คฤหาสน์ที่สวยงามของตระกูลหง แต่ตอนนี้ข้าวของกระจัดกระจายไปหมด
ความรุ่งโรจน์ของเมื่อก่อน ตอนนี้มันเสื่อมสลายไปหมด
ดูเหมือนกับพระราชวังที่โดนกองกำลังของศัตรูบุกยืดของมีค่าทั้งหมดไป
เต้าจ่างเงียบและไม่พูดอะไรหลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาไม่ได้เห็นอกเห็นใจตระกูลหง และเขาก็ไม่ชอบหงฟ่านมาโดยตลอด เพราะเขาประเมินความสามารถของไป๋ยี่เฟยต่ำไป
แต่ในที่สุด เขาก็ตระหนักได้ว่า ตัวเองก็คิดผิดเหมือนกัน เพราะเขาก็ประเมินไป๋ยี่เฟยต่ำไป
ศิษย์น้องเต้าจ่างตรวจสอบแล้วไม่พบไป๋ยี่เฟย ดังนั้นเขาก็วิ่งมาด้านหน้าของเต้าจ่าง พูดด้วยรอยยิ้ม:“ศิษย์พี่ ไป๋ยี่เฟยคงจะกลัวพวกเรามากๆ และรู้ว่าพวกเราจะกลับมา กลัวจนรีบหนีไป
เต้าจ่างจ้องมองเขา ส่ายหัวและถอนหายใจ
ศิษย์น้องเต้าจ่างไม่ได้สังเกต ยังคงพูดอย่างดีใจ:“ยังดีที่มันหนีไปได้เร็ว ไม่งั้นฉันจะหั่นร่างของมันเป็นชิ้นๆ”
เต้าจ่างจ้องมองเขาอีกครั้ง สายตาของเต้าจ่างเย็นชา“หึ!แกคิดว่ามันกลัวจนหนีไปหรือไง?”
ศิษย์น้องเต้าจ่างตะลึงไปชั่วครู่ ตอนนี้เขาสังเกตเห็นดวงตาของเต้าจ่างผิดปกติไป เขาตกใจและอดไม่ได้ที่จะถาม:“เขาไม่ได้กลัวพวกเราเหรอไง?หรือเขาตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น?”
“ครั้งนี้พวกเราพ่ายแพ้จริงๆ”เต้าจ่างส่ายหัว สีหน้าเคร่งขรึม
ศิษย์น้องเต้าจ่างไม่เข้าใจ มองเต้าจ่างด้วยความสงสัย พวกเราแพ้ได้ยังไง?เพราะไป๋ยี่เฟยไม่กล้าเผชิญหน้าพวกเรามาโดยตลอด?
“ศิษย์น้อง พวกเราไปกันเถอะ”เต้าจ่างตบไหล่ของเขาเบาๆแล้วถอนหายใจ
ศิษย์น้องเต้าจ่างถามด้วยความสงสัย“ไปที่ไหน?”
“ไปเจอเถ้าแก่ใหญ่”เต้าจ่างพูดอย่างช้าๆ
ศิษย์น้องเต้าจ่างถามอย่างลังเล:“ที่นี่จะทำยังไง?”
เต้าจ่างส่ายหัว“เขตที่สี่อยู่เหนือการควบคุมของพวกเราแล้ว”
“เป็นไปได้ยังไง?”ใบหน้าของศิษย์น้องเต้าจ่างตกตะลึงและไม่เข้าใจ
เต้าจ่างเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆและพูดเบาๆว่า:“ต่อไปจะไม่มีตระกูลหงอีก เหมืองทองคำก็เปลี่ยนเจ้าของแล้ว พวกเราควบคุมเขตที่สี่ไม่ได้แล้ว”
ศิษย์น้องเต้าจ่างตกตะลึงจนเบิกตากว้าง
เหมืองทองคำเปลี่ยนเจ้าของแล้วเหรอ?
พวกเราพึ่งจะมาจากเหมืองทองคำไม่ใช่เหรอ?
เปลี่ยนเจ้าของได้ยังไง?
หรือว่า……
……
เต้าจ่างไม่ได้พูดผิด เมื่อพวกเขารู้ว่าไป๋ยี่เฟยไม่ได้อยู่เหมืองทองคำ ทำให้พวกเขารีบกลับมาช่วยตระกูลหง เย่ฮวนกับหลินขวางก็นำกำลังคนเข้าไปยึดเหมืองทองคำที่สี่เอาไว้
ไป๋ยี่เฟยแบ่งคนออกเป็นสามกลุ่ม
คนของหลินขวางกับเย่ฮวนหลบอยู่ในที่มืดเพื่อรอโอกาส เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ข่าวว่าเต้าจ่างและพรรคพวกออกจากเหมืองทองคำ ไป๋ยี่เฟยก็รีบแจ้งพวกเขาทันที จากนั้นพวกเขาก็เข้ายึดเหมืองทองคำไว้อย่างรวดเร็ว
เหตุผลที่ให้พวกเขาไป เพราะเต้าจ่างไม่กล้าทำร้ายสองคนนี้ ดังนั้นถ้าพวกเขายึดเหมืองทองคำไว้ได้ เต้าจ่างก็ไม่สามารถยึดเหมืองทองคำคืนจากมือพวกเขา
เหตุผลที่เต้าจ่างไม่กล้าทำร้ายพวกเขาสองคน เป็นเพราะพวกเขาเป็นคนของสี่ตระกูลใหญ่
ตระกูลไป๋แค่ไป๋ยี่เฟยคนเดียวเขาก็รับมือไม่ไหวแล้ว ถ้าหากเขายังกล้าผิดใจกับตระกูลหลินและตระกูลเย่ ถึงเวลานั้น เขาก็จะเป็นศัตรูกับสามตระกูลใหญ่ และเขาก็ไม่สามารถรับมือไหว
……
สำนักงานเหมืองทองคำที่สี่
เย่ฮวนยืนอยู่ที่หน้าต่างในสำนักงาน มองดูเหมืองทองคำขนาดใหญ่แห่งนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ“แผนการล่อเสือออกจากป่าของเขามันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!”
“ตอนนี้ลองคิดดูแล้ว เมื่อก่อนพวกเราต่อสู้กับเขา ถือว่าพวกเราโชคดีมากที่ไม่เป็นอะไร”
หลินขวางนั่งอยู่บนโซฟาในสำนักงาน นั่งไขว่ห้างแล้วยกน้ำขึ้นมาจิบ ถอนหายใจและพูดว่า:“ตอนนี้ยังดีหน่อย ถ้าพี่ไป๋กับพี่รองเข้ากันได้ มันคงน่ากลัวกว่านี้เยอะ”
พี่รองที่หลินขวางพูดถึงคือน้องชายของไป๋ยี่เฟยชื่อไป๋เซี่ยว
เมื่อเย่ฮวนได้ยิน เขาก็ขมวดคิ้ว
เขาเคยได้ยินเย่เจี่ยพูดมาก่อน ไป๋เซี่ยวเป็นคนที่แข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุดในรุ่นของพวกเขา เพราะไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้
แต่ตอนที่เย่เจี่ยพูดเรื่องนี้ ตอนนั้นไป๋ยี่เฟยยังเป็นบุตรเขยของตระกูลหลี่และไม่รู้จักเขา
เย่ฮวนอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ถ้าตอนนั้นไป๋ยี่เฟยอยู่ตระกูลเย่ด้วย เขาคงจะพูดว่า ลูกชายทั้งสองคนของตระกูลไป๋เป็นคนที่แข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุดในคนรุ่นเดียวกัน
“เฮ้อ ไม่เต็มใจจริงๆ!”เย่ฮวนไม่รู้นึกถึงอะไร พูดออกมาแล้วส่ายหัว
หลินขวางพยักหน้า แล้วถอนหายใจ“ใช่ ฉันก็ไม่เต็มใจ!”
หลังจากนั้นบรรยากาศในสำนักงานก็เงียบสงัด
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆเย่ฮวนก็ถามขึ้นมา:“เฮ้อ ไป๋ยี่เฟยบอกว่าให้พวกเราสองตระกูลแบ่งเหมืองทองคำในเขตที่สี่กันเอง คุณคิดว่าพวกเราควรแบ่งมันยังไง?”
หลินขวางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และพูด:“ให้พี่ไป๋เป็นคนตัดสินใจเองดีกว่า เพราะพวกเราก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเขามากนัก”
เย่ฮวนส่ายหัวและพูด:“ในเมื่อเขาพูดยังงั้นแล้ว เหมืองทองคำก็เป็นของพวกเรา จะแบ่งยังไงก็ควรเป็นพวกเราตัดสินใจกันเอง”
“ไม่ได้ ฉันไม่เห็นด้วย”หลินขวางปฏิเสธ
เย่ฮวนเริ่มขมวดคิ้ว ดูเหมือนเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
ขณะนี้มีคนมาเคาะประตูและพูดว่า:“เถ้าแก่ไป๋กลับมาแล้ว”
เมื่อหลินขวางกับเย่ฮวนได้ยินก็สบตากัน จากนั้นก็เดินไปหน้าประตูพร้อมกัน
……
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้ามาพร้อมกับพวกเขาสองคน จากนั้นก็ให้คนอื่นๆออกไปและล็อคประตู
เย่ฮวนกับหลินขวางคิดว่าไป๋ยี่เฟยมาที่นี่เพื่อหารือเรื่องการแบ่งเหมืองทองคำ แต่ตอนนี้สีหน้าของไป๋ยี่เฟยเคร่งขรึมมากๆ สองคนสบตากัน เย่ฮวนถามขึ้นมาทันที:“เกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋ยี่เฟยมองพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“พวกเจ้าสองคนอย่าพึ่งพูดอะไร”
ทั้งสองคนมองหน้าไป๋ยี่เฟยด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย
จากนั้นไป๋ยี่เฟยหยิบโทรศัพท์แล้วโทรหาฉีฉี
ผ่านไปชั่วครู่ ฉีฉีก็รับสาย
“ฮัลโหล?”
ไป๋ยี่เฟยถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม:“คุณยังปกป้องเมิ่งฉิงอยู่ใช่ไหม?”
“มันเป็นคำสั่งของคุณไม่ใช่เหรอ?”ฉีฉีตอบ
“ตอนนี้เขาอยู่ข้างๆเธอหรือเปล่า?”
“ไม่อยู่ ตอนนี้ฉันอยู่กับพี่สะใภ้”
“ดีมาก ตอนนี้เธอฟังที่ฉันพูด ไม่ต้องสนใจเมิ่งฉิง เธอรีบไปตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวง อย่าถามว่าเพราะอะไร รีบไปเดียวนี้”
“ฉัน……ตู๊ดตู๊ด……”
ฉีฉีพึ่งจะพูดได้เพียงคำเดียว สายโทรศัพท์ก็โดนตัดไป
ไป๋ยี่เฟยยังคงมีเรื่องบางอย่างจะพูดต่อ นิ่งไปชั่วครู่แล้วโทรกลับไปอีกครั้ง
“เลขหมายที่คุณเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้!”
เมื่อสักครู่ยังสามารถโทรได้ แต่ตอนนี้กลับปิดเครื่อง
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกไม่สบายใจ เขากังวลมากๆ แต่ก็ไม่กล้าบอกสวีลั่ง
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หลินขวางรีบถาม:“พี่ไป๋ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“เกิดเรื่องอะไรกันแน่?”เย่ฮวนก็ถามด้วย
ไป๋ยี่เฟยนั่งลงที่โซฟา ปิดตาแล้วครุ่นคิด
เย่ฮวนกับหลินขวางไม่เข้าใจ ทำได้เพียงแค่สบตากัน
ผ่านไปสักพัก ไป๋ยี่เฟยลืมตาขึ้นมา ขมวดคิ้วและพูด:“พวกเรามองข้ามสิ่งๆหนึ่งไป”
“อะไร?”
ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม:“หลันเต่าก่อตั้งขึ้นโดยสหพันธ์ธุรกิจ ดังนั้นเต้าจ่างก็คือหัวหน้าของพวกเขา ทำให้พวกเขาต้องฟังคำสั่งของเต้าจ่าง
“แต่ว่าหลันเต่าถูกแยกออกจากโลกภายนอก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรรู้เรื่องที่เต้าจ่างเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจ”
“แต่พวกเขารับรู้ และฟังคำสั่งของเต้าจ่าง”
“แต่พวกเขาก็มีเรื่องบางอย่างปิดปังเต้าจ่าง”
เย่ฮวนกับหลินขวางรู้สึกสับสน
หลังจากนั้น ไป๋ยี่เฟยหยิบใบเสร็จทองคำมูลค่าหนึ่งพันล้านออกมา“อย่างเช่นอันนี้ เต้าจ่างไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน ด้วยนิสัยของเขาถ้ารู้เรื่องนี้ ก็คงเอามาเป็นของตัวเอง”