เพียงแต่ชายคนนั้นไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป และเดินหน้าสองก้าวไปขัดขวางพวกเขาไว้
“พวกคุณหูหนวกไปหรือเปล่า?” ชายหนุ่มมองดูไป๋หยุนเผิงและไป๋ยี่เฟย และพูดอย่างน่ารังเกียจและดูถูกว่า “รีบเลื่อนรถออกไปเดียวนี้ มิฉะนั้นผมทุบรถเสียของพวกคุณทิ้ง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งไป๋หยุนเผิงและไป๋ยี่เฟยก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ทันใดนั้น ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด และใส่ชุดสีเบจก็เดินเข้ามา เธอจับแขนชายหนุ่ม แล้วพูดอย่างเย้ยหยันว่า “พวกคุณคิดยังไงเหรอ? ขับรถแย่ๆ แบบนี้มางานแต่งงั้นเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไป๋หยุนเผิงกลับพูดก่อนว่า “ในวันที่มีความยินดีอย่างยิ่ง อย่าทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว
ทั้งสองคนกะว่าจะเลี่ยงพวกเขาและเดินเข้าไปในโรงแรม
แต่ชายหนุ่มกลับเอื้อมมือไปขวางพวกเขาอีกครั้ง “พวกมึงแม่งก็กล้าเมินกูงั้นเหรอ? รู้หรือไม่ว่ากูเป็นใคร? ”
ในเวลานี้ไป๋หยุนเผิงเริ่มหมดความอดทน และมองดูเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “ไปให้พ้นซะ!”
ไป๋หยุนเผิงเป็นผู้นำของตระกูลไป๋มานานกว่าสิบปี และบวกกับเขาอยู่ใกล้ความแข็งแกร่งของผู้ยอดฝีมือระดับที่หนึ่ง ออร่าเช่นนี้คนธรรมดาไม่สามารถต้านทานได้
ชายหนุ่มคนนั้นสั่นสะท้านทันที และก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ
ไป๋ยี่เฟยและไป๋หยุนเผิงเดินอ้อมเขาไปและเดินเข้าไปที่โรงแรม
ผู้หญิงคนนั้นรีบดึงแขนของชายคนนั้น แล้วถามว่า “คุณเป็นอะไรไป?”
ผู้ชายคนนั้นฟื้นคืนกลับมาทันที จู่ๆ ก็กล่าวด้วยความโกรธขึ้นมาว่า “แม่งเอ๊ย!”
“ไอ้ขยะสองชิ้นกล้าที่จะจ้องมองกูงั้นเหรอ!”
“คอยดูสิกูจะให้คนมาทุบรถเขาทิ้งให้ดู!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็พยักหน้าตามและพูดว่า “สำหรับรถเสียแบบนี้มันก็ควรจะทุบทิ้ง!”
ดังนั้น ยี่สิบนาทีต่อมา วัยรุ่นทางสังคมมากกว่าสิบคนก็เดินเข้ามาพร้อมกับแท่งไม้
ชายหนุ่มชี้ไปที่รถของไป๋หยุนเผิงแล้วพูดว่า “รถคันนี้เลยทุบทิ้งให้กูด้วย ทุบให้แรง!”
กลุ่มคนวัยรุ่นก็หยิบไม้ขึ้นมาทันที และเสียงแตกก็เกิดขึ้น
รถของไป๋หยุนเผิงก็ถูกทุบจนพังยับเยิง
การเคลื่อนไหวของที่นี่รุนแรงมาก และในวันนี้ก็เป็นพิธีงานแต่งของฉุงโยวหมิงอีกด้วย คนทั้งหมดที่มาต่างเป็นคนที่มีหน้ามีตา ในไม่ช้าก็ดึงดูดผู้คนมามากมาย
ผู้ที่มีหน้ามีตาไม่ได้ขยับตัวเลย แต่คนรอบข้างของพวกเขาก็เดินตามไปถามสถานการณ์
มีผู้คนมากมายล้อมรอบและมีชีวิตชีวามาก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ก็แค่รถเสียคันเดียว แย่งที่จอดรถของคุณชายหวัง”
“ใครคือคุณชายหวังเหรอ?”
“แม้แต่คุณชายหวังคุณยังไม่รู้จัก นั่นเป็นน้องชายของเลขาท่านฉุงรอง”
“งั้นภูมิหลังคงไม่น้อยนัก!”
“ใช่ไง!”
“ทำไมเจ้าของรถคันนี้ไม่อยู่ล่ะ? นี่คือการแสดงที่ดีเยี่ยม”
“หมายความว่าไง?”
“แค่รถเสียคันเดียว จะมีการแสดงที่ดีอะไรได้อีก?”
“พี่ชาย ขอบอกคุณเถอะ รถคันนี้ไม่ธรรมดา”
มีบางคนรู้จักเจ้าของรถคันนี้แล้ว
ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมจินหาวก็รีบวิ่งเข้ามาแล้วเช่นกัน
หัวหน้าของหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวสูงหุ่นล่ำและสง่างามมาก เขารีบเข้ามาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายหวัง นี่คุณเป็นอะไรเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?”
คุณชายหวังไม่ได้ตอบ แต่หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “พวกคุณที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำอะไรอยู่ ในเวลานี้ยังมีรถแบบนี้อยู่ในที่จอดรถงั้นเหรอ แล้วก็ยังแย่งที่จอดของเราอีกด้วย คุณว่ารถคันนี้ควรจะทุบทิ้งหรือไม่?”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่เดิมยิ้มและพยักหน้า “ควรทุบทิ้งควรทุบทิ้ง”
แต่เมื่อเขาเห็นป้ายทะเบียนรถเก๋งคันที่ถูกทุบพัง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“นี่……..ทุบไม่ได้ทุบไม่ได้!”
แต่เขาพูดสิ่งนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะรถถูกทุบจนพังหมดแล้ว
เมื่อคุณชายหวังเห็นเช่นนี้ ก็ตะคอกอย่างเย็นชาว่า “รถเสียคันเดียวทำไมถึงทุบทิ้งไม่ได้? ผมไม่เพียงแต่จะทุบมันทิ้งอย่างเดียว และยังจะให้คนเอาไปโยนมันทิ้งที่เก็บขยะอีกด้วย!”
สีหน้าของหัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูเศร้าหมอง “คุณชายหวัง คุณ……..คุณ……….แต่คุณได้ก่อปัญหาใหญ่ขึ้นแล้ว!”
คุณชายหวังกลับพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ก็แค่ทุบรถเสียไปคันเดียวไม่ใช่หรือ? มันจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นได้?”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีใจที่อยากจะตายไปเลย “คุณชายหวัง เจ้าของรถคันนี้รุกรานไม่ได้”
“มีอะไรที่ไม่สามารถรุกรานได้หรือ?” ใบหน้าของคุณชายหวังเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาก็พูดตามด้วยว่า “ใช่ไง ทุบก็ทุบไปแล้ว อีกอย่าง มีอะไรที่เรารุกรานไม่ได้เหรอ?”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูวิตกกังวลและเป็นห่วงมาก
คุณชายหวังไม่อยากจะสนใจกับพวกเขาอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงพาผู้หญิงและเดินเข้าไปในโรงแรม ก่อนที่จะเดินไปเขายังกล่าวว่า “ไอ้พวงที่ความรู้น้อย!”
………
ไป๋ยี่เฟยและไป๋หยุนเผิงเดินเข้าไปในโรงแรม โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ข้างนอก
พึ่งเดินไปถึงที่หน้าประตูก็มีคนมาเรียกว่า “พี่ไป๋”
ทั้งสองก็มองไปที่ที่มาของเสียง และเห็นชายวัยกลางคนในชุดสูทที่เป็นทางการก้าวออกมาจากลิฟต์ พร้อมกับช่อดอกไม้เล็กๆ ที่ปักอยู่ที่หน้าอกของเขา
เขาเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น “พี่ไป๋!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ไป๋หยุนเผิงก็จับมือกับเขา ยิ้มและตอบว่า “พี่ฉุง!”
ทันทีหลังจากนั้น ไป๋หยุนเผิงก็แนะนำกับไป๋ยี่เฟยว่า “นี่คือท่านฉุงรองของตระกูลฉุงฉุงเฉ่าซิน”
“ลุงฉุง” ไป๋ยี่เฟยก็กล่าวทักทาย
ฉุงเฉ่าซินยิ้มอย่างมีความสุข “ฮ่าฮ่าฮ่า………มันเยี่ยมมากจริงๆ เลย ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของไป๋ยี่เฟยเมื่อนานมาแล้ว และตอนนี้ก็ได้เห็นกับตาสักทีแล้ว……..”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งนี้
เขาเป็นคนฆ่าฉุงโยวเวย ตระกูลฉุงควรจะคิดว่าเขาเป็นศัตรูถึงจะถูก แต่ฉุงเฉ่าซินไม่เพียงแต่ไม่มีความแค้นต่อเขาเท่านั้น แต่ยังยกย่องเขาในรูปแบบต่างๆ และต้อนรับเขาเป็นอย่างดี
สิ่งนี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกละอายใจอย่างมาก
หลังจากพูดคุยกันซักพักฉุงเฉ่าซินก็พูดว่า “พี่ไป๋ หลานชาย ผมยังยุ่งอยู่ ดังนั้นผมจะต้อนรับพวกคุณในตอนนี้ม่ได้แล้ว พวกคุณเชิญเข้าไปนั่งข้างใน เข้าไปนั่งข้างใน……..”
ฉุงเฉ่าซินเป็นพ่อของฉุงโยวหมิง และแน่นอนว่าเขาจะต้องไปต้อนรับแขก ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ในวันแต่งงาน
ไป๋หยุนเผิงแสดงความเข้าใจ ยิ้มและพยักหน้าและกล่าวว่า “งั้นพวกเราก็เข้าไปก่อนแล้วนะ”
หลังจากเข้าไปในลิฟต์ ไป๋หยุนเผิงก็พูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “ฉุงโยวหมิงเป็นลูกชายของฉุงเฉ่าซิน ฉุงลี่ซือเป็นลูกสาวของเขา และน้องชายของเขาคือ ฉุงเฉ่าเจว๋”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจขึ้นมา
เดิมทีทางบ้านเก่าของตระกูลไป๋ได้เจรจากันไว้ ก็คือจะให้ตัวเองแต่งงานกับฉุงลี่ซือลูกสาวของฉุงเฉ่าซิน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนเมื่อกี้นี้ที่เขาต้อนรับตัวเองดีมากขนาดนั้น
พวกเขาขึ้นลิฟต์ไปถึงที่ชั้นบนสุดของโรงแรม
ชั้นบนสุดมีแขกมาถึงแล้วมากมาย และทุกคนก็เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตา เมื่อพวกเขาเห็นการมาถึงของไป๋หยุนเผิงและลูกชายของเขา พวกเขาก็ล้อมรอบพวกเขาเข้ามาทันที
ผู้คนมากมายล้อมรอบอยู่รอบตัวไป๋หยุนเผิง และทักทายกับไป๋หยุนเผิง
และไป๋ยี่เฟยก็ไม่ค่อยได้ปรากฏตัวต่อหน้าคนเหล่านี้ แต่ถูกพวกเขาเบียดเบียนไปข้างๆ
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้สนใจ เดินออกไปคนเดียว สุ่มออกจากโต๊ะแล้วหยิบแชมเปญสักแก้ว จากนั้นก็เดินไปในทางที่ที่มีคนจำนวนน้อยลง
เขามาถึงที่ระเบียงเปิดโล่ง และยืนอยู่บนอาคารสูงหกสิบชั้น ซึ่งมองเห็นทิวทัศน์ครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง
แต่ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงอ่อนโยนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้างของเขา
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยมองตามเสียงนั้นไป และพบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยงามอย่างมากยืนอยู่ข้างเขา เพียงแต่ตอนนี้เธอกำลังทำหน้าเข้มขรึมอยู่ และพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “คุณไม่เห็นบอลลูนผูกอยู่ที่นี่หรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยถึงสังเกตเห็นบอลลูนที่ผูกไว้ตามรอบระเบียง แต่บอลลูนก็คลายออก และตกลงที่พื้น
ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นกำลังจะหยิบเชือกขึ้นมา แต่กลับโดนไป๋ยี่เฟยเหยียบเข้าไว้พอดี
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับหน้าตาของผู้หญิงคนนี้ เขาเคยเห็นผู้หญิงที่สวยงามมามากมาย แต่คนที่โดดเด่นเหมือนเธอมันหายากมาก และเกรงว่าน่าจะไม่ต่างจากหลี่เสว่เลย