทางด่วนจากเมืองหลวงมุ่งหน้าไปสู่เมืองเทียนเป่ย มีรถฉางอันไม่สะดุดกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองเทียนเป่ยอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นไป๋ยี่เฟยได้ซื้อเทียนถังเก๋อไว้ เขาได้สัญญาไว้กับเมิ่งฉิงที่เป็นเจ้าของว่าเขาจะ
รับประกันความปลอดภัย และจะส่งยอดฝีมือมาคุ้มกันส่งเขาไปยังเมืองเทียนเป่ย
บนรถคันนี้มีเมิ่งฉิงและคนที่คอยคุ้มกันเขานั่งอยู่ซึ่งนั่นก็คือฉีฉี
ฉีฉีออกหน้าทำเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะว่าไป๋ยี่เฟยจัดการ แต่เป็นเพราะเธอตัดสินใจเอง
ไป๋ยี่เฟยเองยังรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้มาก เพราะฉีฉีไม่ได้ถือว่าเป็นลูกน้องของเขา
ส่วนสาเหตุว่าทำไมฉีฉีถึงทำแบบนี้ คงมีเพียงเธอคนเดียวที่รู้
……
เดินทางไปประมาณครึ่งชั่วโมง เมิ่งฉิงที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังก็ถอดหูฟังออกจากหู แล้วพูดกับฉีฉี “สาวน้อยมีของกินมั้ย? ฉันหิวแล้ว”
ฉีฉีได้ยินคำว่าสาวน้อยก็ชะงักไปทั้งตัวอย่างเห็นได้ชัด แถมยังขมวดคิ้วก่อนจะกลับมาเป็นท่าทางเดิมแล้วพูดนิ่งๆ “ไม่มี อีกสองชั่วโมงก็ถึงแล้ว”
เมิ่งฉิงกับเอ่ยอย่างไม่สนใจใดๆทั้งนั้น “อีกสองชั่วโมงเลย? งั้นไม่ไหวหรอกฉันอยากกินข้าว”
ฉีฉีไม่ได้สนใจเขา
เมิ่งฉิงก็เริ่มพูดพล่าม “เธอได้ยินหรือเปล่า? ฉันบอกว่าฉันหิว อยากกินข้าว”
“ถ้าผู้ช่วยของฉันได้ยินว่าฉันหิว ภายในห้านาทีต้องซื้ออาหารมาให้ฉันแน่นอน”
“อีกอย่าง คนหิวก็ต้องได้กินอาหาร ไม่กินอะไรเลยจะอยู่รอดได้ยังไง? เธอว่าใช่หรือเปล่าล่ะ?แม่สาวน้อย?”
“ดูๆแล้วแม่สาวน้อยผอมแห้งขนาดนี้ คงจะไม่ค่อยกินอาหารดีๆแน่ๆ…..”
ฉีฉีทนเสียงบ่นพล่ามของเมิ่งฉิงไม่ไหวแล้ว สุดท้ายจึงเอ่ยกับคนขับ “แวะไปจอดที่จุดพักรถ เราจะทานอาหาร”
คนขับรถจึงไปขับจอดที่จุดพักรถที่ใกล้ที่สุด จากนั้นทั้งสามคนก็ลงจากรถแวะทานอาหาร
เรื่องนี้เป็นเรื่องของไป๋ยี่เฟย ดังนั้นตลอดการเดินทางไป๋ยี่เฟยจึงเป็นคนออกเงินให้ ฉีฉีจึงรีบสั่งอาหารที่แพงที่สุดหลายเมนู ในขณะเดียวกัน ก็ต้องป้องกันไม่ให้คุณชายท่านนี้เลือกกินและโยนทิ้งอีกครั้ง
แต่ว่าสิ่งที่ฉีฉีนึกไม่ถึงก็คือ ต่อให้สั่งอาหารที่แพงที่สุดคุณชายท่านนี้ก็ยังเลือกกินอยู่
เมิ่งฉิงกินไปเพียงสองคำก็ไม่กินอีก วางตะเกียบลงก่อนจะตบโต๊ะเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“อาหารพวกนี้คืออะไรกัน? นี่ทำให้คนกินหรอ?”
พอได้ยินประโยคเหล่านี้ ฉีฉีก็ไม่ทนอีกต่อไป รีบพูดอย่างเยือกเย็นตอบกลับไปทันที “จะกินก็กิน ไม่กินก็หิวต่อไป!”
“นี่เธอกล้าเถียงหรอ?”เมิ่งฉิงโกรธยิ่งกว่าเดิม”ที่แท้ก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง?”
“ไป๋ยี่เฟยใช้กำลังบังคับซื้อคลับของฉันไป แถมรับปากกับฉันว่าจะหายอดฝีมือมาคุ้มกัน
ฉันผลสุดท้ายเป็นไง? ก็แค่สาวน้อยคนนึง ให้ฉันเดานะเธอยังเรียนหนังสืออยู่เลยใช่มั้ย สาวน้อย?”
“คนตัวเล็กๆอย่างเธอคิดจะมาปกป้องฉัน? ฉันจะต้องปกป้องเธอมากกว่า!”
“ฉันจะยอมหยวนให้ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะปกป้องฉันไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรมาทรมานฉันไม่ใช่หรอ? เธอดูอาหารพวกนี้มันอะไรกัน? กินได้หรอ?”
เมิ่งฉิงเอ่ยโวยวายเสียงดังโดยที่ไม่ได้ควบคุมแต่อย่างใด บังเอิญเชฟเดินออกมานั่งพักผ่อนในร้านอาหารได้ยินเข้าพอดีก็รีบเดินเข้ามาทันที
“พ่อหนุ่มที่พูดมาหมายความว่ายังไง?จงใจหรอ?”
มีคำกล่าวที่ว่า พ่อครัวสิบคนอ้วนไปแล้วเก้า ดูเหมือนว่าเชฟคนนี้จะเป็นหนึ่งในเก้าคนนั้น
รูปร่างสูงใหญ่แต่อ้วนท้วม ดูๆแล้วน่าจะราวๆร้อยกว่าโล เขายืนต่อหน้าเมิ่งฉิงด้วยท่าทาง
โหดเหี้ยม ยืนกอดอกมองเมิ่งฉิง
เมื่อเมิ่งฉิงเห็นท่าทางแบบนั้นก็ตกใจสะดุ้งรีบยกมือเอ่ย “เชฟเข้าใจผิดแล้วครับ เข้าใจผิดๆ ผมหมายถึงลูกน้องของผมคนนี้ทำงานไม่ได้เรื่องเลย เอาของถูกๆมาให้ผมกินไม่สมกับฐานะของผมเลยคุณว่ามั้ยล่ะ?”
ภายในร้านอาหารยังมีลูกค้าคนอื่นๆใช้บริการอยู่ พอเห็นเหตุการณ์นี้ก็พากันมองมา
เมิ่งฉิงไม่อยากขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย จึงโทษว่าเป็นความผิดของฉีฉี
ฉีฉีที่ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว แต่พอได้ยินเมิ่งฉิงบอกว่าตัวเองเป็นลูกน้องก็แสดงสายตาเย็นชาทันที
“ปัง!”
ฉีฉีตบโต๊ะอย่างแรงทันทีเอ่ยถามเสียงเย็น “นายบอกว่าใครเป็นลูกน้อง?”
“ปัง!”
ตบนี้ของฉีฉีทำเอาโต๊ะแตกเป็นเสี่ยงๆตกลงพื้น อาหารที่อยู่บนโต๊ะก็ตกแตกกระจายลงบนพื้นหมด
คนอื่นๆที่เห็นฉากนี้ก็พากันช็อกไปตามๆกัน
เมิ่งฉิงยิ่งตกใจจนอ้าปากตาค้าง
ทันใดนั้นภายในร้านอาหารก็เงียบลงทันที จนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เมิ่งฉิงก็ค่อยๆหมุนตัวไปเอ่ยกับพ่อครัวคนนั้น “ขะ…ขอโทษครับ ปะ…เป็นผมเองที่บอกว่าอาหารของที่นี่ไม่อร่อย ขนาดเพื่อนของผมสั่งเมนูที่แพง
ที่สุดสุดท้ายกลับกินแทบไม่ได้ เป็นเพราะผมดูถูกเพื่อนผมเองครับ ใช่สิพวกคุณต้องชดใช้ให้เธอนะ”
ตอนนี้ขณะที่เมิ่งฉิงเอ่ยฉีฉีก็เปลี่ยนจากลูกน้องกลายเป็นเพื่อนทันที
เชฟผังสัมผัสถึงความแกร่งของฉีฉี ก็ไม่กล้าพูดอะไรและรีบยิ้มพลางพูด “ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ จะรีบเปลี่ยนอาหารให้ทันที”
ฉีฉีส่งเสียงไม่พอใจแต่ก็ขี้เกียจจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเมิ่งฉิงแล้ว
ขณะที่เธอกำลังทำการเปลี่ยนโต๊ะอาหารอยู่นั้น ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา
ฉีฉีรีบหัวหน้ากลับไปดู แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
ฉีฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
หลังจากเมิ่งฉิงได้ประจักษ์ความสามารถที่แท้จริงของฉีฉีแล้ว ก็ไม่กล้าที่จะโวยวายอะไร
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าไป๋ยี่เฟยส่งยอดฝีมือมาให้เขาแล้วจริงๆ และก็ไม่ใช่สาวน้อยอย่างที่เขาคิด
ดังนั้นตลอดการเดินทาง หลังจากนั้นเมิ่งฉิงจึงทำตัวว่าง่าย แถมยังออกจะประจบฉีอีก
พอมาถึงที่เมืองเทียนเป่ย พวกเขาก็เดินทางมุ่งหน้าไปที่วิลล่าหนึ่งของหลันโปกั่งทันที
เรื่องนี้ไป๋ยี่เฟยได้ให้ผู้จัดการของหลันโปกั่งเตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
เพื่อคุ้มกันเมิ่งฉิง ฉีฉีเองก็พักอยู่วิลล่านี้เช่นเดียวกัน
ฉีฉีพูดกับเมิ่งฉิง “อยู่ในวิลล่านี้ดีๆ แค่ไม่ออกไปไหน นายก็จะปลอดภัยแล้ว”
“ทำไมกัน?”เมิ่งฉิงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
ฉีฉีส่ายหน้าเอ่ย “ไป๋ยี่เฟยบอกไว้”
เมิ่งฉิงกระพริบตาพลางถามฉีฉี “เธอเชื่อใจเขาขนาดนั้นเลยหรอ?”
“จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจนาย” ฉีฉีมองเมิ่งฉิงอย่างเย็นชาถ้าหากเมิ่งฉิงอยากจะรนหาที่ตายเธอก็จะไม่ห้าม
เมิ่งฉิงเห็นดังนั้นก็หัวเราะแห้งๆ “ถ้าอย่างนั้นคุณฉีฉีจะอยู่ที่ด้วยหรอ?”
ฉีฉีมองเมิ่งฉิงอย่างเย็นชา”มีปัญหา?”
เมิ่งฉิงเห็นดังนั้นก็รีบส่ายหน้าก่อนจะพูด “ไม่มีปัญหาเลยครับๆ มาอยู่ด้วยก็ยิ่งดีเลย ผมแค่เห็นว่าคุณดูเหมือนจะออกไปข้างนอก กังวลว่าคุณจะไม่กลับมาเฉยๆ”
หลังจากเห็นว่าเมิ่งชิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย ฉีฉีก็แสดงสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ไปเจอเพื่อน”
เมิ่งฉิงพยักหน้าไม่พูดอะไรอีก และมองฉีฉีเดินออกไป
แต่เมื่อฉีฉีจับประตูเพื่อเปิดประตู จู่ๆเมิ่งชิงก็ถามว่า”สเปคของคุณฉีฉีเป็นแบบไหนหรอ?”
“นายพูดอะไร?”ฉีฉีสงสัยว่ามีปัญหากับหูของเธอ ได้ยินไม่ชัดเจนจึงหันหน้ากลับไป และขมวดคิ้เอ่ยถาม
พอเห็นดังนั้นเมิ่งฉิงก็ส่ายหัวทันทียิ้มและพูดว่า”ผม ผมบอกว่าระวังตัวดีๆนะครับ”
ฉีฉีตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้รู้สึกแปลกๆในใจ
ตั้งแต่เด็กไม่มีใครบอกให้เธอระวังความปลอดภัยเลย
ดังนั้นความรู้สึกนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย แต่มันก็อบอุ่นมาก
ดังนั้นฉีฉีจึงพยักหน้าและกล่าวว่า “รู้แล้ว”
……
ฉีฉีออกไปหาพี่สะใภ้ของเธอ
สวีลั่งตามไป๋ยี่เฟยไปเมืองหลวง การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ดังนั้นเขาจึงทิ้งหยางเฉียวและหลี่โย่วเซิงไว้ที่เมืองเทียนเป่ย
ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว เธอต้องไปพบพี่สะใภ้ของเธอ และบอกพี่สะใภ้ของเธอว่าตอนนี้
พวกเขาปลอดภัยแล้ว
อย่างไรก็ตามฉีฉีไม่ได้สังเกตเลย หลังจากที่เธอออกมามีคนตามอยู่ข้างหลังเธอ
หยางเฉียวและคนอื่นๆอาศัยอยู่ในพื้นที่วิลล่าของหลันโปกั่ง แต่เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นวิลล่า ที่เมิ่งฉิงตั้งอยู่จึงอยู่ห่างจากสวีลั่งและคนอื่นๆ
ฉีฉีเดินไปตลอดทางจนถึงบ้านของหยางเฉียว
หลังจากที่ฉีฉีเข้ามาในบ้าน ความเขียวขจีระหว่างวิลล่ากับวิลล่าก็มีคนสองคนปรากฏตัวออกมา
คนหนึ่งหน้าตาธรรมดา อีกคนสูงผอมกว่าและสวมแว่นตา
ชายร่างเตี้ยถามชายร่างสูง “นี่เป็นผู้ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้ดูแลอีกคนใช่มั้ย?”
ชายร่างสูงพยักหน้ายิ้มและพูดว่า “แปลกใจใช่มั้ยล่ะ? แผนนี้ของซินชิวแยบยลมาก
มันทำให้ทุกคนไปสนใจไอบ้านนอกนั่น แต่คนที่เป็นผู้คัดเลือกจริงๆกลับซ่อนตัวอยู่ข้างกายมัน”