หนึ่งวันต่อมา เรื่องนี้ก็ถูกปิดข่าวอย่างน่าอัศจรรย์ และไม่มีใครพูดถึงแม้แต่คำเดียวอีกเลย
……..
ในวิลล่าแห่งหนึ่งของเมืองหลวง
ฟางหยันกำลังว่ายน้ำอย่างอิสระอยู่ในสระว่ายน้ำโดยใส่ชุดบิกินี่ หลังจากว่ายน้ำได้ครู่หนึ่ง เธอก็โผล่ออกมาจากน้ำ
ในขณะนั้น ก็มีหญิงสาวในชุดกีฬานั่งอยู่บนฝั่ง หญิงสาวคนนั้นสวยมาก ผิวขาวใส และมีรูปลักษณ์ที่สง่างาม ซึ่งสวยกว่าฟางหยันอีกด้วย
เธอพูดติดตลกกับฟางหยันว่า “คุณไม่กลัวจะเป็นหวัดหรือ ที่มาว่ายน้ำเช้าขนาดนี้?”
ฟางหยันขึ้นฝั่งด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวคนนั้นก็ยื่นผ้าเช็ดตัวให้เธอ เธอเอื้อมมือไปรับมันมา แล้วถามว่า “ทำไมที่รักของฉันถึงมาที่นี่?”
“ก็เอาอาหารเช้ามาให้คุณไง” หญิงสาวชี้ไปที่กล่องอาหารบนโต๊ะเล็ก
สีหน้าของฟางหยันดูดีใจมากหลังจากเห็นกล่องอาหาร และทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมา “โอ๊ย คุณนี่ช่างเป็นเพื่อนสนิทที่ดีของฉันจริงๆ ฉันมีความสุขมากจริงๆ ที่มีคุณอยู่!”
“คุณไม่รู้เลย ในช่วงนี้ผู้จัดการส่วนตัวของฉันคุมเข้มมาก กินแต่อาหารเจ และก็ยังไม่มีรสชาติอะไรเลย ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นพระในเร็วๆ นี้แล้ว”
หญิงสาวยิ้ม และพูดติดตลกว่า “ต่อไปนี้ฉันสามารถเรียกคุณว่าพี่สะใภ้ได้แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟางหยันก็แข็งทื่อทันที และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปตามด้วยเล็กน้อย
เมื่อเห็นเช่นนี้หญิงสาวก็ถามว่า “เป็นอะไรเหรอ?”
ฟางหยันฟื้นคืนกลับมาในทันที ยิ้มและส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่นึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน ได้ยินมาว่าตระกูลของคุณกำลังจะจัดงานแต่งงานกับตระกูลไป๋ และให้คุณแต่งงานกับไป๋ยี่เฟยงั้นเหรอ?”
“เฮ้!” สีหน้าของหญิงสาวดูเศร้า เมื่อได้ยินคำพุดนี้ เธอเดินไปที่เก้าอี้นั่งเล่นแล้วนั่งลง “หยันหยัน ฉันไม่อยากจะแต่งงานเข้าไปเลย และก็ไม่อยากถูกใช้เป็นเครื่องมือที่ต้องเสียสละเพราะผลกำไร………”
ฟางหยันก็นั่งลงเช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดนี้ แววตาของเธอปรากฏร่องรอยของอารมณ์ที่ไม่ชัดเจน จากนั้นก็หันศีรษะแล้วถามว่า “งั้นคุณเคยเห็นไป๋ยี่เฟยหรือไม่? เขาเป็นคนแบบไหนเหรอ?”
หญิงสาวส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เคยเห็น แต่ฉันเคยได้ยินจากลี่หย่ามาก่อน และเธอบอกว่าไป๋ยี่เฟยเป็นคนตัวเตี้ยและน่าเกลียดและแถมยังอ้วนอีกด้วย และก็ยังเป็นฆาตกรที่จิตใจโหดเหี้ยมอีกด้วย!”
ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกพี่สาวลูกน้องของฉุงลี่หย่าชื่อว่าฉุงลี่ซือ
ในขณะที่ฉุงลี่ซือกำลังพูดขอบดวงตาของเธอก็เป็นสีแดงขึ้นมา
ฟางหยันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทุกข์ใจขึ้นมาเมื่อเห็นเธอเป็นเช่นนี้ สิ่งสำคัญก็คือฉุงลี่ซือมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามมาก มันทำให้คนดูรู้สึกอดทุกข์ใจไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางที่อยากจะร้องไห้ของเธอ
“หยันหยัน ฉันไม่อยากจะแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ มันน่ากลัวมากเลยจริงๆ ……..” ฉุงลี่ซือร้องให้อย่างเบาๆ “แต่ว่า ไม่มีใครในครอบครัวที่จะยอมฟังฉันเลย”
“คุณว่าฉันควรจะทำอย่างไรดี? ถ้าแต่งงานกับผู้ชายแบบนั้นไป แม้นอนอยู่ตอนกลางคืนก็จะรู้สึกกลัวไปหมด เพราะกลัวว่าเขาจะลุกขึ้นมาฆ่าฉัน……..”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟางหยันก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เธอกำลังคิดว่า ถ้าหากว่าคนที่ต้องแต่งงานกับไป๋ยี่เฟยคือเธอมมันจะดีแค่ไหน?
ฉุลลี่ซือมองไปที่การแสดงออกของเขา และอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างโกรธเคืองว่า “คุณเป็นคนแบบไหนเหรอ? ยังบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดอีก คุณไม่อยากพูดอะไรบ้างเลยเหรอ? ”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฟางหยันตบที่ต้นขาของฉุงลี่ซืออย่างไม่เต็มใจ แล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า
“ฉันรู้ข่าวเกี่ยวกับไป๋ยี่เฟยอยู่บ้าง คุณอยากรู้ไหม?”
ฉุงลี่ซือกระพริบตา และถามโดยจิตสำนึกว่า “ข่าวอะไรเหรอ?”
ฟางหยันยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า “เขาถูกพ่อแม่แท้ๆ ทอดทิ้งตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก และเติบโตขึ้นมาอยู่ในชนบทโดยตลอด เขาขยันและขยันขันแข็งมาโดยตลอด และเขาก็ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีแห่งหนึ่ง”
“เพียงแต่หลังจากที่เขาออกมา เพราะน้องสาวของเขาป่วย เขาจึงต้องแต่งเข้าตระกูลหลี่ในเมืองเทียนเป่ย และกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้าน”
“ต่อมาหลังจากนั้น ในที่สุดพ่อแท้ๆ ของเขาก็ตามหาเขาเจอ และมอบโหวจวี๋กรุ๊ปให้กับเขา และปล่อยให้เขาบริหารทั้งๆ ที่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านดูแลจัดการบริษัทมาก่อน เขาไม่เพียงแต่ไม่ทำให้เกิดความสูญเสีย กลับแสดงให้เห็นถึงฝีมือของเขา และสู้จนทำให้หลายบริษัทพ่ายแพ้ไป แม้กระทั่งเย่ฮวนของตระกูลเย่จากสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้”
“จำนวนคนรอบข้างเขาค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื้อยๆ หลายคนเต็มใจทำงานให้เขา และติดตามเขา เขาก็มีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ”
“นอกจากนี้ เขายังรักภรรยาของเขามาก หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำก็เพื่อภรรยาของเขาทั้งนั้น สำหรับภรรยาของเขาแล้ว แม้กระทั่งชีวิตของเขาเองเขาก็ไม่สนใจ”
“และ…….”
ฟางหยันบอกฉุงลี่ซือเกี่ยวกับไป๋ยี่เฟยที่ตัวเองรู้จัก แล้วถามว่า “ไป๋ยี่เฟยที่เป็นแบบนี้ คุณยังจะคิดว่าเขาเป็นนักฆ่าที่โหดร้ายเลือดเย็นหรือไม่?”
ฉุงลี่ซือตกใจเล็กน้อย นี่เป็นไป๋ยี่เฟยจริงๆ หรือ?
จากนั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่าง และพูดว่า “แต่ลี่หย่าบอกว่าเขามีรูปร่างที่เตี้ยและน่าเกลียด เหมือนโจรคนหนึ่ง”
ฟางหยัน “……..”
ฟางหยันไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี และในดวงตาของเธอแสดงถึงความอิจฉาที่ฉุงลี่ซือไม่สามารถมองเห็นได้
……..
สองวันต่อมา ในห้องของโรงแรม หลี่เสว่ผูกเนกไทให้ไป๋ยี่เฟยด้วยตัวเอง
ไป๋ยี่เฟยกอดหลี่เสว่และจูบเธอและพูดว่า “หลังจากเข้าร่วมงานแต่งงานแล้ว เราก็กลับไปที่เมืองเทียนเป่ยกัน”
“โอเค” หลี่เสว่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็เดินเข้าไปอีกครั้ง จูบลูกสาวและลูกชายของเขา และออกจากโรงแรมไปโดยอยู่ภายใต้การจ้องมองของหลี่เสว่
ไป๋ยี่เฟยไปที่คฤหาสน์ตระกูลไป๋ก่อน แล้วจากนั้นก็ไปที่ตระกูลฉุงกับไป๋หยุนเผิง
ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่ในรถเก๋งธรรมดาที่ไป๋หยุนเผิงขับอยู่ตลอดทั้งปี
“พ่อครับ รถคันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า?” ไป๋ยี่เฟยอยากรู้มากจริงๆ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของตระกูลไป๋ ไม่ได้ว่าเขาจะต้องขับรถหรูดีๆ สักคัน อย่างน้อยก็ควรขับรถที่มีระดับกลางถึงสูงไหม แต่รถคันนี้ของไป๋หยุนเผิงราคาก็แค่หลักแสนเท่านั้น และดูก็รู้แล้วว่าขับมานานมากแล้ว ทั้งเก่าและทรุดโทรมมาก
ไป๋หยุนเผิงหยุดหลังจากได้ยินคำพูดนี้ จากนั้นก็หยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าของเขาแล้วจุดไฟ
ไป๋ยี่เฟยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “บุหรี่แค่ตัวเดียวเหรอ?”
“อืม” ไป๋หยุนเผิงสูบเข้าไปทีหนึ่งแล้วพูดว่า “เผื่อว่าคุณจะโยนทิ้ง”
ไป๋ยี่เฟยพ่นลมหายใจ และไม่พูดอะไร
ไป๋หยุนเผิงสูดลมหายใจอีกครั้ง จากนั้นก็พูดอย่างช้าๆ ว่า
“เมื่อห้าปีที่แล้ว ตระกูลไป๋ของเราได้พัฒนาธุรกิจไปถึงที่หนานเหมิน แต่ด้วยเหตุนี้จึงไปแตะต้องโดนผลกำไรของใครบางคน ดังนั้นพวกเขาจึงส่งผู้ยอดฝีมือคนหนึ่งอยากจะมาฆ่าเรา”
“บนสะพานหินในเมืองจินเฉิง มีดของผู้ยอดฝีมือคนนั้นอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เซนติเมตรและมันกำลังจะบาดคอของผมแล้ว”
“ในขณะนั้นเอง จู่ๆ รถคันนี้ก็พุ่งชนเข้ามา ผู้ยอดฝีมือคนนั้นหนีไม่พ้น และถูกรถพุ่งชนเข้าไปในแม่น้ำ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ใครเป็นคนขับรถ? ”
ไป๋หยุนเผิงกระพริบตา และพ่นควันสีขาวออกมาและพูดว่า “น้องชายของคุณ”
ไป๋ยี่เฟยตกตะลึงทันที
จากนั้นเขาก็เข้าใจทันทีว่า “ดังนั้น ก็เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้งนี้เขาจึง……..”
ไป๋หยุนเผิงพยักหน้าและกล่าวว่า “เขาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง ถึงทำให้ระบบประสาทถูกปิดกั้น และร่างกายส่วนล่างของเขาก็เป็นอัมพาตไป”
“เขาทำเพื่อช่วยพวกเรา……..”
ไป๋ยี่เฟยเงียบไปเลย เขามองไปที่ด้านหน้ารถ โดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทันใดนั้นก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเก็บรถคันนี้ไว้”
ไป๋หยุนเผิงไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ไป๋ยี่เฟยก็ถามขึ้นทันทีว่า “หากว่าก่อนหน้านี้ตอนที่พวกคุณพบว่าผมพิการหรือตายไปแล้ว พวกคุณยังจะรับผมกลับมาอีกไหม? หรือว่าพวกคุณจะรู้สึกเสียใจไหม? ”
“กรี๊ด…….”
ไป๋หยุนเผิงเหยียบเบรกฉุกเฉิน และมีรอยดำเกิดขึ้นอยู่บนถนนจากล้อรถ
……..
โรงแรมหรูที่สุดในเมืองหลวง โรงแรมจินหาว
ที่จอดรถของโรงแรมเต็มไปด้วยรถหรูทุกประเภท ดังนั้นจึงทำให้บริเวณริมถนนของโรงแรมก็จอดเต็มไปด้วยรถหรู
และโรงแรมแห่งนี้ก็ถูกตระกูลฉุงเหมาไว้แล้ว และทางโรงแรมก็ได้จัดเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานไปทั้งหมด
มีวงดนตรีสุดหรูเล่นดนตรีอยู่ที่ทางเข้าของโรงแรม
เต็มไปด้วยความสุข
และในขณะนั้นเอง มีรถเก๋งคันเก่าๆ แล่นเข้ามา ซึ่งดูโดดเด่นเป็นพิเศษอยู่ในท่ามกลางรถหรูจำนวนมากมาย
ไป๋หยุนเผิงจอดรถไว้ข้างรถกาแยน จากนั้นทั้งสองก็ลงจากรถทีละคัน
ชายหญิงคู่หนึ่งลงมาจากรถกาแยนเช่นกัน
เมื่อชายหนุ่มลงจากรถ เขาก็ตะโกนใส่ไป๋หยุนเผิงว่า “ผมว่าพวกคุณคือใครเหรอ? ที่จอดรถแบบนี้พวกคุณก็กล้าแย่งเหรอ ตาบอดใช่หรือไม่? ”
อย่างไรก็ตามไป๋หยุนเผิงและไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตั้งใจจะสนใจเขา ดังนั้นพวกเขาจึงหันไปที่โรงแรม