บทที่95
สวี่เชี่ยนกลับถึงรถบ้านของตัวเองด้วยสีหน้าดำคล้ำ
“ไอ้สวะจางหรง ต้องถูกใจนังเด็กนั่นแล้วสินะ ออใช่แล้ว ไปสืบหน่อยว่าไป๋ยี่เฟยนั้นป็นใคร”
“ไม่มีปัญหา ” ผู้จัดการส่วนตัวพยักหน้ารับคำสั่ง
……
ในห้องประชุมของหลิ่วซื่อกรุ๊ป
หลิ่วเซียวเหยากำลังออดิโอคอลอยู่ “มีอะไรคุณเล่ามาสิ เล่าให้ละเอียดหน่อยนะ”
คนในโทรศัพท์รีบนำเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้บรรยายอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ “เรื่องทั้งหมดก็ประมาณนี้”
หลิ่วเซียวเหยา ฟังจบแล้วแทบกดความตื่นเต้นไม่ไว้อยู่
“โอเค รู้แล้ว ขอบคุณมากที่ให้ข้อมูลในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าบริษัทโฆษณาของหลิ่วซื่อกรุ๊ปจะมีตำแหน่งว่างให้คุณ”
“งั้นต้องขอบพระคุณประธานหลิ่วมากนะครับ” คนนี้ไม่ใช่คนอื่นไกล เขาคือผู้จัดการเสิ่นฝานคนที่เพิ่งโดนบริษัทโฆษณาซื่อจี้ไล่ออกมานั่นเอง
หลังจากวางสาย หลิ่วเซียวเหยาหันกลับไปมองผู้คนในห้องประชุม
ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น
เพราะหลังจากการสืบสวนในช่วงนี้ พวกเขาค้นพบหลายอย่างเกี่ยวกับหวังโหลวประธานคริสตัลกรุ๊ป
ที่สำคัญที่สุดมี2จุด
หนึ่งคือหวังโหลวเป็นเพื่อนนักเรียนของไป๋ยี่เฟย แถมไป๋ยี่เฟยยังเป็นคนสนับสนุนคริสตัลกรุ๊ปของหวังโหลว
ข้อมูลข้อนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าจะล้มโหวจวี๋กรุ๊ปนั้น ไม่เห็นผล
แต่ยังมีอีกจุดนึง
นั่นก็คือหวังโหลวเป็นคนเสฉวน ตอนแผ่นดินไหวในปี 08 พ่อแม่เสียชีวิตทั้งคู่ เหลือแค่คนเดียว เขาถูกส่งให้ไปอยู่กับเพื่อนสนิทของพ่อเขา ครอบครัวนี้แซ่เฉิน ครอบครัวนี้ยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน ชื่อว่าหลงหลิงหลิง เมื่อครั้งยังไม่ได้เปลี่ยนแซ่ ชื่อเดิมว่าเฉินหลิงหลิง โตกว่าหวังโหลว2ปี
เพราะหวังโหลวไม่มีพ่อแม่ หลงหลิงหลิงจึงดูแลเขาดีเป็นพิเศษ นานไปหวังโหลวก็เกิดความรักขึ้น น่าเสียดายว่าหลังจากเข้ามหาวิทยาลัยหลงหลิงหลิงก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย
หลังจากที่หวังโหลวเข้ามหาลัย ไม่มีเงินไปเรียน แต่โชคดีว่าได้รับเงินสนับสนุนจากดาราคนหนึ่ง เงินส่วนนี้ทำให้เขาเรียนจบมหาลัยสำเร็จ
ก่อนหน้านี้หวังโหลวรีบเทคโอเวอร์นิวซีกรุ๊ปก่อนโหวจวี๋กรุ๊ป สาเหตุมาจากความหึงหวง จึงตัดสินใจลงมือ
สำหรับพวกเขาแล้วข้อมูลนี้เป็นข่าวดีที่สุดในโลก
หลิ่วเซียวเหยามองไปที่ทุกคนหนึ่งรอบ “คำพูดของเสิ่นฝานเมื่อสักครู่ทุกคนก็ได้ยินแล้ว เราสามารถหลอกใช้หวังโหลวได้”
ในห้องประชุมมีผู้บริหารระดับสูงนั่งอยู่7-8คน รวมถึงหลิ่วหลง
หลิ่วหลงฟังแล้วคิ้วขมวดนิดหน่อย “ข้อมูลนี้ได้มาแบบบังเอิญไปไหม”
โผล่ขึ้นมาพอดีกับที่พวกเขาต้องการมัน
พูดจบ ทุกคนก็มีปฏิกิริยาที่เคร่งขรึมขึ้น
หลิ่วเซียวเหยากลับมองโลกในแง่ดี “ท่านประธาน พวกเรากำลังตรวจสอบคริสตัลกรุ๊ปอยู่จริง ถึงแม้คริสตัลกรุ๊ปจะรู้ว่าเราตรวจสอบเขาอยู่ ก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าเราจะทำอะไร”
“หากจะพูดว่าบังเอิญ แล้วพวกเขาจะจงใจจัดฉากแบบนี้เพื่ออะไร เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะรู้จุดประสงค์ของเรา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่เหมือนกัน
ในตอนนี้บทสนทนาของหลิ่วเซียวเหยาเปลี่ยนไปกะทันหัน “แน่นอน หากมีคนเอาความลับไปแพร่งพราย ก็ไม่สามารถรับประกันได้”
“เหลวไหล”หลิ่วหลงส่งเสียงเย็นชา “ที่นั่งอยู่ตรงนี้ ก็ลุงๆอาๆของแก ผู้ถือหุ้นของหลิ่วซื่อกรุ๊ปทั้งนั้น ใครจะสิ้นพาตัวเองกระโดดลงไปในกองไฟละ พวกเขาต่างไว้ใจได้ ต่อไปไม่อนุญาตให้คาดเดาแบบนี้อีก ”
“ทราบแล้วครับพ่อ ผมก็แค่สมมุติ ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น”หลิ่วเซียวเหยาตอบแบบยิ้มๆ “เรื่องนี้ยกให้ผมไปจัดการเถอะ”
……
ไป๋ยี่เฟยและหลงหลิงหลิงเดินไปทางห้องวิวทะเล พอเดินไปถึง ก็ได้ยินเสียงแตรรถดัง
ทั้งคู่ได้ยินก็หันไปมอง เป็นรถเบนซ์คันนึงจอดที่ริมถนน
เห็นแค่เฉินเสี่ยวเทียนกับเฝิงสือตงลงจากรถ นอกจากนั้นยังมีสุภาพสตรีอีกคน นั่นคือมารดาของหลงหลิงหลิงต่งหยุน
เฝิงสือตงเดินมาหน้าหลงหลิงหลิง มองที่ทั้งคู่อย่างเย็นชา “พวกคุณอยู่ด้วยกันจริงๆด้วย”
หลงหลิงหลิงและไป๋ยี่เฟยรู้สึกแปลกใจกับการมาของสามคน
เมื่อเห็นเช่นนี้เฉินเสี่ยวเทียนก็โกรธและพูดว่า “พี่ นี่มันคืออะไรกัน ที่พี่เขยพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมดหรือ ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อ แต่สุดท้ายพวกเธอก็อยู่ด้วยกันจริงๆ”
ต่งหยุนก็เห็นลูกสาวของตัวเองแล้วก็หน้าดำทันที แล้วด่าว่า “หลิงหลิง แกทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ ทำไมแกถึง แกถึงอยู่กับผู้ชายคนอื่น….”
เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของสามคน หลงหลิงหลิงก็รู้สึกอาย และวิตกกังวล
“แม่ มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดนะคะ หนูกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน”
ไป๋ยี่เฟยก็รีบอธิบาย “คุณป้าครับ คุณเข้าใจผิดพวกเราแล้ว”
ถึงแม้จะเป็นความจริง หลงหลิงหลิงได้ฟังอย่างนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกยิ้มอย่างขมขื่น
เฉินเสี่ยวเทียนมีนิสัยใจร้อน วู่วาม ครั้งก่อนที่โหวจวี๋กรุ๊ปก็พอดูออก
“เข้าใจผิดเหรอ เข้าใจผิดแม่แกสิ ” เฉินเสี่ยวเทียนพูดไม่ทันจบก็ปล่อยหมัดออกมา
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้หลบ หมัดตกลงไปที่หน้าอกของเขา ทันใดเขาก็ถอยไปข้างหลังหลายก้าว ดีที่หลงหลิงหลิงพยุงไว้ได้เลยไม่ล้ม
เมื่อเห็นเช่นนี้เฉินเสี่ยวเทียนเลยด่ากลับ “ไอ้ไก่อ่อน คอยแต่ให้ผู้หญิงปกป้อง”
หลงหลิงหลิงพูดด้วยความโกรธ “เฉินเสี่ยวเทียน แกทำอะไรห๊ะ”
ไป๋ยี่เฟยเป็นประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดูถูกเขา ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเบื้องหลังเขายังมีไป๋หู่ เธอเคยสัมผัสความสามารถของไป๋หู่ ซึ่งน่ากลัวมากๆ
เฉินเสี่ยวเทียนไม่รู้จักตัวตนของไป๋ยี่เฟย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ในตึกโหวจวี๋ได้ “แกนี่เอง แกไอ้สวะ แกกล้ามาให้ท่ามีสาวของฉัน”
“แกเพ้อเจ้ออะไร”หลงหลิงหลิงโกรธจนตัวสั่น
เฉินเสี่ยวเทียนยืดคอตรงแล้วพูดว่า “พี่ว่าผมเพ้อเจ้ออะไรนั่นเหรอ หรือว่าไม่ใช่ คราวก่อนที่ตึกโหวจวี๋ พี่ก็ปกป้องมัน พี่เป็นผู้ช่วยประธานใหญ่ ทำไมต้องปกป้องไอ้แค่ผู้จัดการด้วย”
“เขาต้องยั่วยวนพี่ก่อนแน่ๆ เพื่อหวังจะทำงานสะดวกขึ้น พี่ ผู้ชายแบบนี้ไม่คู่ควรเลย พี่เขยต่างหากที่ดีที่สุด พี่ดูเขาตอนนี้สิ ยังต้องให้พี่คอยปกป้อง ดูไม่แมนสักนิด”
“พี่หลบไป วันนี้ผมจะต่อยมันให้พ่อแม่มันจำหน้ามันไม่ได้”เฉินเสี่ยวเทียนพูดจบก็ดึงแขนเสื้อขึ้นเตรียมต่อย
ไป๋ยี่เฟยหมดคำพูด แม้เวลาปกติเขาไม่เคยฝึกซ้อม แต่ก็ไม่ได้กลัวเฉินเสี่ยวเทียน แต่วันนี้ตั้งแต่ตื่นนอนก็รู้สึกร่างกายไม่มีแรง เลยสู้ไม่ได้
หลงหลิงหลิงรีบประคองไป๋ยี่เฟย ตะโกนอย่าโมโหว่า “เฉินเสี่ยวเทียน แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่าหาเรื่อง”
เฉินเสี่ยวเทียนไม่สนใจ “พี่ มันก็แค่ผู้จัดการห่วยๆคนนึง ยังมีอีกนะ พี่ดูสิ ไม่มีความเป็นผู้ชายสักนิด มันไม่คู่ควรกับพี่สักนิด”
“และที่สำคัญที่สุดนะพี่ มันแต่งงานแล้ว”
พูดถึงตรงนี้ ต่งหยุนก็คร่ำครวญอยู่พักนึง “เห้อ เวรกรรมอะไร ทำไมฉันถึงเกิดลูกสาวแบบนี้ออกมานะ….”
หลงหลิงหลิงรู้สึกน้อยใจจนไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว
ในตอนนี้ไป๋ยี่เฟยดึงหลงหลิงหลิงไปไว้ด้านหลังตัวเอง ใช้มือนวดหัวคิ้วของตัวเอง พยายามให้ตัวเองสดชื่นที่สุด
“คุณป้าครับ ผมไม่เข้าใจเลย ระหว่างผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน ป้ายอมจะเชื่อคนนอกมากกว่าลูกสาวของตัวเอง นี่มันตรรกะอะไร”