หลังจากพักฟื้นอยู่หลายวัน อาการบาดเจ็บของไป๋ยี่เฟยก็เกือบจะหายดีแล้ว ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวจะกลับเมืองเทียนเป่ยแล้ว
เพียงแต่ในเวลาตอนเช้าขณะที่เขากำลังจะออกเดินทางนั้น เขาได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง
สายมาจากไป๋หยุนเผิง เขาบอกว่า ฝั่งบ้านเก่าจะไม่ขอให้ไป๋ยี่เฟยแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลฉุงอีก
ไป๋ยี่เฟยตอบรับว่าทราบแล้ว และไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
แต่ต่อมาเรื่องที่ไป๋หยุนเผิงบอกกับไป๋ยี่เฟยทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะไป๋หยุนเผิงบอกว่า“แต่ ฉุงลี่ซือจะแต่งงานกับจีซือคุณชายใหญ่แห่งสหพันธ์วรยุทธสำนักหนานเหมิน”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกแปลกใจจริงๆ ฉุงลี่ซือไม่แต่งงานกับเขา แต่จะไปแต่งงานกับคุณชายใหญ่แห่งหนานเหมิน?
ถ้าหากฉุงลี่ซือจะแต่งงานกับคนอื่นจะไม่รู้สึกแปลกใจเท่านี้เลย แต่ถ้าแต่งงานกับคุณชายใหญ่แห่งหนานเหมิน……ต้องรู้ว่า แต่งงานกับคนของสำนักหนานเหมิน มีความเป็นไปได้ที่จะถูกคิดว่ายอมจำนนต่อศัตรู
แต่จะว่าไปแล้ว การต่อสู้ระหว่างหนานเหมินกับหลันเต่าได้สิ้นสุดลงแล้ว จากที่ดูในตอนนี้ เหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว เนื่องจากต่อให้ต่อสู้กันมากแค่ไหน ก็ไม่ถึงกับไม่ไปมาหาสู่กัน
สุดท้าย ไป๋ยี่เฟยก็ได้แต่ยักไหล่อย่างไม่มีความเห็น ถึงอย่างไรซะเรื่องพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่แล้ว
หลังจากที่วางสายไป พวกเขาก็ออกเดินทางทันที
ครั้งนี้พวกเขาวางแผนจะขับรถกลับเอง เพราะจำนวนคนเยอะ ดังนั้นฉินหัวจึงหารถมินิแวนมา เขาเป็นคนขับรถ ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ยังคงกอดเด็กคนหนึ่งที่นั่งอยู่เบาะหลัง หลังจากที่ซินชิวแปลงโฉมง่ายๆ ก็นั่งอยู่ตรงข้างคนขับ
จากนั้นในตอนที่รถของพวกเขากำลังจะออกเดินทาง ก็พบเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ประตู
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยเห็นเธอแล้ว ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ แม้แต่ปากของเขายังอ้าออกอย่างไม่รู้ตัว
ผู้หญิงคนนั้นขวางรถไว้ ฉินหัวกลัวจะชนคนเข้า จึงทำได้เพียงแค่รีบเหยียบเบรกหยุดรถ
พอรถหยุดลงแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็เปิดประตูรถทันที แล้วขึ้นมานั่ง
ผู้หญิงที่ขึ้นมานั่งในรถ ชื่อว่าหยุนอิง
หลังจากที่หยุนอิงขึ้นมาแล้ว เธอก็นั่งที่เบาะหลัง มองดูเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดของหลี่เสว่ อดที่จะยิ้มขึ้นมาไม่ได้“โอ้โห เด็กคนนี้หน้าตาน่ารักน่าชังจังเลย!”
หลี่เสว่ไม่รู้จักหยุนอิง แต่พอเธอเห็นท่าทีเป็นมิตรแล้ว จึงส่งยิ้มกลับไปให้
“ฉันขอกอดเด็กที่น่ารักขนาดนี้ได้ไหมคะ?”หยุนอิงกะพริบตาปริบๆ มองไปที่หลี่เสว่อย่างคาดหวัง
หลี่เสว่รู้สึกลังเล ดังนั้นเธอจึงหันไปมิงไป๋ยี่เฟย
เวลานี้เองในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็ได้สติ เธอมองไปที่หยุนอิงแล้วพูดขึ้นมาว่า“คุณมาทำอะไรที่นี่?คุณรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?”
“รู้อยู่แล้ว”หยุนอิงตอบกลับอย่างสบายๆ หลังจากที่ตอบกลับแล้วเธอก็มองไปที่เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของหลี่เสว่“ตอนนี้ อุ้มเขาหน่อยได้ไหมคะ?”
ไป๋ยี่เฟยจึงรีบปฏิเสธ“ไม่ได้!”
“คุณลงจากรถเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ไม่!”หยุนอิงส่ายหัวไปมาอย่างแน่วแน่
ไป๋ยี่เฟยโมโหแล้ว“นี่คุณ……”
น่าเสียดาย ในตอนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกตัวว่า ตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยุนอิง ถ้าเกิดแตกหักกันไป คนที่เสียเปรียบอาจจะเป็นเขา
ไป๋ยี่เฟยจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามไปว่า“คุณจะทำอะไรกันแน่?”
“ค่อยพูดกันระหว่างทาง”หยุนอิงหัวเราะคิกคัก แล้วพูดกับฉินหัวว่า“รีบขับรถสิ”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าหยุนอิงจากเมืองหลวงมาที่หลันเต่าได้อย่างไร และไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีไหนหาเขาเจอ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หยุนอิงกำลังใช้วิธีของเธอในการบอกเขาว่า เขาต้องปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างพวกเขา
ไม่อย่างนั้น เธอสามารถตามหาคนในบ้านของเขาได้ทุกเมื่อ และใช้สิ่งนั้นมาข่มขู่เขา
ไป๋ยี่เฟยทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงแค่กัดฟันกรอดแล้วพูดกับฉินหัวว่า“ขับรถเถอะ”
ฉินหัวไม่รู้จักหยุนอิง แต่พอเห็นท่าทีของไป๋ยี่เฟยแล้วทั้งคู่ต้องรู้จักกันแน่ เขาจึงฟังคำสั่งไป๋ยี่เฟย
ซินชิวได้แปลงโฉมง่ายๆแล้ว เปลี่ยนเป็นชายชราอายุประมาณหกสิบปี เขาไม่สนใจหยุนอิง ได้แต่นั่งตำแหน่งเบาะข้างคนขับ งีบพักผ่อนสายตา
รถเริ่มออกเดินทาง หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงและขึ้นทางด่วน
หยุนอิงที่อยู่บนรถ ก็ใช้สายตามองไปที่เด็กน้องที่อยู่ในอ้อมกอดของหลี่เสว่ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังและความหวัง“ฉันอุ้มเขาจริงๆนะ ได้ไหมคะ?”
แต่แล้วหลี่เสว่ไม่ได้พูดอะไร ไป๋ยี่เฟยปฏิเสธอีกครั้ง“ไม่ได้!”
“มีสิทธิ์อะไร?”หยุนอิงโกรธจนทำเสียงหึ
ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก“สิทธิ์ของการที่เขาเป็นลูกของผมไง”
“นี่คุณ!”หยุนอิงโกรธจนไม่สามารถเถียงกลับได้ จึงทำได้เพียงแค่ทำเสียงหึ แล้วหันออกไปไม่มองไปที่เด็กอีก
ไป๋ยี่เฟยหมดหนทาง ถึงจะสู้ ก็สู้ไม่ได้ จะสั่งสอน คนอื่นก็เป็นถึงหญิงสาวอายุยี่สิบกว่าแล้ว มันจะไม่ง่ายที่จะสั่งสอน ดังนั้นไม่สามารถทำอะไรหยุนอิงได้จริงๆ!
สุดท้ายไป๋ยี่เฟยจึงทำได้เพียงแค่ถามออกไปอีกครั้งว่า“เพราะฉะนั้น ตกลงคุณมาทำอะไรที่นี่?”
หยุนอิงมองไปที่วิวทิวทัศน์ด้านนอก แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า“มาทำธุระที่เมืองหลวง บังเอิญเห็นคุณเข้าพอดีก็แค่นั้น”
ไป๋ยี่เฟยค่อยๆขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไร
หยุนอิงพูดต่อว่า“ยังมีอีกเรื่องก็คือ ฉันมาเตือนคุณหน่อย มีเวลาอีกกี่วันก่อนที่คุณจะต้องทำตามข้อตกลง”
“กี่วัน?ถ้าผมจำไม่ผิด ยังมีเวลาอีกสิบแปดวัน”ในตอนที่ไป๋ยี่เฟยกำลังขมวดคิ้วอยู่นั้น
หยุนอิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า“มีคำกล่าวไว้ว่า แผนการตามไม่ทันความเปลี่ยนแปลง”
“จีซือจะแต่งงานกับผู้หญิงของตระกูลฉุง เขาจะต้องมารับเจ้าสาวด้วยตัวเองแน่ คุณอาศัยจังหวะนี้แฝงตัวเข้าไปในขบวน สิ่งนี้สำหรับคุณแล้วไม่น่ายากเท่าไรหรอกใช่ไหม?”
พอได้ยินคำพูดนี้แล้ว ไป๋ยี่เฟยถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ
สีหน้าของฉินหัวกับหลี่เสว่ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ในเวลานี้ ตัวตนของหยุนอิงไม่ต้องพูดก็เห็นได้ชัดอยู่แล้ว
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยได้สติก็ถามออกไปว่า“ทำไมผมต้องแฝงตัวเข้าไปด้วย?”
หยุนอิงหัวเราะแล้วพูดว่า“ด้านในอีเมลส่วนตัวของจีซือ มีข้อมูลของอุตสาหกรรมทั้งหมดของแผ่นดินใหญ่ประเทศจีน คุณต้องช่วยฉันเอามันมา”
“ฉันจะใส่ข้อมูลเท็จไปในนั้น แล้วค่อยส่งมอบให้จีไซ จีไซจะต้องเดาว่าจีซือต้องการแย่งชิงตำแหน่ง ถ้าอย่างนั้นเขาจะต้องไม่มีวันยอมยกให้จีซืออย่างแน่นอน สุดท้ายตำแหน่งนี้ก็จะเป็นของฉันโดยปริยาย”
“คุณแค่ต้องหาวิธีเอาโทรศัพท์มือถือเขามาให้ได้ ฉันคิดว่าคุณจะต้องมีวิธีปลดล็อกได้แน่ ในขณะเดียวกัน คุณสามารถคัดลอกข้อมูลอีกหนึ่งฉบับ แล้วกำจัดคนสอดแนมที่หนานเหมินวางไว้ในแผ่นดินใหญ่หัวเซี่ยของพวกคุณ”
“นี่เป็นสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์!”
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยไม่ได้คิดแบบนั้น เขาถามอย่างเย็นชา“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นผมก็ได้!”
“นี่เป็นข้อตกลงระหว่างเรานะ”หยุนอิงตอบกลับอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากพูดจบ เธอก็จ้องมาที่เด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของหลี่เสว่ พูดพลางยิ้มมุมปาก“ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ฉันทำได้แค่เชื่อใจคุณแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเธอเป็นแบบนั้น บวกกับประโยคที่เธอพูดเมื่อสักครู่ ไป๋ยี่เฟยมักรู้สึกว่าเธอกำลังข่มขู่เขา เขารู้สึกหน่ายใจมาก“งั้นคงต้องเป็นผมแล้วสินะ”
“ใช่แล้วๆๆ”หยุนอิงพยักอย่างดีใจ“เอาเป็นว่าตามนี้แล้วกัน คุณก็วางใจเถอะ ช่วงที่คุณไป ฉันจะช่วยคุณดูแลลูกและภรรยาของคุณเป็นอย่างดี”
พอได้ยินดังนั้น สีหน้าของไป๋ยี่เฟยจึงเคร่งขรึมลงทันที เขาถลึงตามองไปที่หยุนอิงอย่างโมโห กัดฟันพูดว่า“ถ้าคุณกล้าแตะต้องพวกเขาแม้แต่นิดเดียว ผมจะเอาแผนการของคุณบอกกับจีไซเดี๋ยวนี้แหละ!”
หยุนอิงหัวเราะแหะๆ“คุณเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า?ฉันจะช่วยคุณดูแลพี่สะใภ้จริงๆ”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว อยากจะปฏิเสธเธออีกครั้ง แต่สุดท้ายซินชิวก็พูดขึ้นมาว่า เขาบอกว่า“อันที่จริง มันก็ดีนะ”
พอได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ไป๋ยี่เฟยถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าใจในทันที ความหมายของซินชิวคือ ตอนนี้เขากำลังหลบซ่อนเหลียงหมิงเยว่กับจีไซอยู่ และลูกสาวของจีไซอยู่ที่นี่ ก็เท่ากับว่าพวกเขาอยู่ข้างกายของลูกสาวเขา
มีที่ไหนจะปลอดภัยเท่าข้างกายลูกสาวเขาอี?
อีกอย่าง ไม่ได้จะให้เขาไปในทันที ยังต้องรออีกหลายวัน ไม่แน่อีกไม่กี่วัน ซินชิวอาจจะฟื้นฟูกลับมาปกติ
ถึงเวลานั้น หยุนอิงยังจะอยากทำอะไรอีก มีซินชิวอยู่ด้วย เธอก็ทำอะไรไม่ได้
……
พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองเทียนเป่ยอย่างราบรื่น
หยุนอิงกลับมาพร้อมกับพวกเขา โดยไม่น่าแปลกใจเลย อีกทั้งยังกลับมาที่คฤหาสน์หลันโปกั่งกับพวกเขาอีกด้วย
ไป๋ยี่เฟยทำอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้เขาสู้คนอื่นไม่ได้ล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยโทรศัพท์หาหวังโหลว“ช่วยฉันหาแม่บ้านสองคนที่นิสัยดีมีความอดทนมาให้ฉันหน่อย ทางที่ดีหาคนที่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน”
“ได้ ไม่มีปัญหา……ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละ”หวังโหลวพูดแล้วหยุดชั่วครู่ เหมือนจะอยากพูดคำอื่น
ไป๋ยี่เฟยสัมผัสได้ เขาจึงรีบถามไปว่า“มีอะไรเหรอ?มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ”
หวังโหลวเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า“เธอกลับมาแล้ว”
“ใคร?”ไป๋ยี่เฟยถาม
“หลิวเสี่ยวอิง”หวังโหลวตอบกลับ