ไม่ว่าพูดยังไงเธอก็เป็นคนของตระกูลไป๋ ถึงขนาดสามารถไร้น้ำใจถึงขั้นนี้ ช่างทำให้คนจิตใจเหน็บหนาวจริงๆ
แต่ตอนนี้ ไป๋ยี่เฟยมีความสามารถแล้ว และหลี่เสว่ตั้งครรภ์อีก พวกเขาก็ออกมาทีละคน ยืนอยู่บนตำแหน่งสูงของรุ่นอาวุโส ทำท่าทางใบหน้าหยิ่งยโสแบบนั้น เหมือนดั่งพวกเขาให้ทาน
เกรงว่าคนที่มีอารมณ์ดีขนาดไหนพบเจอกับสภาพการณ์แบบนี้ ในใจล้วนมีความโมโห
ไป๋หยุนเผิงเห็นอยู่ข้างๆ รีบพูดว่า “อารองท่านอย่าโมโห ความหมายของเขาแท้ที่จริงคือ…….”
ยังไม่รอให้ไป๋หยุนเผิงพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ตัดคำพูดของเขาเลย “ไม่มีความหมายอย่างอื่น ก็เป็นความหมายอย่างเมื่อกี้”
อู๋กุ้ยเซียงที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ไหวที่จะเอ่ยปากแล้ว “ยี่เฟย อย่าพูดอีกเลย ปู่รองยากที่จะออกบ้านสักครั้ง เขาออกบ้านครั้งนี้ นับว่าให้เกียรติแกอย่างมาก”
“ฮึ!” ปู่รอง ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่ง “พวกคุณอย่าขอความเห็นใจเพื่อเขา หุนหันพลันแล่นอย่างนี้ ไม่เคารพรุ่นอาวุโส ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ยากที่จะมีสถานะเป็นทายาทตระกูลไป๋ ผมว่าวันหลังค่อยคิดวางแผนอีกเถอะ!”
พูดจบ สีหน้าของไป๋หยุนเผิงกับอู๋กุ้ยเซียงเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
ไป๋ยี่เฟยกลับไม่ได้สนใจสิ่งนี้ เขาจ้องปู่รองคนนี้หนึ่งที อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นชาพูดว่า “ปู่รองอะไรหรือ? เห็นได้ชัดก็คือชายชราที่ไม่รู้จักเคารพตัวเอง!”
“เป็นชายชราที่ไม่รู้จักเคารพตัวเอง ก็อย่าโทษผมไม่เคารพต่อท่าน” ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยเสียงเย็นชา “เด็กเป็นของผมกับเสว่เอ๋อ เสว่เอ๋อตั้งครรภ์อยู่สิบเดือนจึงคลอดออกมา ความยากลำบากในนั้นพวกท่านไม่รู้เลยสักนิด”
“ถึงแม้ว่าเป็นรุ่นอาวุโส ก็ควรถามความคิดของเสว่เอ๋อสักหน่อย ก่อนหน้านั้นไม่เหลียวแลพวกคุณมีสิทธิอะไร ตอนนี้กลับโผล่ออกมาจะมาตั้งชื่อลูกของผม?”
“ยังมี ท่านคิดว่าผมแคร์การรับช่วงกิจการของตระกูลไป๋หรือ?บอกกับท่าน ผมไม่ขาดแคลน!”
“ผมขี้เกียจเห็นไอ้แก่ชราที่ไม่รู้จักเคารพตัวเองอย่างพวกคุณเหล่านี้ ทั้งวันมีลักษณะท่าทีแบบที่คนอื่นติดหนี้ท่าน เห็นแล้วก็จิตใจว้าวุ่น!”
“แก!” ปู่รองถูกทำให้โมโหจนยกมือคู่นั้นที่เต็มเปี่ยมด้วยรอยย่นชี้ที่ไป๋ยี่เฟยสั่นระริกอยู่ ตาทั้งคู่เบิกตาโพลง ดูเหมือนอยากจะเอ่ยปากชี้ด่าไป๋ยี่เฟย
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยยังไม่ได้พูดจบ
เขาก็ยื่นนิ้วออกมาชี้ปู่รองอยู่เช่นกัน เสียงดังพูดว่า “ฟังผมให้ดีๆ อย่าคิดว่าผมเป็นลูกชายของไป๋หยุนเผิง ก็เอาสถานะที่เป็นทายาทตระกูลไป๋อะไรออกมาคุกคามผม ตรงข้ามกันพวกคุณควรรู้สึกโชคดีที่ผมเป็นลูกชายของไป๋หยุนเผิง มิฉะนั้น พวกคุณไอ้แก่เหล่านี้อยู่ไม่ถึงปัจจุบันนี้เลยสักนิด!”
คำพูดนี้พูดออกมา คนทั้งหลายล้วนตื่นตะลึงแล้ว
คำพูดเหล่านี้ไม่ว่าหยิบออกมาคำไหนล้วนคือเนรคุณ โอหังสุดขีด
ถึงยังไงพวกเขาล้วนรู้ ถึงแม้ว่าเจ้าบ้านตระกูลไป๋สามารถทำการตัดสินใจทั้งหมด แต่ว่า พวกรุ่นอาวุโสของตระกูลไป๋มีสิทธิที่จะปฏิเสธการตัดสินใจของเจ้าบ้าน
ความหมายของไป๋ยี่เฟยเมื่อกี้คือบอกกับพวกเขาอยู่ว่า เขาเห็นแก่ความเกี่ยวข้องทางสายเลือด จึงยอมอดทนกับท่าทีหยิ่งยโสของพวกเขา ไม่งั้นละก็ถูกเขาทำจนตายไปนานแล้ว
ปู่รองโดนยั่วให้โกรธแล้ว ร้องตะโกนพูดว่า “ไอ้เหี้ยที่ไม่รู้ที่ตาย!”
เขาก็ยืนอยู่ที่นั่น อยู่ดีๆตาทั้งคู่กลายเป็นแดงฉาน เส้นผมที่ขาวกับแขนเสื้อที่ใหญ่หลวม ถึงขนาดไร้ลมขยับเอง
และบนกายเขาชั่วพริบตาเดียวเผยความอาฆาตที่ล้นฟ้าออกมาให้เห็น
ไป๋หยุนเผิงกับอู๋กุ้ยเซียงเห็นสภาพ สีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง
และอยู่ในเวลานี้ มีมือข้างหนึ่งวางอยู่บนหัวของปู่รอง
ก่อนหน้านั้นไป๋ยี่เฟยเนื่องเพราะไม่สามารถควบคุมในการเข้าสู่สภาวะแปรสภาพ ทำให้เส้นผมของเขากลายเป็นสีเทา
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยที่อยู่ในเวลานี้ยามนี้ เส้นผมถึงขนาดดำหมดเลย
และตาของเขา ถึงขนาดไม่ได้แดงฉานเหมือนดั่งปู่รองอย่างนั้น ยังเป็นสีเดิมอยู่ เพียงแค่สว่างมากกว่าแต่ก่อนเท่านั้น
ดังนั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงที่สามารถมองข้ามอย่างนี้ได้ ทำให้พลังที่อยู่บนกายเขาชั่วพริบตาเดียวก็ยกระดับหลายขั้น
ไป๋ยี่เฟยรบชนะสวี่เต้าจ่างแล้ว
พลังความสามารถของไป๋ยี่เฟยบรรลุถึงระดับที่หนึ่ง
ถึงแม้ผู้เฒ่าที่อยู่ต่อหน้าอายุเจ็ดสิบปีคนนี้ ก็เคยเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเช่นกัน สามารถเข้าสู่สภาวะแปรสภาพเหมือนกัน
แต่ว่า จะเทียบเท่ากับไป๋ยี่เฟยในปัจจุบันนี้ได้ยังไงล่ะ
ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่ยื่นมือข้างหนึ่งกดอยู่บนหัวเขาอย่างเบาๆ ก็เหมือนดั่งกดสวิท ทำให้แรงพลังทั้งร่างกายของเขารั่วไหลออกไปในชั่วพริบตาเดียว สีแดงฉานที่อยู่นัยน์ตาก็หายตามไปด้วยเช่นกัน
ไป๋หยุนเผิงตื่นตะลึงเลย
อู๋กุ้ยเซียงตลึงตาค้างเลย
ปู่รองทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว
ในเวลานี้ยามนี้สีหน้าหยิ่งยโสที่อยู่บนใบหน้าเขาล้วนหายไปแล้ว กลายเป็นความตื่นตระหนกตกใจยึดเข้าแทนที่
เขาสามารถรับรู้สัมผัสถึงพลังของไป๋ยี่เฟยในปัจจุบันนี้ว่าแข็งแกร่งมาก และมือนั้นที่กดทับเขาไว้ของไป๋ยี่เฟย เพียงแค่ออกแรงเบาๆ ก็สามารถบีบหัวกะโหลกของเขาแตกได้
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ทำอย่างนั้นเลย แต่ปล่อยมือออก
เขาจ้องมองปู่รองพูดเบาๆว่า “ไสหัวกลับไปอยู่บ้านเก่าเถอะ”
หลังจากปู่รองถูกปล่อยออกมาเกือบยืนไม่มั่นคง และเขายิ่งเพิ่มความหวาดกลัวต่อไป๋ยี่เฟย
แต่เขามีความยากที่จะเชื่อเล็กน้อย “นี่……เป็นไปได้ยังไงล่ะ? แกแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงหรือ? ผม ……ผมเป็นยอดฝีมือระดับที่สองชั้นต่ำนะ หลังจากแปรสภาพก็มีพลังความสามารถระดับที่สองชั้นสูงเช่นกัน งั้นสวี่เต้าจ่าง……”
ได้ยินคำพูดนี้ ไป๋ยี่เฟยพูดเหยียดหยาม ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่งว่า “อย่าพูดถึงเขาอยู่ภายใต้มือผมแม้แต่สามท่าเขาก็ไม่พ้น!”
ก่อนหน้านั้นไป๋ยี่เฟยเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้อย่างเด็ดขาด แต่เขาในตอนนี้ มีพลังความสามารถนั้น
และพวกเขาคนเหล่านี้ ถ้าเป็นแต่ก่อน ย่อมจะไม่เชื่อคำพูดของไป๋ยี่เฟยแน่นอน แต่ตอนนี้ พวกเขาเชื่อแล้ว
ลักษณะพลังของไป๋ยี่เฟยที่เผยออกมาให้เห็นเมื่อกี้ และปฏิกิริยาของปู่รองเพียงพอที่จะอธิบายทั้งหมด
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองประตูของห้องคลอดหนึ่งที หันหน้าพูดกับไป๋หยุนเผิงว่า “พ่อ ให้คนส่งปู่รองกลับไปเถอะ”
ไป๋หยุนเผิงนี่จึงคืนสติกลับมาจากอารมณ์ที่ตื่นตะลึงและตื่นเต้น
ไม่ว่ายังไงเขาล้วนนึกไม่ถึง ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ถึงขนาดแข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว
ตอนที่พลังความสามารถของคนคนหนึ่งแข็งแกร่งถึงขั้นหนึ่ง ความอิจฉาริษยาที่คนอื่นมีต่อเขาก็จะกลายเป็นความเคารพยำเกรง อีกทั้งไม่มีจิตในที่เกิดการต่อต้านออกมาสักนิด
และคนที่มีพลังความสามารถก็ไม่แคร์สิ่งของที่ทำให้คนอื่นตาร้อนเหล่านั้นเช่นกัน
ก็อย่างเช่นกิจการของตระกูลไป๋
ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ไม่แคร์ว่าตนเองจะได้รับช่วงตระกูลไป๋หรือไม่เลยสักนิด เพราะว่าพลังความสามารถของเขาเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปห่วงสิ่งเหล่านี้เลยสักนิด
ไป๋หยุนเผิงวางแผนให้ลูกน้องของตระกูลไป๋หลายคน พยุงปู่รองออกไป
ในเวลานี้ อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยเรียกเขาไว้ “ปู่รอง”
รูปร่างของปู่รองแข็งทื่อทันที หันหน้านิดๆจ้องมองเขา
ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆว่า “คนแก่แล้ว ร่างกายก็ไม่ไหวแล้ว ยังคงอยู่บ้านเก่าพักผ่อนร่างกายให้ดีๆเถอะ”
“ถ้าว่าท่านได้ออกมานี่ หากไม่ทันระวังโดนรถชนเอา งั้นก็ไม่ดีแล้ว”
ปู่รองอึดอัดมากพักหนึ่ง อยากจะโมโหกลับไม่อาจจะไม่อั้นเอาไว้ เพราะว่าพลังความสามารถของเขาสู้คนไม่ได้
รอจนส่งปู่รองออกไป อยู่ดีๆไป๋หยุนเผิงถอนหายใจหนึ่งที “ไอ้ นี่ทำอย่างนี้ทำไมล่ะ?”
ใบหน้าไป๋ยี่เฟยไร้สีหน้าพูดว่า “ความทุกข์ที่เสว่เอ๋อได้รับจะรับเปล่าไม่ได้”
เพิ่งพูดคำนี้จบ ไฟของห้องผ่าตัดดับแล้ว
ในเวลาเดียวกันประตูของห้องผ่าตัดเปิดออกแล้ว ข้างในมีคนรีบออกมาส่งข่าวดีกับข้างนอกว่า “ขอแสดงความยินดี ในการคลอดหญิงคลอดลูกสำเร็จเด็กผู้ชายคนหนึ่งกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เด็กผู้หญิงออกช้ากว่าเด็กผู้ชายสิบนาที น้ำหนักเด็กผู้ชาย 3050 กรัม น้ำหนักเด็กผู้หญิง 2750 กรัม”
พอได้ยินข่าวนี้ ใบหน้าคนทั้งหลายล้วนแฝงไว้ด้วยความดีอกดีใจ
ในเวลานี้หลี่เฉียงตงคู่สามีภรรยาเพิ่งรีบเร่งเข้ามา รีบถามอย่างห่วงใยว่า “เสว่เอ๋อล่ะ?”
หลิวเสี่ยวอิงเดินออกมา ยิ้มพูดว่า “เสว่เอ๋อไม่เป็นไร การผ่าตัดสำเร็จดีมาก ให้เสว่เอ๋อพักผ่อนสักพักก่อน รอเด็กทำความสะอาดเสร็จก็สามารถออกมาได้แล้ว”
“ขอแสดงความยินดีนะ ชิงเก!”
“ยินดีเช่นกัน ยินดีเช่นกัน!”
“ฮ่าฮ่า…..”
คนในนั้นคึกคักมีความสุขไปหมด ต่างคนต่างล้วนดีใจจนหุบปากไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะแหยๆขึ้นมา “ฮึๆ……”
แต่อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆมือถือของไป๋ยี่เฟยดังขึ้นแล้ว เขาหยิบขึ้นมาดูเป็นเบอร์แปลกเบอร์หนึ่ง ก็ปิดทิ้งไปเลย
แต่วินาทีต่อมา ก็ส่งข้อความมาข้อความหนึ่ง
“ไป๋ยี่เฟย วัดฝูอิงคุณยังต้องไป!”
ไป๋ยี่เฟยโทรกลับไปทันที “หมายความว่าอะไรหรือ? คุณเป็นใครล่ะ?”
ฝั่งตรงข้ามใช้เครื่องดัดเสียงเหมือนเดิม “ผมเป็นใครไม่สำคัญ สำคัญก็คือ หากคุณไม่ไปอีก ฉินหัวก็อันตรายแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินคำนี้ ไป๋ยี่เฟยสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง
คนอื่นๆล้วนยังตื่นเต้นดีอกดีใจอยู่ ใครก็ไม่ได้สังเกตเห็นสภาพการณ์ฝั่งนี้ของไป๋ยี่เฟย มีเพียงแค่หลี่เฉียงตงสังเกตเห็นแล้ว “เกิดเรื่องแล้วหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกัน สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่