“หลังจากแต่งงาน พวกเขาใช้ชีวิตไม่เหมือนคนปกติทั่วไป”
“สำหรับพวกเขา การใช้ชีวิตแบบนี้มันทรมานมากๆ”
“การแต่งเข้าตระกูลภรรยามันเป็นเรื่องน่าอายมาก และภรรยาของเขาก็รู้สึกว่าการแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้ชอบ มันทรมานมากๆเหมือนกัน”
“……”
ไป๋ยี่เฟยค่อยๆเล่าเรื่องของเขากับหลี่เสว่ให้ผู้หญิงคนนั้นฟัง
การเล่าครั้งนี้นานมาก นานจนทำให้คนที่อยู่ด้านล่างเตรียมเบาะลมนิรภัยจนเสร็จและได้เตรียมรถดับเพลิงพร้อมบันไดทางอากาศ แต่พวกเขาเห็นไป๋ยี่เฟยกำลังคุยกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้แสดงอาการแตกตื่น ดังนั้นพวกเขาก็ไม่รีบที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้น
ช่วงแรกๆผู้หญิงคนนั้นแค่อยากรู้อยากเห็น แต่หลังจากนั้นเขาก็ตั้งใจฟังเรื่องที่เขาเล่าจริงๆ
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยเล่าจนจบ ผู้หญิงคนนั้นก็ยังถามอีกว่า:“หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋ยี่เฟยชี้ไปที่ด้านล่างตึก“เบาะลมนิรภัยได้เตรียมเสร็จแล้ว ตรงที่พวกเรายืนอยู่มันก็ไม่ได้สูงมากนัก กระโดดลงไปก็ไม่ตายหรอก”
“คุณจงใจใช่ไหม!”ผู้หญิงคนนั้นรู้ได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอก
ไป๋ยี่เฟยใช้สายตามองไปที่ไกลๆ จากนั้นหายใจลึกๆหนึ่งครั้งและพูด:“เรื่องที่ฉันเล่าเป็นเรื่องจริง ฉันถ่วงเวลาไว้ก็เป็นเรื่องจริง”
“แต่ฉันได้เล่าเรื่องของฉันให้คุณฟังแล้ว ฉันขอฟังเรื่องที่เกิดกับคุณได้ไหม?”
ผู้หญิงนิ่งไปชั่วครู่และเธอก็แสดงรอยยิ้มที่เศร้าๆออกมา“ถึงแม้เรื่องราวของฉันจะสู้เรื่องที่คุณแต่งขึ้นมาไม่ได้……แต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ฉันไม่มีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”
ไป๋ยี่เฟยอดไม่ได้ที่จะถาม:“แต่คุณกล้าที่จะฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วทำไมเรื่องของฉันถึงกลายเป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาล่ะ?”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“เรื่องที่คุณเล่า ช่วงแรกๆมันน่าเชื่ออยู่ แต่พอหลังๆมันเหมือนกับการสร้างหนังมากกว่า ในชีวิตจริงมีคนที่สามารถชกคนอื่นด้วยหมัดเดียวจนปลิวออกไปได้เหรอ?”
“คุณตั้งใจแต่งเรื่องพวกนี้ขึ้นมา เพื่อดึงดูดความสนใจของฉัน”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินก็หัวเราะออกมา“ถ้าเรื่องของฉันไม่ได้ถูกแต่งขึ้นมาจริงๆละ?”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่นและพูด:“ถ้ามีคนทำได้อย่างที่คุณเล่ามา ยิ่งเจออุปสรรคก็ยิ่งกล้าหาญ ฉันจะเอาเขามาเป็นแบบอย่าง ฉันก็จะมีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”
“แต่ว่า……คนๆนั้นที่คุณเล่ามามันไม่มีอยู่ในชีวิตจริง ดังนั้นเรื่องของคุณเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมากกว่า ฉันไม่เชื่อคุณหรอก”
เมื่อเธอพูดจบ จู่ๆ ด้านล่างตึกก็มีนักเลงกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
คนกลุ่มนี้คือคนที่เคยมาเก็บหนี้นอกระบบของเหล่าสวีและภรรยา นอกจากพวกเขา คราวนี้ยังมีคนเพิ่มมาอีกคน เป็นชายวัยกลางคนอายุสามสิบกว่าๆ เขาใส่แว่นดำมาด้วย
ไป๋ยี่เฟยมองปุ๊บก็รู้ว่าพวกเขามาหาเรื่อง และชายใส่แว่นดำน่าจะเป็นยอดฝีมือระดับที่สี่ชั้นกลาง
หัวใจของไป๋ยี่เฟยสั่นไหว เขาหันไปพูดผู้หญิงคนนั้น:“คุณอยากรู้ไหมว่าเรื่องที่ฉันเล่าเป็นความจริงหรือเปล่า?”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินคำพูดของเขาก็รู้สึกงุนงง
……
คนพวกนี้กลับไปและพาคนกลับมาอีก เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังมองหาไป๋ยี่เฟยและเหล่าสวีกับภรรยา
ถึงแม้ตอนนี้จะมีคนกำลังจะกระโดดตึก แต่พวกเขาไม่สนใจ พวกเขาผลักผู้คนออกแล้วเดินเข้าไปด้านใน
มีลูกน้องคนหนึ่งมองเห็นหลี่เสว่พอดี“เฮ้ย?ลูกพี่ใหญ่ ผู้หญิงคนนี้คือคนที่อยู่ในห้องผู้ป่วย?เธอเป็นพวกเดียวกับคนพวกนั้น!”
ชายรอยสักเหลือบมองหลี่เสว่ เขาก็คิดออกในทันที“ใช่ คือเธอจริงๆด้วย ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อน!”
ขณะพูดพวกเขาก็ล้อมหลี่เสว่ไว้
หลี่เสว่มือข้างหนึ่งลูบหน้าท้องตัวเอง ส่วนมืออีกข้างจับเอวของตัวเองไว้ ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม:“พวกคุณเป็นใคร?”
ชายใส่แว่นดำมองมาที่หลี่เสว่ พูดด้วยน้ำเสียงเสียดายว่า:“น่าเสียดายที่เธอท้องแล้ว เห้อๆ……”
ลูกน้องพวกนั้นหัวเราะเสียงดังออกมา เพราะพวกเขาเข้าใจคำพูดของชายใส่แว่นดำ
“จับตัวเธอไว้!”ชายใส่แว่นดำโบกมือ
จากนั้นมีลูกน้องสองคนเดินออกมาและกำลังจะไปจับหลี่เสว่
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ปะทุความโกรธออกมาทันที
เขาไม่มีเวลาไปนั่งลิฟต์ เขายืนขึ้นมาทันที เขาใช้แรงมากเกินไปจนทำให้ขอบดาดฟ้ามีรอยร้าว จากนั้นเขาก็กระโดดลงมาทันที
“อ๊าก!”
“กระโดดตึกแล้ว มีคนกระโดดตึกแล้ว!”
การกระโดดตึกของไป๋ยี่เฟยทำให้ผู้คนแตกตื่น
ผู้หญิงที่เตรียมตัวจะกระโดดตึกคนนั้นอึ้งไปเลย
นักผจญเพลิงที่มาช่วยเหลือก็งงไปตามๆกัน เขากำลังเกลี้ยกล่อมผู้หญิงคนนั้นไม่ให้เธอกระโดดตึก?ทำไมเขาถึงกระโดดเองละ?
ไป๋ยี่เฟยกระโดดลงมาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เขาจะตกลงบนเบาะลมนิรภัย แต่เขาอาจจะได้รับบาดเจ็บ
ทุกคนรีบปิดตาตัวเองทันที ไม่มีใครกล้ามอง
อย่างไรก็ตาม ไป๋ยี่เฟยไม่ได้กระโดดทีเดียวแล้วตกถึงเบาะลมนิรภัย แต่เขาเหยียบเครื่องปรับอากาศที่อยู่บนชั้นสาม แล้วกระโดดอีกครั้ง มันช่วยลดการกระแทกได้
มีบางคนที่อดไม่ได้ก็เลยลืมตาขึ้นมาดู เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้พวกเขาตะลึง
ผ่านไปสิบกว่าวินาทีไป๋ยี่เฟยตกลงถึงพื้นและมีเสียงดัง“ตูม”พื้นคอนกรีตที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็แตกออกจากกัน
ไป๋ยี่เฟยยืนขึ้นและพุ่งไปข้างหน้า
ลูกน้องสองคนของชายใส่แว่นดำกำลังจะจับไหล่ของหลี่เสว่
“ตูม!”
ไป๋ยี่เฟยมาถึง ต่อยพวกเขาไปคนละหมัด ลูกน้องสองคนปลิวออกไปเลย
ผู้คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นเต้นและตกใจ พวกเขาพึ่งตระหนักได้ว่าคนกลุ่มนี้เป็นนักเลงและถือไม้กระบองอยู่
พวกเขาทั้งหมดอึ้งไปเลย
การกระทำของไป๋ยี่เฟยเมื่อสักครู่ ทำให้พวกเขาตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
ผู้หญิงที่อยู่บนดาดฟ้า เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เธอก็เบิกตากว้างทันที“นี่……มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”
ด้านล่างตึก ชายใส่แว่นดำและชายรอยสักอึ้งไปเลย
พวกเขาหันศีรษะที่แข็งทื่อของตัวเองมองไปที่ดาดฟ้าชั้นหก จากนั้นก็หันศีรษะที่แข็งทื่อมองไปที่ไป๋ยี่เฟย
กระโดดลงมาจากตึกที่สูงขนาดนั้น แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ยอดฝีมือระดับที่สี่ขั้นสูงก็ทำไม่ได้แน่นอน
ลูกน้องของเขาทุกคนตกใจและยืนอึ้งอยู่กับที่
ลูกน้องสองคนที่ถูกต่อยจนปลิวออกไป เมื่อตกถึงพื้นก็รีบลุกขึ้นทันที แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็อาเจียนเลือดคำใหญ่ออกมา
ขณะที่ไป๋ยี่เฟยลงมือเขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด มิฉะนั้นคนธรรมดาทั่วไปรับพลังของเขาไม่ไหวแน่นอน ไป๋ยี่เฟยสามารถต่อยพวกเขาให้ตายภายในหมัดเดียว
หลี่เสว่มองไป๋ยี่เฟยด้วยความประหลาดใจ
เมื่อก่อนเธอรู้ว่าไป๋ยี่เฟยแข็งแกร่ง แต่นั่นมันคือเมื่อก่อน เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าตอนนี้ ไป๋ยี่เฟยจะแข็งแกร่งขนาดนี้
หัวใจของหลี่เสว่เต้นแรงและเธอก็ภูมิใจมากๆด้วย
“ที่รัก คุณเป็นอะไรไหม?”ไป๋ยี่เฟยหันหน้าไปมองหลี่เสว่ ถามเธอด้วยความเป็นห่วง
หลี่เสว่ส่ายหัว พูดด้วยรอยยิ้ม:“ฉันไม่เป็นไร”
……
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครกล้าพูด
จู่ๆชายรอยสักได้สติและชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยแล้วตะโกนเสียงดังว่า:“ลูกพี่ใหญ่ เขาคือคนๆนั้น!”
ชายใส่แว่นดำรู้สึกหวาดกลัวไป๋ยี่เฟย เมื่อเขาครุ่นคิดชั่วครู่ เขาพาคนมาจำนวนมาก และไป๋ยี่เฟยมาเพียงคนเดียว ดังนั้นเขาก็พูดอย่างกล้าหาญและเย็นชาว่า:“น่าจะพอมีฝีมืออยู่บ้าง ไม่แปลกใจเลยที่กล้ามายุ่งเรื่องของพวกเรา!”
“พ่อหนุ่มน้อย แกทำลายแผนการดีๆของท่านจ้าว แกคิดดีหรือยังว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
ไป๋ยี่เฟยมองหน้าพวกเขาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ไสหัวไปซะ!”
“แกพูดใหม่อีกรอบสิ?”ชายใส่แว่นดำรู้สึกโกรธเพราะคำพูดของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา“ฉันพูดว่า ไสหัวไปซะ!”
“แม่งเอ๊ย!”
ชายใส่แว่นดำโกรธขึ้นมาทันที เขาอยู่ในวงการนักเลง สิ่งที่ทำให้เขาเกลียดที่สุดคือการถูกละเลยและดูถูก
“แม่งเอ๊ย คุณคิดว่าพวกเราจัดการคุณไม่ได้เหรอ?”ชายใส่แว่นดำชี้หน้าไป๋ยี่เฟยด้วยความโกรธ“ถึงแม้แกจะเป็นยอดฝีมือระดับที่สาม แต่พวกเรามีคนเยอะกว่า ฉันไม่เชื่อว่าจะจัดการแกคนเดียวไม่ได้?”
เมื่อเขาพูดจบ จู่ๆหน้าประตูโรงพยาบาลก็มีรถตู้สีดำหลายคันเข้ามาจอด
จากนั้นมีคนจำนวนมากลงมาจากรถตู้ ในมือของทุกคนถือไม้กระบองอยู่
จากนั้นพวกเขาก็วิ่งเข้ามาที่โรงพยาบาลและล้อมทุกคนไว้
สีหน้าของไป๋ยี่เฟยยังคงปกติ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น