ณ จุดนี้ เขตที่สามวุ่นวายไปอย่างเต็มที่
และจ้าวเห้อซึ่งยังคงอยู่ในโรงตัดไม้ก็ยังไม่รู้เรื่องกับสถานการณ์ที่เกิดอยู่ในเขตที่สามในขณะนี้ และเขายังคิดอยากจะจับกุมตัวของพวกไป๋ยี่เฟยให้หมด
และในขณะนี้ ความสนใจของทุกคนในโรงตัดไม้ก็ตกอยู่ที่เต้าจ่างและไป๋ยี่เฟยทั้งหมด
ทั้งสองคนยังคงต่อสู้กันไปมา และยังคงปล่อยพลังทุกรูปแบบออกมาอย่างไม่รู้จบ
เช่นดรรชนีเอกสุริยัน มวยดาวตก และก็ฝ่ามือแปดทิศไท่เก๊ก และหมัดเท้าเทียนกังอีกด้วย
เต้าจ่างตกตะลึงอย่างมากกับความแข็งแกร่งของไป๋ยี่เฟย
แม้ว่าจิตใจของไป๋ยี่เฟยจะไม่ค่อยนิ่งสักเท่าไหร่ในเวลานี้ แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นผิดปกติมาก และมันเกินขอบเขตของการรับรู้ของทุกคนไปแล้ว
ทุกคนต่างตกตะลึงไปหมด
“ภายในหนึ่งเดือนนี้เขาได้เรียนรู้อะไรมากันแน่?” ฉางเชี่ยวก็ประหลาดใจมากเช่นกัน
ลู่เหมียวเหมียวกำหมัดของเธอแน่นขึ้น และความชื่นชมและนมัสการที่มีต่อไป๋ยี่เฟยในหัวใจของเธอก็เพิ่มมากขึ้น และยังมีร่องรอยของความเป็นห่วงเลื่อนผ่านในเวลาเดียวกัน เพราะว่าการที่จะสามารถไปจุดถึงระดับดังกล่าวได้โดยในช่วงเวลาอันสั้นๆ มันคงจะต้องผ่านการฝึกฝนที่คนธรรมดาไม่สามารถอดทนได้อย่างแน่นอน
และจางหัวปินก็ยิ่งตกใจจนพูดไม่ออก เพราะเขาอยู่กับไป๋ยี่เฟยมาเป็นเวลานานแล้ว และรู้ดีกับความแข็งแกร่งของเขาโดยธรรมชาติ ดังนั้นเขาถึงยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก
และในเวลานี้ หลังจากที่ไป๋หู่ สวีลั่ง และคนอื่นๆ ขับไล่หงจุนออกไป พวกเขาก็มาถึงที่นี่แล้ว
พวกเขารู้สึกภูมิใจและปวดใจไปพร้อมกันที่ได้เห็นไป๋ยี่เฟยเป็นเช่นนี้
เหมือนที่ลู่เหมียวเหมียวคิดไว้ไม่มีผิด สิ่งที่ไป๋ยี่เฟยประสบในเดือนนี้นั้นเหนือจินตนาการของคนทั่วไป เขาไม่มีเวลาเหลือเลยสักนิด แม้แต่การกินและเข้าห้องน้ำก็ต้องจัดการอย่างใช้เวลาที่สั้นที่สุด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขานอนแค่สามชั่วโมงต่อวัน แม้ว่าจะเป็นคนสูงอายุคนหนึ่ง ก็คงไม่ถึงกับนอนพักแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้หรอก
ซาเฟยหยางอดไม่ได้ที่จะอุทาน “พรสวรรค์และความขยันมันก็เหมือนกัน”
เมื่อเฉินอ้าวเจียวได้ยินคำพูดนี้เขาก็กล่าวต่อไปคำหนึ่งว่า “การมีความสามารถและบวกกับความขยัน นั่นถึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด”
ไป๋หู่พูดต่อว่า “เมื่อก่อนตอนที่ผมฝึกเขา ผมยังคิดว่าเขาเป็นคนที่ขี้เกียจมาก และไม่มีความพยายามเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ผมถึงเข้าใจว่า เขาก็แค่ยังไม่ได้ถึงขั้นที่ทำให้เขาต้องพยายมเลย”
สวีลั่งอดไม่ได้ที่จะกำหมัดของเขาแน่นขึ้น กัดฟันของเขาและพูดว่า “สักวันหนึ่งจะต้องตามเขาให้ทัน!”
แต่หลังจากพูดเช่นนี้แล้ว ทั้งสี่คนก็เงียบไปครู่หนึ่ง และถอนหายใจออกมาพร้อมกัน “เฮ้!”
ด้วยพรสวรรค์ของไป๋ยี่เฟยที่เป็นเช่นนี้ ควบคู่ไปกับความขยันหมั่นเพียรของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตามเขาทันหรอก แม้แต่ซาเฟยหยางซึ่งเป็นถึงผู้ยอดฝีมือระดับที่สองอยู่แล้วก็ยังตามไม่ทันเลย
ในขณะนี้ มีเสียงดังขึ้นมาอยู่ในกลางสถานที่
“บูม!”
เป็นการชกใส่กันของเต้าจ่างและไป๋ยี่เฟยอีกครั้ง และทั้งสองก็ยังคงก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายทำให้ร่างกายเสถียรภาพอีกครั้ง สีหน้าของเต้าจ่างก็ดูเคร่งขรึมมากขึ้นกว่าเดิม “ในเวลาอันสั้นๆ เช่นนี้ คุณจะแข็งแกร่งขึ้นมากขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ไป๋ยี่เฟยมองเขาด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า และพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมก็แค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่ก็ยังมีคนคอยหาเรื่องผมอยู่ตลอดเวลา และยังใช้เพื่อน และญาติของผมเพื่อมาขู่เข็ญผม คุณรู้ว่าความรู้สึกของผมมันเป็นอย่างไรหรือไม่?”
“จะขอเตือนคุณนะ อย่าบังคับให้ผมต้องโมโห ไม่งั้น ไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็จะทำออกมาได้ทุกอย่าง!”
อันที่จริงไป๋ยี่เฟยได้ถูกยั่วโมโหไปแล้ว
มิฉะนั้นเขาจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ถึงระดับดังกล่าวในเวลาเพียงหนึ่งเดือนได้อย่างไร?
ไป๋ยี่เฟยจ้องไปที่เต้าจ่างและตะโกนด้วยเสียงดังทันทีว่า “ถึงเวลาควรจะต้องจบลงแล้ว!”
หลังจากพูดคำนี้เสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็ใช้การชกมวยแบบที่ฉินหัวสอนเขา และจากนั้นก็ใช้กำลังทั้งหมดของเขาเพื่อเพิ่มความสามารถของพลังอ้านจิ้งให้สูงสุด และชกต่อยไปที่เต้าจ่าง
หลังจากชกต่อยออกไป ทุกคนที่อยู่ในสถานที่ต่างก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ฉางเชี่ยวยิ่งลุกขึ้นยืนโดยตรงเลย
หมัดนี้ส่งเสียงออกมาจากกลางอากาศโดยตรง มันเป็นเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อพลังอ้านจิ้งสัมผัสกับอากาศ มันค่อนข้างรุนแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนต้องปิดหู
และนี่มันแสดงให้เห็นว่า หมัดนี้มันทรงพลังแค่ไหน
เมื่อเต้าจ่างเห็นเช่นนี้ และไม่ได้แสดงท่าทีสยดสยองใดๆ เพียงแต่หลับตาลงอย่างเฉยเมย
“ดัง!”
หมัดของไป๋ยี่เฟยตกลงไปที่หน้าผากของเต้าจ่าง
อย่างไรก็ตามเต้าจ่างกลับไม่ขยับตัวเลยสักนิด และก็ไม่สามารถเอาต่อยจนนักพรตเต่าบินออกไปได้ด้วยในหมัดเดียวอย่างที่ไป๋ยี่เฟยคิดไว้
อันที่จริงไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่ากำปั้นของตัวเองถูกกระทบกับผนังที่ทำจากทองแดงและเหล็ก และแม้แต่แขนของเขาเองก็ยังรู้สึกชาเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกตกใจมาก
ในเวลานี้ จู่ๆ เต้าจ่างก็ลืมตาขึ้นมา และคำราม “ฮ่า!”
ไป๋ยี่เฟยคิดว่าเต้าจ่างจะต่อสู้กลับอย่างหนัก ดังนั้นความสนใจทั้งหมดของเขาจึงอยู่ที่มือและเท้าทั้งคู่ของเต้าจ่าง
แต่หลังจากที่เต้าจ่างคำราม ไป๋ยี่เฟยก็รู้ว่าตัวเองเดาผิดไป
พลังมหาศาลพุ่งออกมาจากร่างกายของเต้าจ่างทั้งหมด ส่งผลกระทบต่อศีรษะ ไหล่ และหน้าอกของไป๋ยี่เฟย
“บูม!”
ไป๋ยี่เฟยถูกพุ่งบินออกไป
จากนั้นเสียงอุทานก็ดังขึ้นจากฝูงชน
“ว้าว!”
“มันแม่งน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
บางคนถึงกับตะลึงไปเลย เพราะพวกเขาเป็นคนธรรมดา หรือไม่มีกำลังพอ และพวกเขาก็มองไม่ออกเลยว่าเต้าจ่างทำให้ไป่ยี่เฟยพุ่งบินออกไปได้อย่างไร
และแม้แต่ไป๋ยี่เฟยเองก็ไม่เข้าใจ
แต่เฉินอ้าวเจียวที่ยืนอยู่บริเวณรอบนอกพูดด้วยความตกใจว่า “มันเป็นเคล็ดรวมเสียง”
“อะไรนะ?” สวีลั่งไม่เข้าใจ
เฉินอ้าวเจียวอธิบายด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “นี่เป็นทักษะพิเศษของอาจารย์อา พลังอ้านจิ้งที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกาย แล้วโจมตีคู่ต่อสู้ผ่านเสียง”
“พัฟ!”
ไป๋ยี่เฟยล้มลงกับพื้นและอาเจียนออกมาเป็นเลือดคำใหญ่ในทันที และด้วยแรงกระแทกมหาศาลนี้ เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกขาดไปหลายจุด
เต้าจ่างพูดอย่างเฉยเมยว่า “ผมเคยบอกก่อนหน้านี้แล้วว่า เมื่อกี้นี้ผมใช้พลังเพียงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น และตอนนี้ถึงเป็นพลังทั้งหมดของผม”
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้ เขาก็จับหน้าอกของตัวเองและจ้องไปที่เต้าจ่าง ตอนนี้เขาถึงเข้าใจว่า เต้าจ่างกล่าวว่าพลังอ้านจิ้งของเขาสามารถปล่อยออกมาจากส่วนใดของร่างกายก็ได้ หนึ่งในนั้นยังรวมถึงเสียงของเขาด้วย
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าตัวเองเวียนหัวเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะได้รับผลกระแทกจากเสียงโจมตี
ในเวลาเดียวกัน ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกได้ว่าเส้นผมของเขาค่อยๆ ฟื้นตัว และสีเลือดในดวงตาของเขาก็ค่อยๆ จางลง และดูเหมือนว่าสภาพแบบนี้จะไม่สามารถรักษาไว้ได้นานเกินไปนัก
ไป๋ยี่เฟยมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่ในใจ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทันที ทำการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
เขาพยุงพื้นด้วยฝ่ามือ ยืนขึ้นจากพื้น จ้องมองไปที่เต้าจ่างแล้วพุ่งเข้าไปอีกครั้ง
เมื่อเห็นเช่นนี้ เต้าจ่างก็กางแขนทั้งคู่ออกอย่างไม่รีบร้อน เหมือนกางปีกของนกตัวหนึ่ง จากนั้นก็ใช้กำลังกระโดดขึ้นอย่างนุ่มนวล แล้วก็กระโดดขึ้นไปถึงที่ความสูงสามเมตร แล้วก็เล็งไปที่ไป๋ยี่เฟย โจมตีออกไปด้วยฝ่ามือ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็นั่งยองๆ ลงทันที แล้วก็กระโดดขึ้นในลักษณะเดียวกัน แล้วใช้ไหล่ของเขาไปชนเข้ากับฝ่ามือของเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อฝ่ามือของเต้าจ่างชนกับไหล่หลังของไป๋ยี่เฟย เต้าจ่างก็ตะโกนดังขึ้นมาอีกครั้ง “ฮ่า!”
ไป๋ยี่เฟยยกแขนทั้งสองขึ้น ใช้ฝ่ามือสวิงฝ่ามือนั้นของเต้าจ่างออกไป ยังอยากจะสกัดกั้นการโจมตีด้วยเสียงของเขาในเวลาเดียวกันอีกด้วย
แต่ว่า………..
“บูม!”
ไป๋ยี่เฟยบินออกไปอีกครั้ง
วิชาเสริมพลังอ้านจิ้งที่เขาใช้นั้นไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย และรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกขนาดใหญ่อีกครั้ง ราวกับว่าภูเขากระแทกกับร่างกายเขา
เนื่องจากในครั้งนี้อยู่ในพื้นที่ด้านบนและด้านล่าง ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงไม่ได้บินไปไกลมากนัก เพียงแต่กลิ้งอยู่บนพื้นไปหลายรอบ
เมื่อเห็นฉากนี้ ก็มีเสียงอุทานดังขึ้นอีกครั้งอยู่ในฝูงชน
และบนเวที จ้าวเห้อและผู้คนที่อยู่ฝั่งพวกเขาต่างก็ตื่นเต้นและมีความสุขมาก จ้าวเห้อยังยิ้มและพูดว่า “ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เต้าจ่างอยู่ยงคงกระพัน และไม่มีใครสามารถเอาชนะเต้าจ่างได้!”
“ถูกต้องไม่มีผิด เต้าจ่างอยู่ยงคงกระพัน!”
“ยังคงอ่อนเกินไป!”
ผู้ใหญ่หลายคนในเขตอื่นๆ ก็พูดตามขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของฉางเชี่ยวดูเคร่งขรึม และในดวงตาก็แสดงความกังวล เขาสามารถรู้ได้ว่ายิ่งมีกำลังมากเท่าไรผลกระทบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ผลกระทบเหมือนเต้าจ่างนี้ หากเป็นคนธรรมดากลัวว่าอาจจะตายไปในทันทีแล้ว