“อีกอย่างมองจากมุมมองของเธอแล้ว ดูเหมือนว่าเธอก็พอจะเดาได้ว่าเหลียงหมิงเยว่คิดจะหลอกใช้พวกเธอมาต่อสู้กับพวกเรา ฉะนั้นเธอถึงไม่ยอมถูกเหลียงหมิงเยว่หลอกใช้”
“และจุดมุ่งหมายของเธอคือการครอบครองตำแหน่งผู้นำสหพันธ์วรยุทธ์ แต่ความสามารถของนายเทียบกับฝั่งหนานเหมินแล้วไม่ได้ถือว่าเก่งกาจอะไร ทำไมถึงเลือกมาหานายล่ะ?”
“ฉันว่าเธอและพวกคนหนานเหมินไม่น่าไว้ใจ”
หลี่เฉียงตงนั้นไม่ไว้ในหยุนอิง “ถ้าหากถึงเวลานั้นดาร์สไม่ปรากฏตัว แล้วพวกคนของหนานเหมินมาล้อมโจมตีนายนายจะทำยังไง?นายรู้ผลลัพธ์ของมันมั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยกลับยิ้มแล้วเอ่ย “พ่อครับ ถ้าเป็นเรื่องจริงหยุนอิงจะทำอย่างนั้นไปทำไม?เมื่อคืนเธอจะฆ่าผมเลยก็ได้ จะไปทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตทำไม?”
หลี่เฉียงตงหลุบตามองต่ำราวกับว่าอยากจะพูดอะไร ไป๋ยี่เฟยก็เอ่ยขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูด “พ่อกลับไปดูแลเมืองกวงหมิงก่อนเถอะครับ เรื่องนี้ผมจัดการเองได้”
“ถ้าพวกมันทำตามกฏที่ตกลงไว้ผมก็จะฆ่าแค่ดาร์ส แต่ถ้าพวกมันคิดจะรุมผมจริงๆผมก็จะทำให้พวกมันหาทางกลับไม่ได้”
หลี่เฉียงตงอดเอ่ยถามไม่ได้ “นายมีวิธีรับมือเหรอ?”
หลี่เฉียงตงรู้จักนิสัยของไป๋ยี่เฟยดีมักไม่พูดอะไรมาก ตัดสินใจจะทำอะไรแล้วก็จะทำให้จนได้ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไปโน้มน้าวอะไรอีก
พอเห็นไป๋ยี่เฟยพยักหน้าก็เดินออกไปทันที
ไม่นานหลิวเสี่ยวอิงก็มาที่ห้องของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยเห็นเธอเข้าก็เอ่ยถาม “มีอะไรหรือเปล่า?”
แต่ทว่าหลิวเสี่ยวอิงไม่พูดอะไรมองแต่ไป๋ยี่เฟยอย่างเดียว
ไป๋ยี่เฟยเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหน้าของเธออย่างไม่รู้ตัว
เขาอยากจะรู้ว่าหลิวเสี่ยวอิงคนนี้คือตัวจริงหรือตัวปลอม
แต่ทว่าการกระทำนี้กลับทำให้หลิวเสี่ยวอิงหน้าแดง
ส่วนไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ก็มั่นใจแล้วว่านี่คือหลิวเสี่ยวอิงตัวจริง
ตอนที่เขากำลังจะเอามือออก หลิวเสี่ยวอิงก็โผล่เข้าสู่อ้อมกอดของเขาพร้อมกับกอดเขาไว้แน่น
ไป๋ยี่เฟยนิ่งทันที”เสี่ยวอิง….”
“ไม่ต้องพูดอะไร”หลิวเสี่ยวอิงเอ่ยขัดไป๋ยี่เฟย พิงอยู่ในอ้อมกอดอยู่อย่างนั้นฟังเสียงเต้นของหัวใจของไป๋ยี่เฟยเงียบๆ
เมื่อเวลาผ่านไปมือของไป๋ยี่เฟยก็ค่อยๆโอบรอบเอวเรียวของหลิวเสี่ยวอิง
และที่กำแพงข้างห้องในเวลานั้น หลี่เฉียงตงหยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่งพร้อมกับจุดไฟสูบอัดเข้าปอด
สีหน้าของหลี่เฉียงตงในเวลานั้นสับสนมากๆ เขาพ่นควันออกมาก็จะหัวเราะอย่างสมเพช
ไม่ว่าจะไป๋ยี่เฟย หลี่เสว่หรือหลิวเสี่ยวอิง พวกเขาคิดตื้นๆกันเกินไป
พวกเขาคิดว่าในพวกเขาสามคนสุดท้ายแล้วยังไงก็ต้องมีคนเจ็บ หรือไม่ก็ต้องเจ็บทั้งสามคน แต่เรื่องการแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของพวกเขาแค่สามคนแต่เป็นเรื่องของสองตระกูล
ในฐานะพ่อของหลี่เสว่ ทำไมหลี่เฉียงตงจะไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้?
แต่ว่าเขาเองก็จนปัญญาโดยเฉพาะกับลูกสาวของตัวเอง หลี่เสว่ใจกว้างเกินไปกว้างจนยอมรับหลิวเสี่ยวอิง ทำให้เขาในฐานะคนเป็นพ่อรู้สึกสงสาร
และพวกเรื่องความรู้สึกที่มันพัวพันแบบนี้ สุดท้ายแล้วหลี่เฉียงตงเอกก็ไม่สามารถจัดการได้ พูดไม่ถูกเขาทำได้เพียงถอนหายใจและพูดว่า “ขอให้พวกนายมีความสุขแล้วกัน!”
พอหลี่เฉียงตงสูบบุหรี่เสร็จ ก็กลับไปยังห้องพักแต่กลับเป็นคืนที่เขานอนไม่หลับ
ส่วนไป๋ยี่เฟยก็นั่งอยู่บนดาดฟ้าเหม่อลอย
หลิวเสี่ยวอิงที่นอนอยู่บนเตียงก็เหม่อลอย
สุดท้ายไป๋ยี่เฟยก็ผละหลิวเสี่ยวอิงออกแล้วพูดว่า “ให้เวลาผมหน่อย”
หลิวเสี่ยวอิงมองหน้าเขาแล้วพูดว่า”โอเค”
หลังจากไป๋ยี่เฟยผลักหลิวเสี่ยวอิงออกก็เดินขึ้นมายังชั้นดาดฟ้า นั่งอยู่บนระเบียงมองไปยังพื้นที่เขตที่สอง
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็ค่อยๆมีฝนตกปรอยๆ
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้หลบฝน แต่กลับปล่อยให้สายฝนรินรดบนใบหน้าและเสื้อผ้าของตัวเอง
เขาคิดเรื่องต่างๆมากมาย ทั้งเรื่องความรู้สึกของตัวเอง ทั้งเรื่องเดนเทพยุทธ์ไหนจะเรื่องที่แท้จริงแล้วหยุนอิงเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่
และตอนนั้นเองจู่ๆก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“ต้องการคำปรึกษาทางจิตวิทยาของฉันมั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็รีบหันหน้ากลับมาทันที พบว่าข้างหลังของเขามีใครบางคนปรากฏอยู่
หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมใช่ชุดคลุม ซึ่งนั่นก็คือท่านอาจารย์ของเขาจื่ออี
และเธอก็ถือร่มพลาสติกใสอยู่ในมือ
“ท่านอาจารย์!”ไป๋ยี่เฟยตกใจมาก
จื่ออีเดินมาที่ตรงหน้าของเขาก่อนจะยื่นร่มบังฝนแก่ไป๋ยี่เฟย จากนั้นเธอก็ใช้อีกมือหนึ่งลูบหัวโล้นๆของไป๋ยี่เฟยและเอ่ย “พอได้รับสายจากเธอฉันก็รีบมาทันที แต่ว่าดูตอนนี้แล้วเรื่องก็คงจัดการหมดแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้าเบาๆเอ่ย”เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นครับ อาจจะเหนือความคาดหมายของท่าน”
จื่ออีกลับยิ้มบางๆเอ่ย “เรื่องที่ฉันหมายถึงไม่ใช่เรื่องนั้น”
“หืม?”ไป๋ยี่เฟยมองหน้าเธออย่างงงๆ
จื่ออีเอ่ย “นายกำลังสับสนกับความรู้สึก”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงพยักหน้า “ครับ”
ดังนั้นจื่ออีจึงเอ่ยถามนิ่งๆ”เสว่เอ๋อเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของนาย แถมยังมีลูกๆให้นาย นายจะทิ้งเธอเพราะผู้หญิงอื่นมั้ย?”
“ไม่มีทางครับ!”ไป๋ยี่เฟยเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล
จื่ออีพยักหน้าก่อนจะเอ่ยถามต่อ “ถึงแม้ว่าหลิวเสี่ยวอิงจะไม่ใช่ภรรยาทางนิตินัย แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่ดีภายในใจของเธอมีนายอยู่ แต่นายกลับทำร้ายเธอแถมยังทำให้เธอแท้งไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป นายจะไม่รับผิดชอบเธอหน่อยเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยอึ้ง
จื่ออีพูดต่อ “นายเป็นผู้ชายก็ต้องกล้าทำกล้ารับ จะหนีความรับผิดชอบไม่ได้”
ไป๋ยี่เฟยเงียบไปครู่ใหญ่จากนั้นก็พยักหน้า “ผมรู้ดีครับว่าผมหนีความรับผิดชอบไม่ได้ ผมเพียงแค่……เสียใจ ผมทำผิดต่อเสว่เอ๋อและก็ทำผิดต่อเสี่ยวอิง”
เพราะความผิดของตัวเขาเองทำให้หลี่เสว่โดนเอาเปรียบแบบนั้น เขาสงสารหลี่เสว่และก็รู้สึกผิดต่อเธอ
ขณะเดียวกัน หลิวเสี่ยวอิงก็แคร์เขามากเธอต้องลำบากเพราะเขามามากมาย แต่เขากลับทำร้ายหลิวเสี่ยวอิง ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสงสารและรู้สึกผิดต่อหลิวเสี่ยวอิงเช่นกัน
และทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นก็เป็นเพราะเขา เขาควรแบกรับความเจ็บปวดทั้งหมดไว้เอง
พอได้ยินดังนั้นจื่ออีก็ถอนหายใจก่อนจะตบบ่าของไป๋ยี่เฟย “อาจารย์เข้าใจความรู้สึกของนายนะ แต่ตอนนี้เรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่นายควรทำคือใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำดีต่อเสว่เอ๋อให้ดีกว่านี้”
“ส่วนหลิวเสี่ยวอิงถ้าหากเธอแต่งงานกับคนอื่นไป ถ้าหากผู้ชายคนนั้นทิ้งเธอไปเพราะเธอมีลูกให้ไม่ได้ ฉันว่านายก็คงไม่อยากจะเห็นเหตุการณ์แบบนี้ถูกมั้ย?”
“ดังนั้น หลิวเสี่ยวอิงเองก็ต้องการให้นายรับผิดชอบเหมือนกัน”
“แต่สุดท้ายไม่ว่านายเสียใจแค่ไหน นายก็ไม่มีทางเลือกไม่ใช่เหรอ?”
“ฉะนั้นอย่ามัวแต่สับสน”
“ฉันรู้ว่าเรื่องของความรู้สึกมันต้องเท่าเทียมรักเดียวใจเดียว แต่ว่าเพียงแค่นายปฏิบัติกับทั้งสองคนเท่ากัน แบบนั้นนายก็ไม่ต้องรู้สึกผิด”
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นายมีความสามารถ นายทำได้”
ดวงตาของไป๋ยี่เฟยค่อยๆสว่างขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้จากจื่ออีราวกับว่าเขากำลังตาสว่างและคิดได้
จื่ออีก็พูดถูกเช่นกัน ไม่ว่าตอนนี้เขาจะรู้สึกอึดอัดและรู้สึกผิดแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางเลือกสุดท้ายเขาสามารถทำดีกับหลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิงให้ดีขึ้นเป็นเท่าตัว
เมื่อเห็นว่าเขาคิดได้แล้วจื่ออีก็ยิ้มและพูดว่า “เจ้าเด็กนี่คนอื่นเขามีแต่อิจฉา นายกลับมาสันสนอะไรขนาดนี้”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็ส่ายหัวเล็กน้อยและยิ้มอย่างแก่นๆ
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้นและมองไปที่จื่ออีทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกในใจเล็กน้อย
เขามักจะมีความรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กต่อหน้าจื่ออีความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจมาก
จื่ออีแตะหัวโล้นๆของเขาอีกครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม “พูดก็พูดเถอะ นายเป็นลูกศิษย์เป็นที่ดีที่สุดที่ฉันได้รับมาหลายปีและนายก็เกินความคาดหมายของอาจารย์”
“ตอนรับนายเป็นลูกศิษย์นายก็อายุยี่สิบกว่าแล้ว ฉันคิดว่านายคงจะฝึกฝนประสบความสำเร็จได้ไม่เท่าไหร่ ก็คิดแค่ว่าฝึกๆนายไปอย่างน้อยให้ได้ปกป้องตัวเอง”
“แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เกินความคาดหมายของฉันเท่านั้น แต่ยังเกินความคาดหมายของทุกคน ความสามารถและสายเลือดพิเศษของนายเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง”
“อาจารย์ภูมิใจมากๆเลยนะ นายดูสินายเอาชนะเต้าจ่างได้เชียวนะ”
“ฮ่าฮ่า … พูดแบบนี้แล้ว ในเรื่องรับลูกศิษย์ซินชิวเอาชนะฉันเรื่องนี้ไม่ได้!”