“นายฆ่าคุณชายสามแห่งสำนักหนานเหมิน ฉันในฐานะผู้นำศึกครั้งนี้ จะต้องฆ่านายให้ได้”หยุนอิงยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมเอ่ย
ไป๋ยี่เฟยตอบถาม”แล้วยังไง?”
หยุนอิงไม่มีทางฆ่าเขาหรือจะพูดอีกอย่างว่าไม่มีทางฆ่าเขาได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีก
แต่ว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่ไป๋ยี่เฟยคิด
จู่ๆหยุนอิงก็ยื่นมือออกมาวางไว้บนอกของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยชะงักยังไม่ทันได้โต้ตอบ พลันรู้สึกได้ถึงเรี่ยวแรงอันมหาศาลกำลังโจมตีที่หน้าอกของตัวเอง
“ปัง!”
จากนั้นตัวของเขาก็ลอยกระเด็นออกไปทันที
“ปั่ก!”
สุดท้ายก็ล่วงลงที่พื้น
ตอนที่เขากำลังพยุงตัวลุกขึ้นยืนพลางกุมหน้าอกไปด้วย แล้วเขาก็รู้สึกคาวในลำคอแต่ก็ยังสามารถกลั้นไว้ได้ไม่ได้อาเจียนออกมา
“เธอบอกว่าจะมาเจรจากับฉันไม่ใช่เหรอ?เจรจาอะไรล่ะ?นี่คือมาเพื่อลอบโจมตีฉันเรอะ?”เขาจ้องหน้าหยุนอิง
หยุนอิงยักไหล่เบาๆพร้อมกับแบมือเอ่ย”นายลอบโจมตีฉันก่อนไม่ใช่หรือไง?ถือว่าแลกกันไง”
ไป๋ยี่เฟย”……”
พูดกันตามตรง พอเห็นท่าทางของหยุนอิงตอนนี้ จู่ๆไป๋ยี่เฟยก็นึกถึงจื่ออี จื่ออีดูๆแล้วก็เหมือนคนอายุแค่สามสิบกว่า แต่จริงๆแล้วเธออายุแปดสิบกว่าปีแล้ว
ดังนั้น หยุนอิงที่ดูท่าทางเหมือนแค่คนอายุยี่สิบกว่าปี แถมยังมีความสามารถเก่งกาจขนาดนี้อีกด้วย อายุจริงๆคงจะ……
ไป๋ยี่เฟยกุมหน้าอกของตัวเอง เขารู้ว่าฝ่ายตรงข้ามออมมือให้ไม่อย่างนั้นเขาคงตายไปนานแล้ว
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจช้าๆก่อนจะเอ่ย”ตอนนี้คุยได้หรือยัง?”
หยุนอิงพยักหน้า “มานั่งสิ นั่งก่อนแล้วค่อยคุย”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “ไม่ล่ะ คุยแบบนี้เลย”
หยุนอิงมองเห็นถึงความกังวลของไป๋ยี่เฟยจึงยิ้มแล้วเอ่ย “ยังอยากมีชีวิตอยู่มั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยพูด “ใครไม่อยากมีชีวิตอยู่?”
หยุนอิงยิ้มออกมาอีกครั้งพลางพูด “อยากร่วมมือกับฉันมั้ย?”
“ร่วมมือ?”ไป๋ยี่เฟยชะงัก
หยุนอิงพยักหน้าก่อนจะเอ่ยต่อไม่อย่างนั้น นายคิดว่าฉันจะมาคุยกับไอ้กระจอกอย่างนายเรื่องอุดมการณ์ของชีวิตหรือไงล่ะ?”
ไอ้กระจอก?
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดอย่างนี้อีกครั้ง ภายในใจก็รู้สึกขุ่นเคือง
แต่ต่อให้เขาโมโหจะมีหนทางอื่นมั้ยล่ะ?
เพราะท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายต่างกันมาก ไป๋ยี่เฟยไม่สามารถเอาชนะเธอได้เลย และเขาไม่สามารถพูดอะไรได้เลยไม่ว่าเขาจะโกรธแค่ไหนก็ตาม
แต่ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นอย่างไร ไป๋ยี่เฟยก็ไม่มีทางร่วมมือกับสำนักหนานเหมิน เขาไม่มีทางร่วมมือกับศัตรูทรยศประเทศของตัวเอง!
“ฉันขอปฏิเสธไม่ร่วมมือ”ไป๋ยี่เฟยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หยุนอิงส่ายหัวเบาๆ”นายฟังฉันก่อนแล้วค่อยให้คำตอบ”
ในตอนนี้ หยุนอิงดูเหมือนเด็กสาวที่เฉลียวฉลาดและการเคลื่อนไหวของเธอก็เร็วมาก แต่พอเห็นแบบนี้ไป๋ยี่เฟยกลับรู้สึกรังเกียจ เพราะไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเธออายุเท่าไหร่กันแน่
หยุนอิงพูดต่อ “ครั้งนี้ที่มาหลันเต่าเพื่อโจมตีพวกนายไม่ใช่ความตั้งใจของฉัน ฉันเพียงแค่ทำตามคำสั่ง ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ปลุกปั่นเรื่องนี้มาจากจีนแผ่นดินใหญ่”
ตอนแรกไป๋ยี่เฟยไม่อยากฟัง แต่คำพูดที่เธอพูดครั้งนี้ไม่ได้มีการดูถูกคนอื่นแต่อย่างใด ขณะเดียวกันสิ่งที่เธอพูดถึงคือจีนแผ่นดินใหญ่
เพราะคนของสำนักหนานเหมินบอกว่า แผ่นดินใหญ่ทางภาคเหนือแต่เดิมเรียกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ ในมุมมองของการแบ่งดินแดน ดินแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของสำนักหนานเหมินก็ถือว่าเป็นของจีนแผ่นดินใหญ่ แต่พวกเขาไม่อยากจะยอมรับ ดังนั้นจึงเรียกมันว่าแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือ
ไป๋ยี่เฟยคิดตามแล้วเอ่ย”เหลียงหมิงเยว่ใช่มั้ย?”
หยุนอิงได้ยินดังนั้นก็มองหน้าเขาอย่างตกใจ”นายรู้?”
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยอยู่ที่วัดฝูอิงก็เดาได้ว่าเป็นฝีมือของเหลียงหมิงเยว่ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ไปเจอกับคนของสำนักหนานเหมินสามคนนั่น
หยุนอิงตกใจกับเรื่องนี้มาก”ฉันดูถูกนายเกินไป”
แต่ว่าไม่นานเธอก็เอ่ยต่อ”เป็นเหลียงหมิงเยว่จริงๆ ใช่แล้ว นายรู้หรือเปล่าว่าความสามารถที่แท้จริงของเหลียงหมิงเยว่นั้นอยู่ระดับไหน?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า
ไป๋ยี่เฟยเคยพบเหลียงหมิงเยว่แค่ครั้งเดียว ก็คือตอนที่เจอกับเหลียงหมิงเยว่บนทางด่วน ที่เกิดอาการหันใจวายกะทะหัน
เขาในตอนนั้น ไม่มีทางคิดเลยว่าเหลียงหมิงเยว่จะเป็นคนที่เก่งกาจขนาดนี้
หยุนอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง”ความแขงแกร่งของเหลียงหมิงเยว่น่ากลัวมาก เขาบรรลุถึงเดนเทพยุทธ์”
“เดนเทพยุทธ์?”ไป๋ยี่เฟยอึ้งไปเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อเรียกระดับอื่น
หยุนอิงพยักหน้าก่อนจะเอ่ยอธิบายต่อ”เหนือระดับที่หนึ่งนั้นยังมีระดับที่สูงกว่า ซึ่งนั่นก็คือเดนเทพยุทธ์ ส่วนฉันเรียกว่าครึ่งหนึ่งของเดนเทพยุทธ์แล้วกัน”
“ในจีนแผ่นดินใหญ่ของพวกนาย นอกจากเหลียงหมิงเยว่ ก็มีจื่ออีที่เป็นท่านอาจารย์ของนายกับซินชิว พวกเขาทั้งหมดเป็นเดนเทพยุทธ์”
“ไม่สิ ซินชิวน่าจะอยู่เหนือกว่าเดนเทพยุทธ์นิดหน่อย แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าคือระดับไหน”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็ตกใจ
เขาคิดว่าระดับที่หนึ่งชั้นสูงคือระดับที่สูงที่สุดแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีขั้นที่สูงกว่านี้อีก
สีหน้าของไป๋ยี่เฟยไม่ได้ออกอาการใดๆเพียงแค่เอ่ยนิ่งๆ “ท่านอาจารย์ของฉันไม่เคยบอกฉันเรื่องพวกนี้เลย”
“ถ้าบอกก็ไม่ปกติน่ะสิ” หยุนอิงยิ้มพลางเอ่ยตอบ “จีนแผ่นดินใหญ่ของพวกนายไม่สนับสนุนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่แรก แม้ว่าทรัพยากรของพวกนายจะมีมากมายและเศรษฐกิจของพวกนายก็จะรุ่งเรือง แต่ความแข็งแกร่งทางทหารของนายก็ยังไม่ดีเท่ากับแผ่นดินใหญ่ภาคใต้ของเรา”
“แน่นอนสิ่งที่ฉันพูดไปนี้คือค่าเฉลี่ยของกองกำลังทั่วไป อย่างไรก็ตามซินชิวแห่งจีนแผ่นดินใหญ่ดีกว่านักรบของเราทั้งหมดในแผ่นดินภาคใต้”
“แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถไปถึงระดับนั้นได้ ส่วนพวกนายที่เหลืออาจไม่สามารถไปถึงระดับนั้นได้ตลอดชีวิตจึงไม่จำเป็นต้องบอกพวกนาย”
คำพูดของหยุนอิงทำให้ไป๋ยี่เฟยนั้นได้เปิดโลกกว้าง ได้รู้ในสิ่งที่ไม่ได้ให้คนอื่นรู้
ไป๋ยี่เฟยถามขึ้นอีกครั้ง “ถ้างั้นเธอต้องการจะร่วมมืออะไร?”
“อย่ารีบนักสิ พวกเราค่อยๆคุย”หยุนอิงยิ้ม”จริงๆแล้วการบุกโจมตีในครั้งนี้ต้องโทษเหลียงหมิงเยว่จากแผ่นดินใหญ่ ที่ล่อลวงพวกเรามากเกินไปดังนั้นการบุกโจมตีครั้งนี้จึงฉุกละหุกมาก “
“ล่อลวง?”
หยุนอิงยิ้มพลางเอ่ย “หนึ่งคลังเก็บทองคำ นายว่าล่อลวงมากมั้ยล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยเงียบไปทันที
ขณะเดียวกัน ไป๋ยี่เฟยก็พบว่าหยุนอิงมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ภายในใจก็รู้สึกถึงลางไม่ดี
จากนั้นหยุนอิงก็โปรยรอยยิ้มอีกครั้งเอ่ยนิ่งๆ “นายวางใจได้ ฉันไม่ได้หน้าเงินขนาดนั้น”
“ฉันมาหานายก็เพียงเพราะต้องการจะร่วมมือด้วย ส่วนเรื่องคลังทองคำ พวกเราชาวสำนักหนานเหมินไม่ได้ต้องการ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา “มีของล่อตาล่อใจขนาดนี้ ฉันไม่เชื่อว่าพวกเธอจะไม่ต้องการจริงๆ”
หยุนอิงเอ่ยอย่างไม่แยแส “สำหรับพวกเราแล้วมันล่อตาล่อใจมากจริงๆ แต่สำหรับฉันแล้วยังมีสิ่งที่ฉันหลงใหลมากกว่านั้น”
“สิ่งของอะไรกัน?”ไป๋ยี่เฟยเอ่ยถาม
หยุนอิงไม่ได้เอ่ยตอบคำถามของเขา เธอหันกลับไปมองพุ่มไม้อีกด้านหนึ่ง ในดวงตาส่องประกายแปลกๆ”ตำแหน่งผู้นำของกองสหพันธ์วรยุทธของหนานเหมิน”
พอได้ยินมาถึงตรงนี้ไป๋ยี่เฟยก็ตกตะลึง
หนานเหมินนั้นรวมถึงประเทศเล็กๆหลายๆประเทศรวมกัน และในหมู่ประเทศเล็กๆเหล่านี้มีกลุ่มกองกำลังที่เรียกว่ากองสหพันธ์วรยุทธ ไม่ต่างกับอาคารสหพันธ์ของพวกเรา
สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือ ตำแหน่งผู้นำของสหพันธ์วรยุทธสืบทอดโดยสายเลือด เหมือนกันระบบจักรพรรดิในสมัยก่อน
หยุนอิงบอกว่าเธอต้องการตำแหน่งผู้นำของสหพันธ์วรยุทธ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเธอต้องการที่จะปฏิรูประบบ
เรื่องสำคัญขนาดนี้หยุนอิงมาบอกกับเขาตรงๆแบบนี้ ไม่กลัวเขาเอาออกไปพูดหรือไง?
ไป๋ยี่เฟยมองตามหลังของหยุนอิงเป็นเบื้องหลังที่ช่างอ่อนโยน ผู้ชายคนไหนมาเห็นเข้าเป็นต้องอย่างนำตัวเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
แต่ภาพจากด้านหลังนี้ กลับลวงตาจิตใจที่ต้องการแย่งชิงอำนาจ
ทันใดนั้นดวงตาของไป๋ยี่เฟยก็ฉายแววบางอย่าง หยุนอิงกำลังหันหลังให้เขาแบบนี้ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะลอบโจมตีอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงใจเต้นอีกครั้ง
เขาไม่วางใจง่ายๆ เขาไม่เชื่อว่าคนที่จะมีคนแน่วแน่ต่ออุดมการณ์แบบนี้
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงค่อยๆรวบรวมกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือของเขา ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามออกไป “บอกเรื่องพวกนี้กับฉันทำไม?”
ขณะที่เอ่ยออกไป ฝ่ามือของไป๋ยี่เฟยก็ได้กระแทกเข้าที่แผ่นหลังของหยุนอิง