อู๋หยุนไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของพานปู้ถิง แต่หมุนตัวดึงมือของหลิวเสี่ยวอิงไว้พูดว่า “เสี่ยวอิง รีบเล่าเรื่องของลูกเขยให้ฉันฟังสิ แม่จะต้องทำความเข้าใจให้ดีๆอีก”
สีหน้าหลิวเสี่ยวอิงแดงขึ้นเล็กน้อยพูดว่า “พวกเราขึ้นข้างบนก่อนค่อยพูด”
……
ไป๋ยี่เฟยกลับถึงสำนักงานเทศบาลของเมืองกวงหมิง
เมืองกวงหมิงยังไม่ได้ระบุว่าใครจะมาบริหารเป็นเวลาชั่วคราว ก็เลยให้จางหัวปินทำแทนก่อน
ไป๋ยี่เฟยไปหาจางหัวปิน อยากจะถามสภาพในช่วงนี้ ผลสุดท้ายตอนที่ไปถึงพบเห็นว่ามีคนมากมายอยู่ในออฟฟิศเขา
หลี่เฉียงตงพ่อตาของเขา ยังมีเย่ฮวนกับพวกเขาหลินขวาง
ไป๋ยี่เฟยมองเห็นพวกเขาล้วนอยู่ ยังมีความแปลกใจเล็กน้อย
พอดีจางหัวปินมองเห็น เขารีบยกที่นั่งให้พูดว่า “คุณมาพอดีเลยมีเรื่องใหญ่จะต้องพูดคุยกัน”
“เรื่องใหญ่อะไรหรือ?”
หลี่เฉียงตงส่งมือถือให้กับไป๋ยี่เฟยทันที ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่จ้องมองหนึ่งทีสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
“การประลองใกล้จะเริ่ม!”
บนมือถือมีเพียงแค่ประโยคนี้
พอได้เห็นว่าการประลอง สีหน้าไป๋ยี่เฟยก็หนักอึ้งขึ้นมาเลย
สภาพการณ์ในตอนนี้มีความวุ่นวายเล็กน้อย
เพิ่งจัดการคนหนานเหมินส่วนน้อยส่วนหนึ่งไป ยังไม่ทันที่จะวางแผนอีกก้าวหนึ่ง ก็ต้องดำเนินการประลอง ทำให้พวกเขารับมือไม่ทัน
ในเวลาเดียวกัน เมื่อกี้หงจุนพาคนมาลอบสังหารเขา หงจุนก็บ้าคลั่งอีกด้วย ไม่รู้วิ่งไปไหนแล้ว
ยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจก็คือ ทำไมต้องเลือกเวลานี้มาทำการประลองล่ะ?
หยุนอิงเป็นหัวหน้า ทำไมไม่ทำการขัดขวางล่ะ? เธออยากได้ตำแหน่งของประมุขจนเอาเรื่องนี้มาหลอกเขาเลยเชียวหรือ?
แต่ถ้าเป็นเท็จล่ะ ก่อนหน้านั้นก็จะไม่ร่วมมือกับเขาฆ่าคนของหนานเหมินมากมายขนาดนั้นในครั้งเดียว
ในเวลานี้ หลี่เฉียงตงจริงจังอย่างมากพูดว่า “เร็วกว่าในการคาดคิดของพวกเราเยอะเลย”
“หมายความว่าอะไรหรือ?” ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจจ้องมองเขา
“หนานเหมินบุกรุกเหลียงหมิงเยว่เป็นผู้นำ ก็คือเพื่อจะตรึงจื่ออีหรือซินชิวเอาไว้”
“และนักสืบของพวกเราที่อยู่หนานเหมินส่งข่าวมาแล้ว จีไซออกจากสหพันธ์วรยุทธแล้ว”
“ดังนั้นผมคาดเดาว่า เหลียงหมิงเยว่น่าจะอยู่ด้วยกันกับจีไซแล้ว เตรียมตัวจะลงมือแล้ว”
ก่อนหน้านั้นไป๋ยี่เฟยก็เคยได้ยินเขาพูดถึงจีไซมาก่อน เขาเป็นประมุขสหพันธ์วรยุทธของหนานเหมิน ตลอดเวลามาหนานเหมินที่นิยมนับถือล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งถึงแม้ว่าเป็นตำแหน่งสืบสันตติวงศ์ แต่สามารถคาดเดาได้ถึงว่าจีไซเป็นผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งเหมือนกัน
วินาทีถัดมา หลี่เฉียงตงก็พูดว่า “จีไซน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งของเดนเทพยุทธ์ อีกทั้งเหลียงหมิงเยว่บรรลุถึงเดนเทพยุทธ์แล้วเช่นกัน”
“หากพวกเขาทั้งสองคนร่วมมือกันล่ะก็ ไม่ว่าจื่ออีหรือว่าซินชิวเกรงว่าล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทั้งสองคนนั้น”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย เริ่มครุ่นคิดขึ้นมา
“พูดอย่างนี้ แท้ที่จริงการประลองของพวกเราที่นี่ไม่สำคัญเลย พวกเขาเพียงแค่อยากจะใช้การประลองมาสร้างความวุ่นวายเท่านั้น ตรึงจื่ออีหรือซินชิวเอาไว้ ใช่หรือไม่?”
“ใช่” หลี่เฉียงตงพยักหน้าต่อๆกัน
ดังนั้นพูดถึงสุดท้าย ไม่ว่าเหลียงเหว่ยชาวและเต้าจ่าง หรือว่าเมิ่งฉิงกับหลิ่วจาวเฟิง เหล่านี้ล้วนอำพรางเท่านั้น
และเหลียงหมิงเยว่ตั้งแต่เริ่มก็ไม่ได้คิดว่าจะอาศัยพวกเขามาจัดการจื่ออีหรือซินชิว
สีหน้าไป๋ยี่เฟยหนักอึ้งถามหลี่เฉียงตงว่า “งั้นตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดีล่ะ?”
คนของหนานเหมินใกล้จะเริ่มการประลองกับพวกเขา ตรึงพวกเขาไป๋ยี่เฟยเอาไว้ และคลังเก็บทองที่สามตรึงจื่ออีเอาไว้อีก นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมเหลียงหมิงเยว่จะละทิ้งคลังเก็บทองที่สาม ทำให้ไป๋ยี่เฟยพวกเขาได้ควบคุม
คลังเก็บทองที่สาม กักขังจื่ออีไว้
ถึงตอนนี้ไป๋ยี่เฟยจึงเข้าใจข้อสงสัยทั้งหมด แต่ก็สายไปแล้ว
ตอนนี้จื่ออีอยู่ในคลังเก็บทองที่สาม ไม่สามารถมาพบกันกับพวกเขาไป๋ยี่เฟย ถ้าหากว่าจีไซกับเหลียงหมิงเยว่ไปฆ่าจื่ออี จื่ออีตัวคนเดียวล้วนจัดการไม่ได้
และพวกเขาไป๋ยี่เฟยฝั่งนี้ถูกคนของหนานเหมินตรึงเอาไว้ ไม่สามารถดึงคนออกไปช่วยจื่ออีเลยสักนิด
ในเวลานี้ อยู่ดีๆเฉินอ้าวเจียวพูดว่า “ถ้าหากว่าสถานที่การประลองอยู่บริเวณคลังเก็บทองที่สาม อาจจะได้……”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้กลับส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก เขาก็นึกถึงจุดนี้เช่นกัน แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ใช่คนโง่ด้วย เป็นไปไม่ได้ที่จัดสถานที่การประลองอยู่บริเวณคลังเก็บทองที่สามเลยสักนิด
ไป๋ยี่เฟยถามหลี่เฉียงตง “ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ส่งมาทั้งหมดมีกี่คนหรือ?”
“สามคน” หลี่เฉียงตงสีหน้าหนักอึ้งพูดว่า “ที่เหลือล้วนเป็นระดับที่สองระดับที่สาม”
พลังการต่อสู้ฝั่งนี้ของพวกเขาอ่อนเกินไปแล้วจริงๆ
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหนึ่งที
ยอดฝีมือของหนานเหมินนับไม่ถ้วน แต่พวกเขาฝั่งนี้กลับน้อยจนนับได้
เกรงว่าได้เปรียบเพียงอย่างเดียวก็คือพวกเขาคนเยอะ
“อาจารย์ฝั่งโน้นไม่สนใจไม่ได้ อย่างนี้เถอะ ผมไปหนุนช่วย” ไป๋ยี่เฟยใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งพูด “สำหรับฝั่งนี้ ผมคิดวิธีถ่วงเวลาของการประลองสักหน่อย”
หลี่เฉียงตงกลับพูดว่า “ถ้าหากว่าเหลียงหมิงเยว่ไปพร้อมกันกับจีไซล่ะก็ คุณไปแล้วก็ไม่ได้เกิดผลอะไร กลับยังเสียชีวิตของตนเองไปด้วย”
ไป๋ยี่เฟยรู้ นัยน์ตาก็กวาดผ่านแสงมืดหนึ่งที แต่ว่าไม่มีคนเห็นเขาเงยหน้านิดๆยิ้มพูดว่า “พ่อ ท่านวางใจเถอะ ผมจะระมัดระวังอย่างแน่นอน”
หลี่เฉียงตงยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีกสองคำ ไป๋ยี่เฟยก็เลยพูดว่า “พ่อ ฝีมือของผมทั้งตัวนี้ล้วนเป็นอาจารย์สอนผมมา ผมอกตัญญูไม่ได้ รู้ว่าเธอมีอันตรายกลับไม่สน”
หลี่เฉียงตงหุบปากทันทีเลย
คนอื่นๆเห็นสภาพล้วนเงียบตามไปด้วย
หลังจากประชุมเสร็จ ไป๋ยี่เฟยเดินออกจากอาคาร มองเห็นสวีลั่งกับฉีฉีที่อยู่หน้าประตู
สวีลั่งยืนอยู่ข้างแปลงดอกไม้ ส่วนฉีฉีนั่งอยู่ที่ขั้นบันได เห็นได้ชัดมากพวกเขารอคนอยู่ และคนที่รอคนนั้นก็คือเขา
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไปยิ้มพูดว่า “สมดั่งเป็นพี่น้องกันทั้งสองคน ใจตรงกันขนาดนี้”
สวีลั่งเย็นชา จ้องมองเขาหนึ่งทีพูดว่า “พูดเรื่องประเด็นหลัก”
“พูดเถอะ เรื่องอะไรหรือ?” ไป๋ยี่เฟยเดินไปถึงข้างหน้าสวีลั่ง จากนั้นจ้องมองฉีฉีอีกหนึ่งที สุดท้ายเลือกที่จะนั่งอยู่ข้างกายฉีฉี
ฉีฉีพูดว่า “ฉันกับพี่ฉันล้วนมีพลังความสามารถระดับที่สอง การประลองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้บ้างหรือไม่ พวกเราคิด…..”
“ดูว่าติดตามคุณจะได้ช่วยอะไรอย่างอื่นหน่อยหรือไม่” สวีลั่งพูดต่อ
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำนี้ ยิ้มส่ายหัวพูดว่า “น้ำจิตน้ำใจของพวกคุณผมรับไว้แล้ว แต่จะพูดถึงช่วยอย่างอื่นล่ะก็ ยังไม่มีเป็นเวลาชั่วคราว”
หลังจากพูดจบ เขาลุกขึ้นมาตบไหล่ของสวีลั่งตบแล้วตบอีกพูดว่า “คุณจะต้องมีชีวิตอยู่ให้ดีๆ อย่าทำให้หยางเฉียวอยู่ตัวคนเดียวอีก”
จากนั้นเขาโบกมือแล้วโบกมืออีกกับทั้งสองคน ก็ไปเลย
ไป๋ยี่เฟยจะไปช่วยจื่ออี แต่ยอดฝีมือที่จื่ออีจะต้องเผชิญหน้านั้น คือที่พวกเขาจากจินตนาการล้วนไม่กล้าจินตนาการ
ฉีฉีเงยหน้าถามสวีลั่ง “พี่ พวกเขาจะทำยังไงดีล่ะ?”
สวีลั่งจ้องมองภาพด้านหลังของไป๋ยี่เฟยไกลออกไป ส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก
……
ไป๋ยี่เฟยขับรถบรรทุกคันหนึ่งขับไปยังทิศทางเขตที่ห้า
ในตอนต้นหยุนอิงไม่ได้ทิ้งวิธีการติดต่อใดๆไว้เลย แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องเจอกับหยุนอิง ก็ได้เพียงแต่เสี่ยงไปหาเธอแล้ว
เขาขับถึงป่าแห่งหนึ่งนอกเขตที่ห้า หลังจากลงรถลูบหัวโล้นของตนเองลูบแล้วลูบอีก เขามองดูทั่วทุกหัวระแหงมองแล้วมองอีก
แสงที่อยู่ในป่าถือว่าไม่เยอะ ดูแล้วท้องฟ้าเหมือนลักษณะที่จะมืดไม่มืดเล็กน้อย
และระยะทางที่นี่ห่างจากเขตเมืองยังมีหนึ่งกิโล
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดไปสักพัก ก็เลยคิดว่าจะไปยังข้างหน้า ฝืนบุกรุกเข้าไป
แต่ว่าเขาเพิ่งจะก้าวออกไป ก็ได้ยินข้างหลังส่งเสียงที่คุ้นเคยมา
“ไม่ใช่พูดไว้แล้วว่า รอฉันเป็นฝ่ายไปหาคุณเองหรือ?”
ชั่วพริบตาเดียวไป๋ยี่เฟยก็หยุดชะงักไปเลยจากนั้นหันหน้าไปอย่างรุนแรง มองเห็นหยุนอิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาไม่ไกล
หยุนอิงจ้องมองไป๋ยี่เฟยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
ไป๋ยี่เฟยมึนงงเต็มใบหน้าอย่างแท้จริง “คุณอยู่นี่ได้ยังไงหรือ?”
หยุนอิงยิ้มตอบกลับว่า “ฉันคาดเดาว่าคุณจะมา ดังนั้นตั้งใจรอคุณอยู่ที่นี่”
“คุณคาดเดาได้หรือ?” ไป๋ยี่เฟยมีความแปลกใจเล็กน้อย
หยุนอิงอมยิ้มหนึ่งที พูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “ที่คุณมาอยากจะซักถามเรื่องของการประลองกับฉันหรือ? รู้สึกว่าฉันโกหกคุณใช่หรือไม่?”
“ใช่!” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ