อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยหัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง “ไม่รู้ว่าคุณรู้จักผู้หญิงคนที่ชื่อว่าซือซือไหม?”
หนิวต้ายเบิกตาโพลงทั้งคู่ทันที
ไป๋ยี่เฟยดูดบุหรี่ลึกๆหนึ่งที พูดเบาๆว่า “ในเมื่อวาน อยู่บนดาดฟ้าตึกนี้ เธออยากจะกระโดดลงไป จบชีวิตทั้งหมดของตนเอง”
หลังจากหนิวต้ายฟังจบตื่นตะลึงอย่างมาก ต่อจากนั้นก็คือตื่นเต้นและสับสนวุ่นวาย “งั้น……เธอกระโดดลงไปหรือยัง? ตอนนี้เธอยังอยู่ดีไหม?”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเขาอย่างเงียบๆไม่พูด
หนิวต้ายหยุดชะงัก มีความไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ว่าเขามีปฏิกิริยากลับมาเร็วมาก ไป๋ยี่เฟยบอกว่าเมื่อคืนมีคนเล่าเรื่องให้เขาฟัง งั้นน่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นแล้ว ถ้าหากว่าเธอกระโดดลงไปละก็ จะเล่าเรื่องนี้ได้ยังไงอีกล่ะ?
ในเวลานี้ ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเย็นชาอีกเสียงหนึ่ง “คุณประยุกต์ใช้ค่าชดใช้ที่ผมให้คุณ รวบรวมลูกน้องอย่างสะบั้นหั่นแหลก ทำมาหาเลี้ยงชีพให้รอดไปวันๆอยู่ในเมืองเทียนเป่ยจนเจริญรุ่งเรือง คิดว่าอย่างนี้ก็จะจัดการผมแล้วใช่หรือไม่?”
หนิวต้ายก้มหัวไม่พูด
เขาเหมือนดั่งแต่ก่อน ยามปกติโอหังขนาดไหน อารมณ์หุนหันพลันแล่นขนาดไหน แต่ว่าอยู่ต่อหน้าไป๋ยี่เฟยล้วนกล้าโกรธ แต่ไม่กล้าพูดมาโดยตลอด
“ยังไงล่ะ? กล้าทำไม่กล้ายอมรับหรือ?” ไป๋ยี่เฟยสายตาเย็นชาจ้องมองเขา “เนื่องด้วยมือพิการหรือไม่ ทำให้จิตใจคุณก็พิการเช่นกันล่ะ?”
“ทำมาหาเลี้ยงชีพให้รอดไปวันๆอยู่เมืองเทียนเป่ยจนเจริญรุ่งเรือง มีเงินมีอิทธิพล ยังทำให้ผู้หญิงดีใจเป็นด้วยนี่หรูหราฟุ่มเฟือยขนาดไหนล่ะ!”
“จากนั้นคุณก็ใช้คำพูดอันแสนหวานหลอกพวกเธอ สุดท้ายค่อยสะบัดพวกเธอทิ้งอีก ก็สามารถเติมเต็มความรู้สึกอันเป็นสุขอย่างโรคจิตของคุณใช่ไหม?”
หนิวต้ายก้มหัวเหมือนเดิม ไม่กล้าพูด
ไป๋ยี่เฟยพูดอีกว่า “ซือซือบอกกับผมว่าความรักที่เธอมีต่อคุณ จริงจังมาก และในใจเธอก็รู้สึกผิดเช่นกัน เพราะว่าเดิมเธอก็มีแฟนอยู่แล้ว กลับต้านความยั่วยวนของคุณไม่อยู่ อีกทั้งเธอยังตั้งครรภ์ด้วย”
“พอเธอตั้งครรภ์คุณก็สะบัดเธอทิ้งอย่างโหดร้าย ส่วนแฟนเก่าของเธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับสิ่งเหล่านี้เลยสักนิด”
“เธอพูดว่า เธอหนีไม่พ้นบาปที่ตนก่อ”
“เธอไม่มีหน้าจะอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปอีก ก็ไม่มีสิทธิที่จะอยู่บนโลกนี้ต่อไปอีกเช่นกัน”
“หนิวต้าย”
“ทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งอย่างตามใจ ทำร้ายความรักของเธอ ค่อยฆ่าเธอทางอ้อม ในใจของคุณสะใจมากใช่หรือไม่?”
“อ่า?”
หนิวต้ายได้ยินน้ำเสียงของไป๋ยี่เฟยยิ่งพูดยิ่งเย็นชา โดยจิตใต้สำนึกก็เลยสั่นระริกขึ้นมา ล้วนมีแต่ความหวาดกลัว
ซือซืออยู่ข้างหนิวต้ายเป็นเวลานานมาก ดังนั้นจึงรู้ว่าบ้านของหนิวต้ายอยู่ที่ไหน นี่ก็เป็นสาเหตุที่ไป๋ยี่เฟยรู้ตำแหน่งที่อยู่ของหนิวต้ายทันทีเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยสามารถคาดเดาว่าเป็นหนิวต้ายก็เป็นเรื่องง่ายมาก
เพราะว่าอยู่ในปัจจุบันนี้เมืองเทียนเป่ย มีความแค้นต่อเขาขนาดนี้ อีกทั้งจะไม่ปกปิดก็มีเพียงแค่สองคนเท่านั้น
คนหนึ่งคือหลิ่วจาวเฟิงอีกคนหนึ่งก็เป็นหนิวต้ายแล้ว
ก่อนหน้าไม่นานหลิ่วจาวเฟิงเพิ่งประมือกันกับเขามา หลิ่วจาวเฟิงก็จะไม่ใช้เล่ห์กลชั้นต่ำขนาดนี้อีกอย่างเด็ดขาด
ดังนั้น ได้เพียงแต่เป็นหนิวต้ายแล้ว
หนิวต้ายก้มหัวอยู่ ไม่มีคนเห็น ขอบตาของเขาแดงขึ้นแล้ว
“ขอโทษ!”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเสียงขอโทษนี้มีความแปลกใจเล็กน้อย “คุณยังรู้ว่าตนเองทำผิดแล้วหรือ?”
อยู่ดีๆหนิวต้ายเงยหน้าขึ้น ยื่นมือพิการทั้งคู่นั้นของเขาออกมา ร้องตะโกนพูดว่า “ใช่! ผมทำผิดแล้ว!”
“ล้วนเป็นความผิดของผม!”
“แม่มึงเอ่ย แต่ตอนนี้ผมก็เป็นคนพิการคนหนึ่ง แม้แต่ผลไม้หนักไม่เท่าไหร่ผมก็ยกไม่ขึ้น แม่มึงเอ่ย ผมมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ยังมีประโยชน์อะไรล่ะ?”
“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของผม! จิตใจของผมบิดเบือนเอง เป็นผมผิดต่อคุณเอง!”
คำขอโทษแต่ละเสียงนี้ ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด แต่คือการตัดพ้อและระบายอยู่
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเขาพูดเบาๆว่า “คนที่คุณควรขอโทษไม่ใช่ผม เป็นซือซือ ยังมีแฟนที่อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งกันมาโดยตลอดของซือซือ คนที่สมควรขอโทษที่สุด เป็นพ่อของคุณ!”
หนิวต้ายนิ่งอึ้งไปเลย น้ำตาที่อยู่หางตาของเขาไหลลงมาตามแก้ม
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองหนิวต้ายหนึ่งที และดูดบุหรี่ลึกๆหนึ่งที ค่อยๆปล่อยออกมา จึงพูดว่า “ใครจึงจะเป็นคู่อริที่ฆ่าพ่อของคุณจริงๆ จุดนี้คุณน่าจะชัดเจนกว่าผมอีก!”
“เวลาเพียงสั้นๆไม่กี่เดือน ผมให้เพียงเงินคุณ แต่คุณกลับพัฒนาขยายอย่างรวดเร็วมีอิทธิพลในปัจจุบันนี้ คุณคิดว่าจะเป็นไปได้หรือ?”
“เห็นได้ชัดมาก คือมีคนแอบประคับประคองคุณอยู่”
“ถ้าคุณไม่โง่ละก็ ก็น่าจะรู้ คนที่แอบช่วยเหลือคุณเป็นไปได้มากอาจจะเป็นผู้บงการฆ่าพ่อคุณ ถึงแม้ไม่ใช่ ก็เป็นพวกเดียวกันกับพวกเขาเช่นกัน”
“ก็เนื่องเพราะคุณคาดเดาได้แล้ว ดังนั้นหลังจากคุณจับเสว่เอ๋อกับเสี่ยวอิงไป ไม่ได้ทำร้ายพวกเธอ และคุณก็ไม่รู้ว่าตนเองควรเลือกยังไงดีเช่นกัน ใช่หรือไม่?”
หนิวต้ายตื่นตะลึงจ้องมองไป๋ยี่เฟย ในเวลาเดียวกันยังเพิ่มความหวาดกลัวเล็กน้อย
คำพูดเหล่านี้ที่ไป๋ยี่เฟยพูดทำให้เขาตื่นตะลึงอย่างมาก คล้ายดั่งเขาได้เห็นกับตา
“คุณรู้ได้ยังไงหรือ?” หนิวต้ายถามอย่างตื่นตะลึง
ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆว่า “เดิมทีผมก็ไม่รู้นะ แต่หลายวันนี้ผมไม่มีอะไรทำ หลังจากสงบลงก็คิดไปอย่างมากมาย มีบางเรื่องก็ค่อยๆคิดออกอย่างชัดเจนแล้ว”
ลักษณะท่าทีของหนิวต้ายเป็นแบบที่ไม่รู้จะพูดอะไร
ไป๋ยี่เฟยถามอีกว่า “เป็นเหลียงหมิงเยว่หรือ?”
หนิวต้ายตื่นตะลึงจนเบิกตาโพลงทั้งคู่
พูดถูกอีกครั้ง หนิวต้ายล้วนไม่รู้ว่าจะอธิบายถึงความสั่นสะเทือนในใจของตนเองได้ยังไงแล้ว
ไป๋ยี่เฟยพูดอีกว่า “ดูแล้วน่าจะไม่ผิด”
“ผมจะขึ้นเขาไปช่วยหลิวเสี่ยวอิง แต่เมิ่งฉิงออกมาขวางผม กลับไม่กล้าไปที่ยอดเขา เพราะว่าเขาจำคนบางคนที่อยู่บนยอดเขาได้”
“คนคนนี้ก็คือเหลียงยู่ ลูกสาวของเหลียงหมิงเยว่”
ในเวลานั้น หลังจากไป๋ยี่เฟยขึ้นภูเขา เมิ่งฉิงก็หยุดการไล่โจมตี และบนภูเขามีเพียงแค่เหลียงยู่กับหลิวเสี่ยวอิงเท่านั้น เมิ่งฉิงย่อมจะไม่พะว้าพะวังกับหลิวเสี่ยวอิงแน่นอน อย่างนั้นก็มีเพียงแค่เหลียงยู่แล้ว
แต่ว่าพลังความสามารถของเหลียงยู่ในตอนนี้ยังสู้ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ เมิ่งฉิงก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องพะว้าพะวังแล้ว อย่างนั้นได้แค่อธิบายว่า เขาคือพะว้าพะวังคนที่อยู่เบื้องหลังเหลียงยู่
แต่ก่อนหน้านั้นเหลียงยู่หายสาบสูญไปช่วงเวลาหนึ่ง ใครก็ไม่รู้ว่าเธอไปไหนแล้ว จากนั้นเธอปรากฏตัวอยู่ที่หลันเต่าอีก พฤติกรรมประหลาดอย่างมาก
และเธอทำเรื่องเหล่านี้ ดูเหมือนไม่ได้เป็นสิ่งที่เธออยากจะไปทำเลย แต่คือมีคนให้เธอไปทำ
แต่เวลานั้นเขาเคยถามจื่ออี จื่ออีไม่รู้ว่าเหลียงยู่ไปไหนเลย
“ดังนั้นเหลียงหมิงเยว่ไม่ได้ตายเลยสักนิด เขาก็คือผู้เฝ้าคลังของคลังเก็บทองที่สาม”
“และตลอดเวลามา ไม่ว่าเป็นเหลียงเหว่ยชาว หรือว่าสวี่เต้าจ่าง พวกเขาทุกคนล้วนอยากจะให้ผมบอกตำแหน่งที่อยู่ของคลังเก็บทองที่สามกับวิธีการเข้า แต่ตามความจริง พวกเขารู้มานานแล้ว”
“และจุดประสงค์ที่พวกเขาทำอย่างนี้ คืออยากจะปิดบังผม ทำให้ผมคิดว่าพวกเขาไม่รู้ จากนั้นดึงดูดความสนใจของทุกคน เคลื่อนย้ายไปบนกายผม ในเวลาเดียวกันทำให้พวกเราวางจุดสำคัญไปที่เฝ้าคลังเก็บทองที่สาม”
“จากนั้นปกปิดจุดประสงค์ที่แท้จริงของเหลียงหมิงเยว่ อย่างดีสมบูรณ์แบบ!”
“และจุดประสงค์ของเขา……”
หลังจากหนิวต้ายได้ยินถึงตรงนี้สีหน้าซีดๆ เขาดูเหมือนทนต่อไม่ไหวแล้ว ส่ายหัวอย่างสุดชีวิตร้องตะโกน “ไม่! ผมไม่รู้! ผมล้วนไม่รู้อะไร…..”
“ปุ้ง!”
หนิวต้ายคุกเข่าลงอยู่ต่อหน้าไป๋ยี่เฟยโดยตรง ขอร้องพูดว่า “ขอร้องคุณ อย่าฆ่าผม ผมล้วนไม่รู้อะไร ล้วนไม่เข้าใจอะไร และล้วนไม่ได้ยินอะไรเช่นกัน……”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเขาเป็นเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะหายใจออกอย่างหนักๆหนึ่งที เพราะว่าเขารู้ สิ่งเหล่านั้นที่เขาพูดเมื่อกี้ล้วนถูกหมด
ตอนนี้หนิวต้ายคุกเข่าขอร้องให้ยกโทษให้ เนื่องเพราะเขาหวาดกลัวแล้ว
ไป๋ยี่เฟยคาดเดาถึงสิ่งเหล่านี้ย่อมไม่อยากให้เหลียงหมิงเยว่รู้อย่างแน่นอน แต่เขาพูดออกมาแล้ว หนิวต้ายก็ถือว่ารู้แล้วเช่นกัน หนิวต้ายก็ถือว่าเป็นคนของเหลียงหมิงเยว่ฝั่งโน้นโดยทางอ้อม
และอยากจะทำให้คนคนหนึ่งหุบปาก งั้นก็มีแต่ฆ่าเขาแล้ว!
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเขาเงียบๆไปสักพัก จึงส่ายหัวต่อๆกันพูดว่า “ผมไม่ฆ่าคุณ”
“แต่ว่า……ช่วงเวลานี้คุณยังคงอยู่ที่นี่ดีกว่า”
เพิ่งพูดคำนี้จบ ก็ได้ยินว่านอกโรงพยาบาลอยู่ดีๆคึกคักขึ้นมา ต่อจากนั้นอยู่ดีๆเงียบไปอีก
ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจว่าทำไม ก็เดินไปที่หน้าหน้าต่างทันที มองไปยังข้างนอก
เขามองเห็นบนถนนที่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ว่างเปล่าไม่มีสักคน และหน้าประตูโรงพยาบาลถูกคนเฝ้าไว้แล้ว
หลังจากนั้นอีก มีรถหรูหราขับมาจากที่ไกลเป็นแถว จากนั้นรถหรูหราเป็นแถวเต็มซอย
ผ่านไปไม่นาน มีรถgeelyรุ่นเก่าที่ธรรมดามากคันหนึ่งขับเข้ามาแล้ว
รถคันเล็กนี้ที่ไม่เตะตาสักนิดอยู่ในรถหรูหราที่เป็นแถวนี้เห็นได้ชัดว่าเข้ากันไม่ได้เล็กน้อย