ตอนที่94
จางหรงเห็นดังนั้นก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เดี๋ยวผมจัดการเอง วันนี้จะดูสิว่าใครที่มันไม่มีตา กล้ามารังแกเธอ”
พูดจบก็เริ่มตำหนิหลงหลิงหลิงต่อ “ผู้ช่วยหลง อย่าคิดว่าคุณมีท่านประธานให้ท้าย คิดจะทำอะไรตามใจชอบก็ได้ แม้จะเป็นท่านประธานก็ต้องดูตามลำดับความสำคัญ ใช่แล้ว ไหนว่ายังมีคนไม่รู้เดียงสาอีกคน ใครกัน ออกมาดูหน่อย ใครที่ยโสโอหังขนาดนี้”
“ผมเอง ”ไป๋ยี่เฟยค่อยๆเดินออกมา
“แกหรือ ดี มาดูกันว่าวันนี้ฉันจะไม่………” เดิมทีจางหรงตั้งใจจะเรียกออกมาด่าแรงๆสักรอบ แต่พอเห็นว่าเป็นไป๋ยี่เฟย เสียงก็ติดขัดกะทันหัน
“ไม่อะไรหรือ”ไป๋ยี่เฟยถามอย่างสุขุม
จางหรงตกใจเหงื่อไหลเต็มตัว
สวี่เชี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆพูดอย่างหยิ่งยโส “แน่นอนว่าจะต้องจัดการกับแกอย่างเด็ดขาด ให้แกไสหัวออกจากโหวจวี๋ พี่จางเป็นถึงกรรมการโหวจวี๋กรุ๊ป แกเป็นแค่พนักงานธรรมดากล้าสั่งนั่นสั่งนี่ ฉันจะบอกแกนะ พี่จางบอกแล้ว แม้ประธานโหวจวี๋กรุ๊ปมาเอง ยังต้องไว้หน้าเขาเลย”
“เพี๊ยะ”
สวี่เชี่ยนกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่โดนจางหรงตบหน้าเสียก่อน
จางหรงไม่มีความอ่อนโยนด้วยความเป็นห่วงที่มีต่อสวี่เชี่ยนอีกต่อไป ตอนนี้มีเพียงความโมโหและความกลัว “เธอเอาอะไรมาพูด ผมพูดเมื่อไหร่กันว่าถึงท่านประธานโหวจวี๋มายังต้องเกรงใจผม”
“ท่านประธานโหวจวี๋กรุ๊ปเป็นคนมีพรสวรรค์ มีความสามารถ เป็นไอดอลของคนรุ่นใหม่ เป็นคนที่ผมบูชาสุดใจ เธอพูดอะไรเพ้อเจ้อ ผมสิเป็นคนต้องเกรงใจท่านประธาน”
สวี่เชี่ยนมองจางหรงอย่างไม่น่าเชื่อ ทำตาโตแล้วพูดว่า “คุณตบฉันหรือ”
ผู้จัดการส่วนตัวพยุงสวี่เชี่ยน และยังมีความสับสน
จางหรงกระแอมขึ้นมาทีนึง “ทำไมจะตบเธอไม่ได้ ปากเธอไม่สะอาด ตบนี้ยังเบาไปด้วยซ้ำ”
พูดจบก็ไม่ได้ไปสนใจปฏิกิริยาของสวี่เชี่ยนแต่กลับหมุนตัวไป ยิ้มหรี่ตามองไปที่ไป๋ยี่เฟย “ผู้จัดการไป๋ คุณอยู่ที่นี่เองหรือ ทำตัวน่าอายจริงๆ”
การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ช่วงต้นและช่วงท้าย เปรียบเทียบจากสองคน ทำให้ผู้คนรอบข้างงงกันเป็นไก่ตาแตก
กรรมการจางวันนี้ออกจากบ้านไม่ได้กินยาหรือ
นี่มันคืออะไรกับอะไร
ในตอนนี้จางหรงแทบจะอยากตาย เขาไม่คิดว่าจะเจอไป๋ยี่เฟยที่นี่ เมื่อก่อนไป๋ยี่เฟยเคยสั่งไว้ ไม่ให้กรรมการเปิดเผยตัวตนของเขา เขาเลยไม่กล้าหลุดปาก เลยต้องเรียกชื่อที่ใช้ภายนอก “ผู้จัดการไป๋”
คนนอกไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ดังนั้นจึงคิดว่าจางหรงเป็นอะไรมากหรือเปล่า เขาเป็นแค่ผู้จัดการ ทำไมต้องวางตัวอ่อนน้อมถึงขนาดนี้
ยังมีสวี่เชี่ยน ดาราดังสวี่เชี่ยน อยู่ๆก็ยกมือขึ้นมาตบ ไม่สงสารหญิงสาวบ้างหรือไง
สวี่เชี่ยนตั้งสติได้ก็พูดขึ้นมาว่า “พี่จาง พี่ตบฉันทำไม จะตบก็ต้องตบเขาสิ เขาเป็นคนบอกให้ฉันไสหัวไปนะ ผู้จัดการกระจอกคนนึงมาขับไล่ฉัน พี่ควรปกป้องฉันสิ”
จางหรงแทบอยากจะตบเธออีกสองที แม่งเอ้ย คราวก่อนหลิ่วเซียวเหยาก็ทีนึง จะให้กรรมการไปไล่ประธานกรรมการออก ตลกอะไรแบบนี้ คราวนี้แม่งเอาอีกละ
“เธอมั่นใจนะว่าเขาบอกให้เธอไสหัวไป”จางหรงถามอย่างใบหน้าบึ้งตึง
สวี่เชี่ยนพยักหน้า “ใช่ค่ะ เขาเลย”
จางหรงได้ยินดังนั้นก็พูดตะคอก “งั้นเธอก็รีบไสหัวไปเลย ยังยืนอยู่ทำอะไร”
นี่มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะ
จางหรงไม่ใช่กรรมการโหวจวี๋กรุ๊ปหรือ ไป๋ยี่เฟยเป็นแค่ผู้จัดการ ตำแหน่งไม่ได้สูงเท่ากรรมการ เมื่อตะกี้กรรมการจางไม่ใช่เพิ่งด่าหลงหลิงหลิงไปหรือ ทำไมถึงต้องเกรงใจไป๋ยี่เฟยขนาดนี้ แถมยังฟังไป๋ยี่เฟย ไล่สวี่เชี่ยนออกไปจริงๆ
หลี่เสว่มองดวงตาของไป๋ยี่เฟยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เขายังมีความลับอะไรที่ยังไม่ได้บอกเธออีกบ้าง
ในตอนนี้เสิ่นฝานคนที่เป็นตัวตั้งตัวตี เห็นสถานการณ์แล้วรีบพูดว่า “ใช่ๆกรรมการจางบอกให้พวกเธอไสหัวไป พวกเธอก็รีบไปสิ”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างสงบว่า “คุณก็ไสหัวไปพร้อมพวกเขาด้วย”
“ห๊ะ” เสิ่นฝานงงงวย “ผมหรือ”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้หันไปดูด้วยซ้ำ
เสิ่นฝานโมโหมาก เขาเป็นผู้จัดการของบริษัทโฆษณาซื่อจี้ ถึงตำแหน่งจะไม่สูงเท่ากรรมการจางแต่ก็สูงกว่าพนักงานกระจอกแบบเขา
“มึงไล่กูไสหัวไป มึงคิดว่ามึงเป็นประธานโหวจวี๋กรุ๊ปรึไงวะ”
มุมปากหลงหลิงหลิงกระดกขึ้นนิดนึง เขาเป็นประธานโหวจวี๋กรุ๊ปจริงๆแหละ
จางหรงพูดอย่างหน้าตาเฉยชา “เพ้อเจ้ออะไรอยู่ บอกให้ไสหัวไปก็ไปสิ อย่ามัวโอ้เอ้อยู่เลย”
“ท่านกรรมการจาง?” เสิ่นฝานเบิกตากว้าง ท่าทางไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้
ในใจจางหรงโมโหสุดๆ แม่งเอ้ย ทำไมถึงมีไอโง่ต่อต้านเขามากขนาดนี้
“กูบอกให้ไป ไม่เข้าใจหรือยังไง มึงถูกไล่ออกแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกพอใจกับท่าทีของจางหรง จากนั้นหันไปเห็นที่คอของเสิ่นฝานแขวนป้ายผู้จัดการอยู่ จึงพูดกับกรรมการจางว่า “ท่านกรรมการจาง ไม่มีผู้จัดการแล้ว ต้องหาคนมาแทนที่สินะ”
จางหรงได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป แล้วก็รีบดึงป้ายพนักงานจากคอของเสิ่นฝานออกมาอย่างรวดเร็ว ส่งมอบให้ไป๋ยี่เฟยด้วยความเคารพ
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ยื่นมือไปรับ แต่กลับหันไปมองหลี่เสว่เบาๆครั้งหนึ่ง
การที่จางหรงได้เป็นกรรมการ ไม่ได้เป็นเพราะหุ้นเล็กๆน้อยๆในมือของเขา แต่เพราะเขามีความสามารถในการสังเกตการแสดงออกและคำพูดที่ยอดเยี่ยม
มองเห็นสายตาที่ไป๋ยี่เฟยมองหลี่เสว่ และเห็นพวกเขาจับมือกันแน่น ก็เข้าใจทันที
ดังนั้นจางหรงจึงเลี้ยวกลับ ยื่นป้ายพนักงานให้กับหลี่เสว่และพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณคือผู้จัดการของบริษัทโฆษณาซื่อจี้”
“ห๊ะ” หลี่เสว่งุนงง
ไป๋ยี่เฟยมองแวบไปทางหลี่เสว่ ยิ้มและพูดว่า “ป้ายพนักงานอันนี้เขาเคยใช้แล้ว ไม่สะอาด ให้คนทำอันใหม่มาให้ดีกว่า”
จางหรงพยักหน้าทันที “ใช่ๆๆ ให้คนทำให้ทันทีครับ”
พูดจบ จางหรงเอาป้ายพนักงานโยนกลับใส่หน้าอกของเสิ่นฝานด้วยความรังเกียจ
ในที่สุดเสิ่นฝานก็กลับมามีสติ แต่เขาก็ยังงงงวยเล็กน้อย ตำแหน่งผู้จัดการของเขา อยู่ดีๆก็ไม่มีแล้ว เขาไม่เข้าใจ ว่าเป็นเพราะอะไร
คนรอบข้างต่างตกตะลึง
โหวจวี๋กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ บริษัทใหญ่ขนาดนี้ จะเปลี่ยนผู้จัดการสักคน มักง่ายขนาดนี้เลยหรือ
“อีกอย่าง สวี่เชี่ยนก็ไปแล้ว งั้นโฆษณาตัวนี้ก็ให้หลี่เสว่มาถ่ายแล้วกัน”
“นี่มัน…….”หลี่เสว่หันมองไป๋ยี่เฟยด้วยความตั้งใจ
ไป๋ยี่เฟยพูดไม่ออก ทำไมจางหรงถึงคิดไอเดียแบบนี้ออกมาได้
จางหรงเห็นหลี่เสว่มองไปทางไป๋ยี่เฟย เขาก็ยิ้มหรี่ตาหันไปทางไป๋ยี่เฟยด้วย
คนรอบข้างเห็นดังนั้นแล้วก็ลอยตามน้ำไปด้วย
“เสี่ยวเสว่สวยกว่าสวี่เชี่ยน เหมาะสมมากที่จะเป็นนางแบบงานนี้”
“จริงด้วยๆ เสี่ยวเสว่มาแทนได้พอดี”
“ใช่ แบบนี้ก็ไม่กระทบการถ่ายทำแล้ว”
หลี่เสว่ฟังแล้ว ในใจรู้สึกวิตกกังวล เขาไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน ไม่มีความรู้อะไรเลย แต่ถ้าถามใจตัวเอง ก็อยากจะลองดู มีผู้หญิงคนไหนบ้างไม่เคยฝันอยากเป็นซุปเปอร์สตาร์
ไป๋ยี่เฟยทำอะไรไม่ถูก เลยพยักหน้าพูดว่า “ลองดูก่อนก็ได้”
ไม่ว่ายังไง บริษัทโฆษณาซื่อจี้ก็เป็นของโหวจวี๋กรุ๊ป บริษัทของตัวเอง หลี่เสว่อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ
ควบคู่กับคำพูดของจางหรง หลี่เสว่อยู่ในบริษัทนี้คงจะไม่โดนรังแกอีก เขาก็ไม่จำเป็นต้องคอยเฝ้าตลอดเวลาแล้ว