เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้ ทำให้เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“เธออยู่ที่ไหน?ฉันจะไปหาเธอ”ไป๋ยี่เฟยพูดกับจางหัวปินด้วยสีหน้าจริงจัง
สวี่อีอีไม่รู้จะทำยังไง เธอจึงมองไปที่จางหัวปิน
เมื่อจางหัวปินเห็นดังนั้น เขาก็ถอนหายใจและพูด:“ตามฉันมา”
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยเดินตามจางหัวปินมายังอีกห้องหนึ่ง
ที่นี่คือห้องของหลิวเสี่ยวอิง
แต่ภายในห้องไม่มีคนเลย
จางหัวปินเดินไปที่ข้างๆโต๊ะ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งและยื่นให้ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยรีบเปิดดูทันที ด้านในมีข้อความ
“ฉันขอโทษ ที่ฉันเอาแต่ใจอีกครั้ง”
“แต่ฉันให้สัญญา นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย”
“ตอนที่อยู่ในห้องใต้ดิน จู่ๆฉันก็นึกอะไรบางอย่างออก ฉันก็เลยอยากจะออกไปผ่อนคลายจิตใจ คุณไม่ต้องตามหาฉัน ฉันจะกลับมาหลังจากที่ฉันสบายใจแล้ว
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยดูข้อความจบ เขาก็อึ้งไปเลย“เธอแค่ออกไปผ่อนคลายจิตใจ?”
จางหัวปินเห็นสีหน้าของเขา รู้สึกมีอะไรบางอย่างผิดปกติ“คุณคิดว่าเธอถูกหงจุนเตะจนตายใช่ไหม?”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินก็รู้สึกเขินอาย เขาหลบสายตาและพูด:“ไม่ใช่……ไม่ ฉันก็แค่……เอ่อ ฉันคิดอย่างนั้นจริงๆ”
จางหัวปินทนไม่ไหวก็หัวเราะออกมา ตบไหล่ของไป๋ยี่เฟยเบาๆและพูด:“ในขณะนั้นหงจุนพบว่าเธอวิ่งเข้ามาปกป้องคุณ เขาก็เลยดึงพลังอ้านจิ้นกลับไป เขาแค่เตะจนเธออาเจียนเลือดออกมา แต่เธอไม่ได้บาดเจ็บภายในเลย”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินก็รู้สึกโล่งใจทันที
จากนั้นจางหัวปินมองไป๋ยี่เฟยด้วยความสงสัยและถาม:“ตอนนั้นคุณหมดสติไปแล้ว ทำไมหงจุนถึงไม่ฆ่าคุณละ?”
เมื่อพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็นิ่งไปชั่วครู่
ทำไมหงจุนถึงไม่ฆ่าฉันละ?
ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจ ถึงแม้หงจุนจะไม่มีพลังที่จะฆ่าเขา แต่ลู่เชี่ยนสามารถลงมือฆ่าเขาได้?
เมื่อนึกถึงลู่เชี่ยนไป๋ยี่เฟยก็ถามขึ้นมาทันที:“ลู่เชี่ยนอยู่ไหน?”
“ตายแล้ว”จางหัวปินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ไป๋ยี่เฟยเบิกตากว้างทันที“ตายแล้ว?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
……
เมืองเจาหยาง
ชานเมืองถูกสร้างขึ้นใหม่ และพื้นที่ในสุสานมีคนไม่มาก มันเงียบสงบมากๆ
เมื่อไป๋ยี่เฟยกับเฉินอ้าวเจียวมาถึงที่นี่ พวกเขาบังเอิญเห็นลู่เหมียวเหมียวกับลู่หยางคุกเข่าต่อหน้าหลุมฝังศพของลู่เชี่ยนและพ่อแม่ พวกเขาเผาแบงค์ก็กงเต๊กไปด้วยและร้องไห้ไปด้วย
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้เดินเข้าไปทันที แต่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาและเฝ้าดูอย่างเงียบๆ
ทั้งสองคนกำลังร้องไห้ และบางครั้งพวกเขาก็พูดกับหลุมฝังศพ แต่คำพูดส่วนใหญ่ที่พูดออกมาก็คือพวกเขาควรทำอะไรในอนาคต
ถ้าลู่เชี่ยนยังมีชีวิตอยู่ เธอก็คงจะพูดแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลู่เหมียวเหมียวกับลู่หยาง?
หลังจากที่พวกเขาเผาแบงค์กงเต๊กเสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็เดินเข้าไปและพูดเบาๆ:“ลู่หย่วน คุณวางใจได้ ลูกชายและลูกสาวของคุณฉันจะเป็นคนดูแลพวกเขาเอง จะไม่ให้พวกเขาอดตายอยู่ข้างถนน ถึงแม้พวกเขาจะเกลียดฉัน ฉันก็ไม่ถือสา”
“ฉันคิดดีแล้ว ฉันต้องมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อดูแลพวกเขา ฉันต้องดูแลผู้คนจำนวนมากที่ต้องการให้ฉันช่วยเหลือ”
ลู่เหมียวเหมียวกับลู่หยางตกตะลึง เมื่อพวกเขาหันหน้ากลับไปและเห็นไป๋ยี่เฟย ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ พวกเขาสะดุ้งและมองไป๋ยี่เฟยด้วยความหวาดกลัว
ไป๋ยี่เฟยก้มหน้ามองลู่เหมียวเหมียวกับลู่หยางและพูด:“ไม่ว่าพวกคุณจะเข้าใจหรือเปล่า ฉันไม่สนว่าพวกคุณจะมาหาฉันเพื่อแก้แค้นไหม ก่อนที่พวกคุณจะสามารถยืนหยัดด้วยตนเอง ก็ต้องฟังที่ฉันพูด ไม่งั้นจะโดนฉันตี”
โดนตี……
เมื่อเฉินอ้าวเจียวได้ยินคำพูดนี้ ไม่รู้ทำไมแต่เธออยากจะหัวเราะ
แต่ลู่เหมียวเหมียวกับลู่หยางได้ยินคำพูดนี้ ทำให้พวกเขาตัวสั่น
อันที่จริงๆไม่เพียงแค่หงจุนที่คิดว่าลู่เชี่ยนโดนไป๋ยี่เฟยฆ่าตาย พวกเขาสองพี่น้องก็คิดแบบนี้เหมือนกัน พวกเขาคิดว่าไป๋ยี่เฟยมาเพื่อแก้แค้นเรื่องที่ลู่เชี่ยนวางยาพิษให้เขา
ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทำให้พวกเขายิ่งหวาดกลัวมากๆ แต่ก็เกลียดไป๋ยี่เฟยเช่นกัน
ตัวไป๋ยี่เฟยเองก็ไม่อยากจะอธิบายกับพวกเขา
ตอนนี้เขาเหมือนคนที่ตายแล้วเกิดใหม่ และเขาก็คิดทบทวนหลายๆเรื่อง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่ ดังนั้นสองพี่น้องจะเกลียดเขาหรือไม่ มันก็ไม่สำคัญ ขอเพียงพวกเขาสองพี่น้องยังมีชีวิตอยู่ก็พอ
ในขณะนี้ จู่ๆเฉินอ้าวเจียวก็พูด:“นายซาพูดว่าผู้หญิงที่มีความเกี่ยวข้องกับพืชพรรณ น่าจะเป็นลู่เชี่ยน ไม่ใช่หลิวเสี่ยวอิง”
ชื่อของลู่เชี่ยนก็อยู่ในหมวดหญ้าของอักษรจีน และเฉินอ้าวเจียวก็ส่งคนไปตรวจสอบ ลู่เชี่ยนเป็นคนธาตุไม้ด้วย
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า แต่ก็ยังมีข้อสงสัยบางอย่าง
เฉินอ้าวเจียวยิ้มและพูด:“เรื่องนี้มันไม่สำคัญ ที่สำคัญคือครั้งนี้คุณเข้าสู่ภาวะแปรสภาพ แต่ไม่สูญเสียความทรงจำ”
ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าเขากำลังเปลี่ยนเรื่อง แต่เขาก็มีข้อสงสัยจริงๆ เพราะครั้งนี้เขาจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาจำได้อย่างชัดเจน ตอนนั้นเขาเห็นหงจุนเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดที่อัปลักษณ์ และในจิตใจของเขาก็มีเพียงรังสีฆ่าฟัน มีความปรารถนาที่จะฆ่าทุกคนให้หมด
ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจ“เขาเป็นโรคอะไรกันแน่?”
เฉินอ้าวเจียวส่ายหัว“บางทีมันอาจจะไม่ใช่โรค หลังจากที่คุณเข้าสู่ภาวะแปรสภาพ คุณสามารถขับพิษออกมา นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
พวกเขาพูดคุยต่อหน้าสองพี่น้องและไม่ได้ปิดบัง ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็กลัวไป๋ยี่เฟยมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็คิดว่าไป๋ยี่เฟยเป็นปีศาจ
……
ไป๋ยี่เฟยพาลู่เหมียวเหมียวกับลู่หยางไปยังที่อยู่อาศัยอันใหม่
เนื่องจากพวกเขามีฐานะพิเศษ ดังนั้นเขาก็เลยให้ฉางเชี่ยวจัดให้พวกเขาอยู่ในบ้านใหญ่ตระกูลหง ซึ่งปัจจุบันอาคารนี้เป็นสำนักงานเทศบาลของเมืองเจาหยาง
เทศบาลเมืองเจาหยางเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่าย ค่าที่พักและค่าอาหารของสองพี่น้อง
หลังจากจัดการเรื่องเสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็กลับไปที่ห้องนอนตัวเอง ขณะกำลังจะเปิดประตูก็เห็นสวี่อีอี
ไป๋ยี่เฟยอึ้งไปชั่วครู่ เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะจัดการเรื่องของสวี่อีอี
ไป๋ยี่เฟยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเห็นสวี่อีอีถือเสื้อผ้าเก่าๆและพยายามหลบสายตาของเขา เธอกำลังจะออกจากประตูด้วยความตื่นตระหนกและพูดว่า:“ฉันจะไปซักเสื้อผ้าให้คุณ”
ไม่รอให้ไป๋ยี่เฟยพูด เธอก็รีบวิ่งออกไปทันที ดูเหมือนเธอกำลังหลบหน้าไป๋ยี่เฟยอยู่
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วทันที หันหลังแล้วมองสวี่อีอีที่วิ่งออกไป จากนั้นเขาพบว่าเสื้อผ้าเก่าๆที่เธอถืออยู่ จู่ๆมีเชือกเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นมา
เมื่อเห็นเชือกเส้นนี้ ไป๋ยี่เฟยอึ้งไปชั่วครู่ มีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น
ไป๋ยี่เฟยไม่กล้าคิด รีบวิ่งตามไปทันที
เขาตามหลังสวี่อีอีไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้เธอรู้ตัว
สวี่อีอีไปซักเสื้อผ้า ไป๋ยี่เฟยหลบอยู่ด้านหลังประตู
ประตูของห้องซักผ้าเป็นกระจกบานยาว ทำให้สามารถมองเห็นสวี่อีอีที่อยู่ในห้องซักผ้า
สวี่อีอีอยู่ในห้องซักผ้าและกำลังหยิบเสื้อผ้าที่สกปรก แต่ในขณะเดียวกันเธอก็หยิบถุงใบหนึ่งออกมาจากกองเสื้อและรีบยัดเข้าไปในช่องว่างด้านหลังเครื่องซักผ้าด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยเห็น เขาก็ตกตะลึงทันที
หลังจากทำเสร็จ สวี่อีอีก็เดินออกมาจากห้องซักผ้า ไป๋ยี่เฟยก็ซ่อนตัวอยู่ในมุมของกำแพง และก้มศีรษะลง
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเบาๆ:หวังว่าพวกเขาจะไม่ได้หลอกฉัน
หลังจากที่สวี่อีอีจากไป ไป๋ยี่เฟยก็เข้าไปในห้องซักผ้าและหยิบกระเป๋าออกมาจากด้านหลังของเครื่องซักผ้า
หลังจากที่เขาเห็นกระเป๋าใบนี้ ไป๋ยี่เฟยก็อึ้งไปเลย
กระเป๋าใบนี้ต่างจากกระเป๋าสะพายไหล่ทั่วไปเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยรีบเปิดซิปของกระเป๋า พบว่าด้านในมียาและเข็มเงินมากมายกองอยู่ด้วยกัน
สองมือของไป๋ยี่เฟยสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ทันในนั้น เขาก็นึกได้ว่าตัวเองเคยเห็นลายมือของหลิวเสี่ยวอิง มันไม่ใช่ลายมือที่สละสลวย แต่เป็นลายมือหวัดมากเหมือนลายมือของหมอ
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยรู้สึกปวดใจ ในขณะเดียวกันเขารู้สึกหายใจไม่สะดวก
ไป๋ยี่เฟยไม่รู้ว่าตัวเองมีความรู้สึกกับหลิวเสี่ยวอิงยังไงกันแน่?