“มีเพียงกุญแจจึงเปิดออกได้ ดังนั้นคุณก็อย่าคิดที่จะช่วยเขาแล้ว!”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้อยู่ดีๆหัวเราะแล้ว
เมิ่งฉิงกับเหลียงเหว่ยชาวล้วนอึ้งชะงัก “คุณหัวเราะอะไรหรือ?”
“สิ่งที่ผมหัวเราะคือ พวกคุณถูกหลอกแล้ว” ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆ
คำพูดของเขาเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงฉีฉีส่งมาจากข้างหลังเหลียงเหว่ยชาวกับเมิ่งฉิงว่า “อาจารย์เคยบอกกับฉันว่า ผู้ถูกคัดเลือกของผู้เฝ้าคลังตั้งแต่ต้นจนจบล้วนมีแค่คนเดียว”
ทั้งสองคนได้ยินคำพูดนี้ตื่นตะลึงทันที หันหน้าไปมองทันที
ฉีฉีหยิบกุญแจออกมาแล้ว อีกทั้งเสียบเข้าไปในแม่กุญแจ ทั้งเปิดโซ่ทั้งพูดว่า “ฉันเพียงแค่แฝงตัวมาคนหนึ่งเท่านั้น”
ทันทีทันใดทั้งสองคนสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง
เมิ่งฉิงยิ่งพุ่งไปยังฉีฉี “หยุดเดี๋ยวนี้!”
และก็อยู่ในเวลานี้ “คว้าก” โซ่ถูกเปิดแล้ว
ที่เดิมฉินหัวที่หลับตาอยู่ อยู่ดีๆลืมตาขึ้น ในเวลาเดียวกัน เมิ่งฉิงมาถึงข้างกายฉีฉีพอดียื่นมืออยากจะไปดึงเธอ
และโซ่ที่มีน้ำหนักร้อยกว่าโลที่อยู่บนกายฉินหัวนั้น แกว่งไปยังเมิ่งฉิงโดยตรง
เมิ่งฉิงเห็นสภาพจำเป็นต้องเก็บมือกลับมา เอียงตัวหลบหนีทันที
ฉินหัวกระโดดออกมา ชกไปยังเมิ่งฉิงหนึ่งหมัด
เมิ่งฉิงรีบยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาต้านหมัดนี้ไว้
“ปั้ง!”
หลังจากเกิดเสียงดัง เมิ่งฉิงถูกชกจนถอยหลังหลายก้าว
และเหลียงเหว่ยชาวที่อยู่ในเวลานี้รู้ว่าสภาพการณ์เห็นท่าไม่ดีอยากจะไปช่วยเมิ่งฉิง กลับถูกไป๋ยี่เฟยยื่นมือขวางไว้แล้ว
ไป๋ยี่เฟยยิ้มแล้วยิ้มอีก “เถ้าแก่ใหญ่ มาประมือกันสักหน่อยไหม?”
สีหน้าเหลียงเหว่ยชาวขึงลับ แสงเย็นชากวาดผ่านนัยน์ตาหนึ่งที ออกฝ่ามือต่อๆกันกับไป๋ยี่เฟย
“ปั้งปั้งปั้ง!”
ความเร็วที่ฝ่ามือออกมาเร็วมาก เร็วจนทำให้คนมองไม่เห็นร่องรอยของเขาเลย
และไป๋ยี่เฟยวาดวงกลมอยู่กลางอากาศอีกครั้ง สะบัดฝ่ามือของเขาทั้งหมดเพี้ยนทิศทางไป
แต่ว่าฝีมือทั้งสองคนไล่เลี่ยกัน ใครก็ไม่ได้รับผลดี
ในช่องว่างนี้ เมิ่งฉิงมาถึงข้างกายเหลียงเหว่ยชาว ส่วนฉินหัวกับฉีฉีมาถึงข้างกายไป๋ยี่เฟย
เมิ่งฉิงจ้องมองฉีฉีที่ยืนอยู่ข้างกายไป๋ยี่เฟยสีหน้าดูแย่มาก โมโหร้องตะโกนพูดว่า “ฉีฉีผมจริงจังกับคุณนะ ตอนนี้คุณได้ชื่อว่าเป็นอะไรล่ะ?”
ฉีฉีสายตาเย็นชาจ้องมองเขา “ฉันเกือบจะเชื่อแล้ว”
เหลียงเหว่ยชาวเห็นสีหน้าของไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วถามว่า “คุณรู้มานานแล้วหรือ?”
“ไม่ถือว่านานมาก” ไป๋ยี่เฟยพูด
“ก่อนหน้านั้นพวกคุณโทรหาผมน่าจะให้ฉีฉีโทรมา ยังให้เธอส่งข้อความหนึ่งให้กับผม”
“ก่อนที่ยังไม่เห็นข้อความ ผมไม่รู้เลยว่าเป็นใคร แต่หลังจากมองเห็นข้อความแล้ว ผมก็คาดเดาได้แล้ว เพราะว่าคนของผมส่งข้อความล้วนมีจุดพิเศษอย่างหนึ่ง เครื่องหมายทั้งหมดล้วนใช้จุดมาแทน”
เหลียงเหว่ยชาวกับเมิ่งฉิงอึ้งชะงัก จากนั้นสีหน้ายิ่งดูแย่กว่าเก่าอีก
ยังไงพวกเขาก็นึกไม่ถึงเช่นกัน สามารถใช้เครื่องหมายที่อยู่บนข้อความส่งข่าวสารได้ด้วย
ไป๋ยี่เฟยพูดต่ออีกว่า “อีกทั้ง อยู่ตอนที่ผมใกล้จะถึง ผมได้รับข้อความหนึ่งอีก ข้างบนมีเพียงแค่สี่ตัวอักษร”
“ตัวอะไรหรือ?” เมิ่งฉิงถาม
ไป๋ยี่เฟยอมยิ้มหนึ่งที พูดว่า “ฉินหัวไม่เป็นไร”
สาเหตุที่ฉีฉีใช้วิธีส่งข้อความของคนกันเองกับไป๋ยี่เฟยก็แค่อยากจะบอกเขา เธอยืนอยู่ข้างเขาฝั่งนี้ ไม่งั้นไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้
ในเวลานี้ ฉีฉียิ้มเย็นชาพูดว่า “คนเหล่านั้นที่ถูกส่งมาลอบฆ่าฉัน พวกคุณบอกว่าเป็นตระกูลไป๋ ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ กับอาจารย์อาของฉันส่งมา คิดว่าฉันจะเชื่อจริงๆหรือ?”
“อาจารย์อาของฉันไม่จำเป็นต้องใช้เล่ห์กลอย่างนี้เลยสักนิด และเจ้าบ้านตระกูลไป๋ยิ่งรู้ว่าฉันเป็นคนของไป๋ยี่เฟยฝั่งนี้ เขาไม่มีเหตุผลที่จะส่งคนมาลอบฆ่าฉัน!”
เมิ่งฉิงพูดไม่ออก กลับอยู่ในวินาทีนั้นพูดโต้เถียงว่า “แต่คุณเป็นหนึ่งในผู้ถูกคัดเลือก ถึงแม้ว่าคุณเป็นคนของไป๋ยี่เฟยฝั่งนี้ ยากที่จะรับรองว่าตระกูลไป๋จะไม่คิดมาก และตั้งแต่ไหนแต่ไรมาตระกูลไป๋ล้วนไม่เชื่อฟังคำพูดของไป๋ยี่เฟย”
ฉีฉีหัวเราะเย็นชาอีกเสียงหนึ่ง “ฉันเชื่อสายตาการดูคนของฉัน”
เมิ่งฉิงขมวดคิ้ว “หมายความว่าอะไรหรือ?”
“ฉันเคยเห็นไป๋หยุนเผิงมาก่อน” ฉีฉีพูด
เมิ่งฉิงเงียบสนิท ในที่สุดก็หาสิ่งตอบโต้ไม่ได้แล้ว ได้เพียงแต่จ้องมองไปยังเหลียงเหว่ยชาว
ไป๋ยี่เฟยก็จ้องมองตามไปหนึ่งทีเช่นกัน จากนั้นขมวดคิ้วถามว่า “ดังนั้น ตกลงว่าทำไมพวกคุณต้องบอกสิ่งเหล่านี้กับผมล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยคาดเดาได้ว่าเหลียงหมิงเยว่ยังไม่ตาย แต่ว่าจุดประสงค์ของพวกเขากลับเป็นเมิ่งฉิงพูดออกมาจากปาก แต่นี่ไม่จำเป็นจริงๆนะ!
ในเวลานี้ อยู่ดีๆเหลียงเหว่ยชาวหัวเราะแล้ว “ดังนั้นคุณเชื่อแล้วหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกันพูดว่า “ดูจากปัจจุบันนี้ไม่มีพิรุธอะไร ก็ไม่มีจุดที่สงสัยด้วยเช่นกัน ดังนั้นผมเชื่อแล้ว ”
ได้ยินคำพูดนี้ เหลียงเหว่ยชาวมีรอยยิ้มเบิกบาน
และคนทั้งสามกับไป๋ยี่เฟยฝั่งนี้ทั้งหมดล้วนไม่เข้าใจ เธอทำไมต้องยิ้ม
ก็ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ไป๋ยี่เฟย ฉินหัวกับฉีฉีทั้งสามคนร่วมมือกันสามารถชนะเมิ่งฉิงกับเหลียงเหว่ยชาวได้แล้ว แต่เธอยิ้มอย่างนี้หมายความว่าอะไรหรือ?
ดังนั้นทั้งสามคนล้วนสงสัยงงงวยไม่เข้าใจมาก
และก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆมีเสียงดังส่งออกมาเสียงหนึ่ง
“คว้าก!”
วินาทีถัดมา อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าใต้เท้าว่างเปล่า ยังไม่ทันมีปฏิกิริยา ก็ตกลงไปยังข้างล่างโดยตรง
ที่แท้อยู่ดีๆพื้นของห้องโถงใหญ่แยกออกไปยังสองข้าง พอดีก็เป็นตำแหน่งที่ไป๋ยี่เฟยกับพวกเขายืนอยู่
ทั้งสามคนตกลงไปพร้อมกัน
เริ่มแรกช่องว่างยังใหญ่มาก แต่ยิ่งถึงสุดท้ายช่วงว่างยิ่งเล็กลง ทั้งสามคนล้วนถูกเบียดอยู่ด้วยกัน จากนั้นตกอยู่บนเนินข้างช่องที่ไปยังข้างล่างแห่งหนึ่ง
ทั้งสามคนถูกหนีบไว้พร้อมกัน นี่จึงไม่ได้ตกลงไปอีก
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าไปมองทันที ข้างบนเป็นฝ้าของวัด แต่ข้างล่างกลับดำมืดไปหมด
ในเวลานี้ มีสี่คนยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่างเป็นเหลียงเหว่ยชาว เมิ่งฉิง สวี่เต้าจ่างกับหลิ่วจาวเฟิง
พวกเขาล้วนยืดคอมองลงไปในหลุม แต่ว่าพวกเขาล้วนมองไม่เห็นอะไร ได้เห็นแต่ความดำมืดไปหมด
“ความสูง 50 เมตร ไม่ว่ายังไงตกลงไปก็ต้องตาย!”
“ตกลงไปไม่ตายคาดว่าก็ต้องพิการ ยังไงพวกเขาก็ออกมาไม่ได้เช่นกัน”
“อยากจะทำให้ไป๋ยี่เฟยหลงกล ช่างไม่ง่ายจริงๆนะ!”
คำพูดของพวกเขาไป๋ยี่เฟยได้ยินพอสมควร
ในเวลาเดียวกัน มีเสียง “คว้าก” ส่งมาอีกครั้ง
ไป๋ยี่เฟยพบเห็นว่าพื้นข้างบนที่แยกออกกำลังค่อยๆปิดชิดกัน ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็ตกอยู่ในความมืดไปหมด
ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนเบียดอยู่ด้วยกัน ท่าประหลาด เนื่องด้วยการตกลงมาเมื่อกี้ ล้วนได้รับการถลอกเป็นแผลที่หนักเบาต่างกันเล็กน้อย
ฉีฉีออกเสียงถามทันทีว่า “ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ?”
ฉินหัวพูดว่า “ความหนาของพื้นข้างบนมีประมาณ 50 เซ็น จะเปิดออกจากข้างในเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยถามว่า “งั้นข้างล่างล่ะ? ข้างล่างเป็นอะไรหรือ?”
ฉีฉีกับฉินหัวล้วนพูดว่า “ไม่รู้”
ไป๋ยี่เฟยบ่นพึมพำเสียงหนึ่งพูดว่า “ข้างบนไปไม่ได้ งั้นพวกเราก็เดินไปยังข้างล่าง เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินไปไม่ถึงสุดทาง!”
ฉีฉีถามอีกว่า “ตอนนี้พวกเราจะลงไปยังไงล่ะ?”
ทั้งสามคนล้วนยังเบียดอยู่ด้วยกัน ทั้งไม่มีจุดออกแรงอะไรอีก ทั้งเนินก็เอียงอีก ปากหลุมก็ใหญ่แค่นี้ด้วย อยากจะเข้าไปทีละคนทีละคน ยังคงมีความยากเล็กน้อย
ในเวลานี้ ฉินหัวพูดว่า “พวกคุณทั้งสองชิดแน่นหน่อย ผมดันพวกคุณขึ้นไป หลังจากเหลือช่องว่างผมจะลงไปก่อน”
“อ่า?” ฉีฉีอึ้งชะงัก ยังมีความไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟย กลับไม่มีความคิดมากมายขนาดนั้น กอดเอวของฉีฉีไว้โดยตรง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งดันกำแพงไว้ ขยับขึ้นข้างบนเป็นระยะเล็กน้อย
หลังจากมีช่องว่าง ฉินหัวก็เลยไหลลงไปตามเนินนั้นโดยตรง
ฉีฉีกลับมีความโมโหเล็กน้อย “ฉันว่า คุณจะยังไม่ปล่อยมืออีก!”
ฉินหัวล้วนลงไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องกอดเธอไว้ต่ออีก อีกทั้งเธอก็ใช้แขนตนเองดันกำแพงไว้เช่นกัน ล้วนไม่ต้องให้ไป๋ยี่เฟยมาพยุง