ไป๋ยี่เฟยพอได้ยินจื่ออีพูดถึงเรื่องสายเลือดพิเศษของตัวเอง เขาก็ถามด้วยความสับสน “ท่านอาจารย์ครับ เรื่องสายเลือดของผมนี่มันยังไงกันแน่?”
“ฉันก็ไม่รู้เรื่องราวแน่ชัดเหมือนกัน” จื่ออีส่ายหัวเล็กน้อย “แต่ฉันเดาว่าน่าจะเป็นเพราะใครบางคนในบรรพบุรุษตระกูลไป๋ รวมกับคนที่มีระดับการต่อสู้ขั้นเดนเหนือเทพยุทธ์จึงได้รับยีนมา”
เดนเหนือเทพยุธ์?
ดวงตาของไป๋ยี่เฟยวาวโรจน์ขึ้นเล็กน้อย “เดนเทพยุทธ์กับเดนเหนือเทพยุทธ์มันเป็นยังไงครับ? บินฟันดาบได้มั้ย? หรือว่าบินผ่านสายฟ้าได้?”
จื่ออีหัวเราะเมื่อได้ยินแบบนี้ “สมองของนายคิดอะไรอยู่จะมาอยู่บินผ่านสายฟ้า? เราอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงนะ”
“เดนเทพยุทธ์และเดนเหนือเทพยุทธ์ไม่มีอะไรมากไปกว่าความแข็งแกร่งที่สูงกว่าระดับหนึ่ง เรื่องบินเบินอะไรที่นายพูดถึงมันทำไม่ได้เหรอกนะ อย่างน้อยในโลกตอนนี้ก็ไม่มี”
“แล้วท่านอาจารย์เคยได้ยินชื่อหยุนอิงมั้ยครับ?” ไป๋ยี่เฟยถาม
จื่ออีส่ายหัวและพูดว่า “เป็นรุ่นน้องทั้งหมดฉัน ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”
……
หลังจากคุยกับจื่ออีเป็นเวลานานจื่ออีก็จากไปและเขาก็คิดได้เรื่องของหลิวเสี่ยวอิง
ในตอนเช้าเขาวิ่งเข้าไปในห้องของหลิวเสี่ยวอิง
ตอนนี้หลิวเสี่ยวอิงเพิ่งจะตื่นลุกจากที่นอนและกำลังล้างหน้าล้างตาอยู่ในห้องน้ำ เธอถือผ้าเช็ดหน้าสำหรับซับหน้าพอเห็นไป๋ยี่เฟยรีบบุกเข้ามา เธอจึงมองเขาอย่างสงสัย ” มีอะไรเหรอ?”
หลังจากที่เธอถามไป๋ยี่เฟยก็จับใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอและบดจูบ
หลิวเสี่ยวอิงตกใจ
ผ้าเช็ดหน้าในมือของเธอตกลงที่พื้น
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ทำอะไรมากเกินไปเพียงแค่จูบเธอเพื่อแสดงท่าทีของเขา
และหลิวเสี่ยวอิงก็เข้าใจเช่นกันดวงตาของเธอจึงค่อยๆแดงก่ำ
……
หลังจากเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้เสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็รีบไปหาเจิ้งซงปรึกษาเรื่องราวต่างๆ จากนั้นก็ไปที่เหมืองทองคำในเขตที่สอง
ผ่านไปอีกวันและมีฝนโปรยเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยเดินนำหน้าและข้างหลังเขาคือตระกูลเจิ้งกับหลิวเสี่ยวอิง
หลี่เฉียงตงจากไปเมื่อคืนนี้
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ถือร่มเพราะเขาแบกอู๋เฉียง
เขาต้องการใช้วิธีนี้เพื่อบอกทุกคนว่าเขาตั้งใจจะล้างแค้นให้อู๋เฉียง
หลังจากมาถึงเหมืองหมายเลขหนึ่ง เขาก็หยุดและพูดกับคนข้างหลังว่า “พวกนายอยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องเดินเข้าไปเหรอก”
เจิ้งหยูยานกังวลมาก “คุณลุงคะ ถ้าพวกเขาไม่ปฏิบัติตามกฎล่ะ?”
หลิวเสี่ยวอิงก็กังวลเช่นกัน พอไป๋ยี่เฟยก้าวไปข้างหน้าเธอก็คว้ามุมเสื้อผ้าขอไป๋ยี่เฟยและพูดว่า “ฉันจะไปกับคุณ”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มให้หลิวเสี่ยวอิงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันทำได้”
เมื่อเจิ้งซงเห็นเช่นนี้เขาก็ปลอบใจ “ทุกคนวางใจเถอะ คุณไป๋เตรียมการไว้หมดแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลิวเสี่ยวอิงและเจิ้งหยูยานก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก
หลิวเสี่ยวอิงถึงกับถามว่า “คุณสามารถเอาชนะเขาได้จริงหรือ?”
“แน่นอน” ไป๋ยี่เฟยตอบ ” เขาถูกผมอัดจนวิ่งหนีไปแล้วครั้งหนึ่งไม่ใช่หรือไง?”
อย่างไรก็ตามหลิวเสี่ยวอิงยังคงกังวลมากไป๋ยี่เฟยห็นแบบนี้ก็จับมือหลิวเสี่ยวอิงด้วยมือเดียว
เจิ้งหยูยานก็ต้องประหลาดใจหลังจากเห็นฉากนี้ หลิวเสี่ยวอิงบอกว่าลุงมีภรรยาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แล้วนี่มันอะไรกัน?
ไป๋ยี่เฟยไม่พูดอะไรอีก และเดินเข้าไปในเหมืองทองคำหมายเลขหนึ่งเพียงลำพัง
มีพื้นที่ราบขนาดใหญ่หน้าเหมืองทองคำหมายเลขหนึ่ง และในการเข้าถึงพื้นที่ราบนี้จำเป็นต้องมีปีนขึ้นไปบนเนินสูง
ไป๋ยี่เฟยแบกอู๋เฉียงขึ้นไปบนเนินสูงจากนั้นก็ยืนบนพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่
ฝนค่อยๆตกหนักและฝนที่เปียกเสื้อผ้าของไป๋ยี่เฟยกระทบใบหน้าของเขาแล้วก็ค่อยๆไหลลงที่แก้มของเขา
ในเวลานี้คนจากหนานเหมินยังไม่มา
หลิวเสี่ยวอิงและคนอื่นๆที่ยืนอยู่ด้านล่างสามารถมองเห็นไป๋ยี่เฟยเหนือเนินสูง
เมื่อมองไปที่เบื้องหลังของไป๋ยี่เฟยหลิวเสี่ยวอิงก็ค่อยๆตกอยู่ในภวังค์
เธอไม่แน่ใจเล็กน้อย ผู้ชายที่น่าหลงใหลแบบนี้ เป็นของเธอจริงๆเหรอ?
เรื่องเมื่อตอนเช้าเหมือนเธอฟันไป
ในขณะนี้โทรศัพท์มือถือของหลิวเสี่ยวอิงสั่นอย่างกะทันหันซึ่งทำให้สติของเธอกลับคืนมาทันที
หลิวเสี่ยวอิงหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาทันที และพบว่ามันเป็นข้อความ
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นข้อความนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น และในขณะเดียวกันเธอก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ไป๋ยี่เฟยที่อยู่เหนือเนินสูง
ในขณะนี้เจิ้งซงกล่าวว่า “พวกเขามาแล้ว!”
ไม่ไกลนักมีรถบรรทุกหลายคันแล่นมาทางฝั่งนี้
ไป๋ยี่เฟยที่ยืนอยู่บนเนินสูงก็มองเห็นมันอยู่แล้วแต่เขาก็ยังคงยืนนิ่ง
ไม่นานรถบรรทุกสี่ห้าคันก็มาถึงตำแหน่งตรงข้ามกับพวกของเจิ้งซง และผู้คนหลายสิบคนจากหนานเหมินก็ลงจากรถบรรทุกพวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ด้านล่างและเงยหน้าขึ้นมอง
สุดท้ายหญิงสาวร่างเล็กก็ถือร่มเดินออกมาจากฝูงชน เธอมองไปที่ไป๋ยี่เฟยบนเนินสูงและหัวเราะเยาะ “ที่ด้านบนน่ะ ที่นายฆ่าจีเอร์เหรอ?”
และผู้หญิงคนนี้คือหยุนอิง
ไป๋ยี่เฟยมองลงไปจากด้านบนของเนินสูง และพบว่าคนหลายสิบคนจากหนานเหมินล้วนเป็นยอดฝีมือระดับที่สองชั้นกลางขึ้นไป และมียอดฝีมือระดับที่หนึ่งเจ็ดคน
การมาหาคนเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะอธิบายได้ว่ามีฝั่งหนานเหมินนั้นมียอดฝีมือจำนวนมาก
ถ้าคนเหล่านี้ทั้งหมดขึ้นมาข้างบนไป๋ยี่เฟยเกรงว่าอาจจะรับมือไม่ไหว
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่กลัวเลยและเขาตะโกนที่ด้านล่าง “หยุดพล่ามได้แล้ว ดาร์สมาหรือยัง? รีบขึ้นมารับความตายซะ!”
ตอนนั้นเองชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินออกมาและส่งเสียงอย่างเย็นชาต่อหน้าหยุนอิง” ท่านผู้นำ ให้ผมขึ้นไปเถอะครับ ให้ผมฆ่าไอ้งูเขียวที่มันหยิ่งผยองนั่น!”
หยุนอิงเหลือบมองชายวัยกลางคนเบา ๆ จากนั้นก็ยิ้มเยาะและพูดว่า “โอ้ กระตือรือร้นขนาดนี้เชียว?”
ชายวัยกลางคนคนนี้เป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นกลาง แต่เขาไม่กล้าตอบอะไรต่อหน้าหยุนอิง
ในขณะนี้ดาร์สเดินออกมาและเขาพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ท่านผู้นำให้ผมขึ้นไปเถอะในเมื่อมันมาหาผม ผมก็จะขึ้นไปฆ่ามัน!”
หยุนอิงมองดูดาร์สด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “นายมีเรื่องอะไรกับหมอนั่นเป็นพิเศษ?ทำไมเขาต้องมาหานาย?”
“ผมไม่ทราบจริงๆครับ” ดาร์สส่ายหัวของเขาและตอบ
หยุนอิงรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นหลังจากฟัง “นายก็ไม่รู้เหรอ?”
“ครับ” ดาร์สไม่รู้จริงๆ มันเป็นเรื่องปกติที่จะฆ่าคนในการต่อสู้ ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ ในพื้นที่เขตหนึ่งคนของแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก คนของหนานเหมินเองก็เสียชีวิตไปจำนวนไม่น้อย ดังนั้นเขาจริงคิดไม่ออกเลยจริงๆว่ามันเรื่องอะไร
ดาร์สกล่าวว่า “บางทีเขาอาจจะเป็นหมาบ้า”
“หมาบ้า?” หยุนอิงหัวเราะเยาะ
ดาร์สพยักหน้าและพูดว่า “ครับ ท่านผู้นำได้โปรดให้ผมขึ้นไปฆ่ามัน”
“เขาฆ่าจีเอร์เชียวนะจะเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วได้อย่างไร?” หยุนอิงยิ้มเยาะ
ดาร์สตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่เขาจะพูดอะไร หยุนอิงก็ชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยบนเนินสูงและตะโกน “สัตว์เลื้อยคลานตัวน้อย ไม่ว่านายจะมีความคับแค้นใจอะไรกับดาร์ส วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อล้างแค้นกับนาย!”
“นายฆ่าดาร์ส พวกฉันขึ้นไปฆ่านาย แบบนี้ไม่มีปัญหาใช่มั้ย?”
“ไม่มีปัญหา” ไป๋ยี่เฟยตอบเสียงดัง
หยุนอิงหัวเราะเยาะเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ “โอเคงั้นรอเลยพวกฉันจะขึ้นไปฆ่านาย!”
“ถ้าไม่กลัวตายก็มาเลย!” ไป๋ยี่เฟยตอบ
หยุนอิงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “อะไรนะ?ฟังที่นายพูดหมายความว่า นายจะฆ่าพวกเราทั้งหมดได้งั้นเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มเยาะและพูดว่า “ฉันรู้ว่าพวกแกไม่มีทางทำตามกฎ ดังนั้นฉันจึงฝังวัตถุระเบิดไว้ใต้เหมืองและไม่มีใครสามารถหลบหนีได้ภายในรัศมีห้าไมล์!”
“ถ้าคิดจะฆ่าฉันก็ให้ดาร์สขึ้นมา ไม่งั้นแกกับฉันก็พินาศกันให้หมด !”
“อะไรนะ?”
ทุกคนตกตะลึง
หยุนอิงก็ลังเลเช่นกัน ในท้ายที่สุดเธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูดกับดาร์ส”ต้องแก้แค้นให้จีเอร์ ไม่อย่างนั้นเราจะอธิบายให้พระราชาลำบาก”
“แต่ถ้าพระราชารู้ว่าเรากลัวความตายและไม่กล้าล้างแค้นล่ะก็… “