ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 976 น้ารอง

ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของหน้ากากผี หรือเป็นคำพูดของพานปู้ถิง มันทำให้หัวใจของไป๋ยี่เฟยเจ็บปวดรวดร้าวมาก

เขาไม่ยอม!

เขาไม่อยากให้หลิวเสี่ยวอิงแต่งงานกับพานปู้ถิง!

ไม่อยากเลยสักนิด!

เขายิ่งไม่อยากรอให้ถึงจุดจบแบบนั้น!

ไป๋ยี่เฟยกัดฟันกรอด รีบลืมตาขึ้น เขามองไปที่หน้ากากผีอย่างเย็นชา“คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลิวเสี่ยวอิงต้องเสียสละและทุ่มเทให้ผมไปมากเท่าไร!”

“เพราะฉะนั้น เธอมีความสำคัญต่อหัวใจของผม คุณไม่มีทางรู้ด้วยซ้ำ!”

“ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ผมก็ไม่มีทางให้เธอแต่งงานกับพานปู้ถิง!”

พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ก้มหน้าลง ใช้ปากคาบมีดสั้นไว้

พอเห็นฉากนี้ หน้ากากผีรู้ได้ในทันทีว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ

วินาทีต่อมา เขามองเห็นไป๋ยี่เฟยคาบมีดสั้นกรีดไปที่แขนของตัวเอง

โซ่เหล็กที่พันธนาการเขาไว้เป็นโซ่เหล็กทั้งเส้น ขอเพียงแค่แขนข้างหนึ่งของเขาหลุดพ้นได้ เขาก็จะสามารถหลุดจากโซ่เหล็กนี้ได้

แต่เห็นได้ชัด ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายโซ่ด้วยมีดสั้น

ดังนั้น เขาจะต้องค่อยๆเฉือนกรีดแขนของตัวเองทีละนิด แบบนี้เขาก็สามารถหลุดพ้นจากโซ่เหล็กได้แล้ว

การกระทำของไป๋ยี่เฟยทำให้หน้ากากผีตกใจมาก

เขาคาดไม่ถึงเลยว่าไป๋ยี่เฟยจะตัดสินใจทำแบบนี้ และเขาก็มีความแน่วแน่มาก

“นี่ นายเอาจริงเหรอ!”

พอเห็นไป๋ยี่เฟยใช้มีดสั้นที่คาบอยู่ในปากจะกรีดลงไปที่แขนของเขา หน้ากากผีจึงรีบก้าวไปข้างหน้าทันที เอื้อมมือออกไปคว้าด้ามมีดสั้นไว้ แล้วดึงมีดสั้นออกมา สุดท้ายโยนทิ้งไปบนพื้น

“แคร้ง!”

มีดสั้นตกลงไปบนพื้น

หน้ากากผีจึงมองไปที่เขา แล้วตะโกนเสียงดัง“นายโง่รึเปล่า?จะตัดแขนของตัวเองเพื่อผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ?”

สายตาของไป๋ยี่เฟยจ้องมองไปที่หน้ากากผีด้วยความเย็นชา แล้วพูดว่า“คนอย่างคุณจะไปรู้อะไร”

“คนอย่างฉัน?”หน้ากากผีตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มออกมา“นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?ถึงมาเรียกว่าคนอย่างฉัน?”

ไป๋ยี่เฟยถลึงตามองไปที่เขาโดยไม่พูดอะไร

แต่หน้ากากผีก็หัวเราะอยู่ข้างๆ อีกด้านก็ค่อยๆถอดหน้ากากของเขาออกมา

หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยมองเห็นใบหน้าที่อยู่หลังหน้ากาก มันทำให้เขาตกตะลึงในทันที

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า คือผู้หญิงอายุสามสิบกว่า ไป๋ยี่เฟยเคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ไม่กี่ครั้ง และตัวเองได้รับการช่วยเหลือจากเธอหลายครั้ง

ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือหลิวจู๋ผู้ซึ่งเป็นน้ารองของหลิวเสี่ยวอิง

หลิวจู๋หัวเราะแล้วมองไปที่ไป๋ยี่เฟยพลางพูดขึ้นมาว่า“ไม่เลว นายผ่านบททดสอบของฉันแล้ว”

ไป๋ยี่เฟยมึนงง

ต่อมาหลิวจู๋ก็ปลดโซ่เหล็กออก ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่บนเตียงมองไปที่หลิวจู๋อย่างเหม่อลอย

หลิวจู๋ที่เห็นเขาเป็นแบบนั้น จึงตบไหล่ของเขาอย่างอดไม่ได้“นายวางใจเถอะ ฉันสามารถค่อยๆปรับสมดุลย์ร่างกายของเธอให้ฟื้นฟู เพื่อที่เธอจะได้กลับมามีสิทธิ์เป็นแม่คนอีกครั้ง”

พอไป๋ยี่เฟยได้ยินแล้วก็เกิดหวั่นไหว จริงด้วย หลิวจู๋มีทักษะทางการแพทย์ดีมาก ตอนนั้นหลี่เสว่ไม่สามารถมีลูกได้ และเป็นเธอที่เป็นคนดูแลเรื่องนี้

เวลานี้เอง หลิวจู๋ก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า“พี่ชายและพี่สาวของฉันพวกเขาอยู่ต่างประเทศตลอด แต่พวกเขายังคงมีแนวคิดหัวโบราณ และไม่สามารถยอมรับความคิดแบบนี้ในระยะเวลาอันสั้น”

ไป๋ยี่เฟยอยากพูดว่า:เรื่องนี้ดูไม่เกี่ยวอะไรกับแนวคิดหัวโบราณเลย ไม่ว่าความคิดจะล้ำยุคขนาดไหน กลัวว่าจะไม่สามารถยอมรับเรื่องแบบนี้ได้

แต่ทว่า ในใจของไป๋ยี่เฟยไม่สามารถยอมให้หลิวเสี่ยวอิงแต่งงานกับพานปู้ถิงได้

ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิด แล้วถามออกไปว่า“งั้นน้ารอง……”

หลิวจู๋หัวเราะแล้วพูดว่า“ฉันก็หัวโบราณเหมือนกันย่ะ”

พอได้ยินคำพูดนี้สีหน้าของไป๋ยี่เฟยถึงกลับเปลี่ยนไป

แต่วินาทีต่อไป หลิวจู๋ก็หัวเราะแล้วพูดว่า“หัวโบราณแต่ไม่ได้แปลว่าฉันจะสับสน”

“เนื่องจากเสี่ยวอิงเป็นคนรุ่นหลังในครอบครัว ในฐานะที่เป็นอาวุโส ฉันหวังว่าเธอจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ไม่ใช่การรักษาความอนุรักษนิยมนั่น”

“นายน่ะ ผ่านการทดสอบของฉันเมื่อกี้ ถือว่าไม่เลวเลย”

เมื่อกี้ไป๋ยี่เฟยไม่ลังเลแม่แต่น้อยที่จะตัดแขนของตัวเองทิ้ง เพื่อไปหยุดยั้งไม่ให้หลิวเสี่ยวอิงแต่งงานกับพานปู้ถิง ลำพังแค่ความกล้าหาญและความมุ่งมั่นจุดนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปสามารถทำได้

หลิวจู๋รู้สึกชื่นชมมาก เธอปลอบใจไป๋ยี่เฟยว่า“ถึงสถานการณ์จะค่อนข้างคาดไม่ถึง แต่ในใจของเสี่ยวอิงยังมีนายอยู่นะ”

แต่แล้วเมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าเขากลับเศร้ามากยิ่งขึ้น“ผมไปหาเธอมาแล้ว เธอบอกว่า……มันผ่านไปแล้ว”

หลิวจู๋ที่เห็นอย่างนั้นจึงส่ายหัวไปมาเบาๆ หลังจากนั้นก็อธิบายให้กับไป๋ยี่เฟยว่า“นายต้องเข้าใจพ่อแม่ของเสี่ยวอิงนะ”

ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลิวจู๋

หลิวจู๋จึงพูดต่อไปว่า“ในตอนนั้นพานปู้ถิงสืบได้ว่านายมีภรรยาและลูกแล้ว จึงรีบไปบอกพี่ชายและพี่สะใภ้ของฉันทันที”

“หลังจากที่พวกพี่ชายและพี่สะใภ้รู้เรื่องก็โกรธทันที แต่พวกเขายังต้องร่วมงานกับเฟยเสว่หรุ๊ป จึงไม่สามารถแตกคอกันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงโทรหาเสี่ยวอิง บอกว่าพ่อของเธอป่วยกะทันหัน หลอกให้เสี่ยวอิงกลับไป”

“หลังจากที่เสี่ยวอิงกลับไป พี่สะใภ้ใช้ชีวิตของเธอบีบบังคับเสี่ยวอิง ให้เธอแต่งงานกับพานปู้ถิง นายก็รู้ว่า เสี่ยวอิงเธอเป็นคนกตัญญูมาก ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถปฏิเสธได้”

หลังจากที่ฟังจบแล้ว ไป๋ยี่เฟยดูเหมือนจะรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา

ตราบใดที่เสี่ยวอิงไม่ได้ตั้งใจจะจบกับเขาจริงๆ ก็ยังมีที่ว่างสำหรับสิ่งเหล่านี้

แต่ว่า……

“ตอนนี้ผมควรจะทำยังไง?”ไป๋ยี่เฟยถาม

หลิวจู๋หัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า“นี่มันเรื่องง่ายนิดเดียวไม่ใช่เหรอ?แน่นอนว่าต้องใช้ความจริงจังของนายทำให้พวกเขาประทับใจ”

ไป๋ยี่เฟย“?”

……

ณ ภายในห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีทของโรงแรมเทียนเป่ย

หลิวเสี่ยวอิงก้มหน้าก้มตานั่งอยู่บนโซฟา ฟังหลิวโก๋จงตำหนิโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“ทำไมตระกูลหลิวถึงมีลูกสาวแบบนี้นะ?ถึงได้ทำแต่เรื่องน่าขายหน้าแบบนี้!”

อู๋หยุนนั่งอยู่ข้างๆหลิวเสี่ยวอิง มองดูหลิวเสี่ยวอิงแล้วพูดปกป้องเธอว่า“จนถึงป่านแล้ว คุณอย่าพูดอีกเลย เสี่ยวอิงสำนึกผิดแล้ว อีกสองวันก็จะแต่งงานกับพานปู้ถิงแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”

หลิวโก๋จงที่ได้ยินคำพูดนี้แล้วจึงทำเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วหันหน้าออกไป ถ้าไม่เห็นก็ไม่นึกถึง

มือข้างหนึ่งของอู๋หยุนจับมือของหลิวเสี่ยวอิงไว้ อีกข้างวางไว้บนไหล่ของหลิวเสี่ยวอิง แล้วพูดเกลี้ยกล่อมว่า“เสี่ยวอิง เหตุการณ์ในวันนี้ลูกก็ได้เห็นแล้ว ปู้ถิงเอาการ์ดแต่งงานไปให้อย่างหวังดี แต่กลับถูกไป๋ยี่เฟยทำร้าย”

“ลูกว่าการกระทำของเขาแคร์ลูกจริงๆเหรอ?เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นแก่ตัว ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของลูกด้วยซ้ำ ถ้าลูกคบกับเขาไป จากนี้ไปจะเป็นอย่างไร?”

“ลูกดูปู้ถิงสิ ถึงแม้ตำแหน่งของเขา ฐานะ กังฟู กระทั่งภูมิหลังทางครอบครัว ไม่สามารถเทียบกับไป๋ยี่เฟยได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังไม่มีภรรยาและลูกไม่ใช่เหรอ?”

คำพูดนี้พูดไม่ผิดเลย แต่กลับทำให้สีหน้าของพานปู้ถิงถึงกับเงียบขรึมไป

หลังจากที่อู๋หยุนพูดจบก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรผิด จึงรีบพูดเสริมอีกหนึ่งประโยคว่า“ทุกเรื่องต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ครอบครัวของเรากับปู้ถิงเหมาะสมกันพอดี”

“ลูกว่าถูกไหม?”

“อีกอย่างนะ พ่อกับแม่ไม่ได้เป็นคนไร้เหตุผลแบบนั้น ถ้าไป๋ยี่เฟยยอมหย่า มันก็ไม่มีอะไร แต่เขาไม่ยอม อีกทั้งเขายังรักภรรยาของเขามาก จุดนี้ลูกน่าจะเข้าใจมากกว่าพวกเราถึงจะถูกสิ”

ในตอนนี้หลิวเสี่ยวอิงรู้สึกเสียใจมาก เธอเอาแต่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน

ในตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองไม่มีความหวังใดๆแล้ว แต่เพราะว่าอุบัติเหตุ ทำให้เธอกับไป๋ยี่เฟยมีความรู้สึกที่ประเดประดังเข้ามา

แต่พวกเขากำลังอยู่ในวังวนความทุกข์ทรมาน มันจึงทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง

แต่หลี่เสว่ยื่นมือให้กับเธอ ให้ความหวังเธอ ทำให้เธอพบกับแสงสว่าง

ในเวลานี้เอง เธอคิดว่าสามารถรับความหวังใหม่การเริ่มต้นใหม่ของตัวเองได้แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในที่สุดก็ต้องแพ้ให้กับโลกแห่งความเป็นจริง

แต่ในเวลานี้เอง พานปู้ถิงทำเพื่อพิสูจน์ตัวเอง จึงรีบคุกเข่ากับพื้น พูดสัญญากับหลิวเสี่ยวอิงอย่างจริงจัง“เสี่ยวอิง คุณวางใจเถอะ จากนี้ไปผมจะดูแลคุณอย่างดี!”

หลิวเสี่ยวอิงกะพริบตาปริบๆ เธอรู้สึกเหนื่อยมาก ไม่อยากดิ้นรนอีกต่อไปแล้ว

“หนูขอกลับห้องพักผ่อนก่อนนะ”หลังจากที่หลิวเสี่ยวอิงพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนจะเดินกลับเข้าห้อง

แต่แล้วพานปู้ถิงที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้น จึงทำพานปู้ถิงรู้สึกอับอายมาก

หลิวโก๋จงจึงตะคอกขึ้นมาว่า“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

หลิวเสี่ยวอิงหยุดยืนนิ่ง

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset